ความจริงแล้ว “โลกนี้มันก็ไม่ได้อยู่ยากนักหรอก”

เพราะชีวิตในหนึ่งวันของคนเราย่อมต้องเกิดอะไรขึ้นมาได้ตั้งหลายเรื่อง แถมแต่ละเรื่องที่ผ่านเข้ามาก็อาจทำให้จิตใจของเรา “ว้าวุ่น” ได้ทั้งนั้น ไม่ว่าใครที่บอกว่าตัวเองเก่งแค่ไหน เก่งเรื่องงาน เก่งเรื่องเรียน เก่งเรื่องการวางแผนนั่นนี่มากมาย แต่เมื่อเจอเรื่องทีทำให้ว้าวุ่นใจ บางทีก็ไปต่อไม่เป็นเหมือนกันนะคะ เชื่อว่าเราทุกคนคงเคยเจอกับอาการเหล่านี้กันมาไม่มากก็น้อย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันขึ้นอยู่ที่ว่าเราจะเปิดใจยอมรับเรื่องที่เกิดขึ้น และทำใจให้ยอมรับเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้มากน้อยแค่ไหนเท่านั้นเอง

จริงอยู่ว่าการเรียนรู้และทำความเข้าใจกับสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้น และชวนให้เราว้าวุ่นใจนั้นเป็นเรื่องที่ “พูดง่ายแต่ทำยาก” ดังนั้น เรื่องราวที่เรานำมาฝากในวันนี้จึงเป็นเหมือนบทความประกอบชีวิตสำหรับ “ผู้ว้าวุ่นใจ” ทั้งหลาย ที่อยากว้าวุ่นให้น้อยลง ด้วยการทำความเข้าใจโลกให้มันง่ายขึ้น สิ่งใดที่เกิดขึ้นแล้วมันมีเหตุผลของมันเสมอ ดังนั้น จงทำความเข้าใจ ยอมรับ และรีบหายจากอาการเจ็บปวดให้เร็วที่สุด เพราะยิ่งเราก้าวเดินต่อไปได้เร็วเท่าไหร่ เราก็จะเสียเวลาชีวิตน้อยลงเท่านั้น

>> เราถูกกำหนดจาก ร่างกาย และ ความคิด <<  

จากเหตุผลที่ว่าทำไมทุกคนในโลกล้วนต่างกัน เพราะนอกจากร่างกายทุกคนจะไม่เหมือนกันแล้ว ทุกคนก็ยังไม่มีใครที่มี ความคิดที่เหมือนกันเลย คนเราแค่เกิดมาจากครอบครัวที่แตกต่างจึงมีความคิดที่ต่างกัน อย่างคนรวยกับคนจนก็มีวิธีคิดที่ต่างกันไป ดังนั้น ไม่จำเป็นต้องพยายามจะลอกเรียน หรือเรียนแบบความคิดของใครมาเป็นของตัวเอง

ดังนั้นไม่ต้องพยายามจะก็อปปี้ความคิดหรือตัวตนของคนบางคนให้กลายมาเป็นตัวเราหรกค่ะ แค่เรียนรู้และปรับเอาวิธีคิดมาเพิ่มเติมกับชีวิตให้เหมาะสมกับตัวเราที่สุด รวมถึงค่อย ๆ ทยอยตัดสิ่งที่จะทำให้ชีวิตเราแย่ลงทิ้งไปทีละอย่างสองอย่าง ทุกคนมีข้อจำกัดในชีวิตต่างกัน เป้าหมายคือทำให้ตัวเองเป็นคนที่ดีขึ้น มีวิธีคิดที่ดีขึ้น โดยยังสามารถใช้ชีวิตในข้อจำกัดที่มีอยู่ได้อย่างไม่มีปัญหา ซึ่งถ้าความคิดของเราดีขึ้นถึงระดับหนึ่งแล้ว เราก็อาจจะสามารถทำลายข้อจำกัดต่างๆ ที่เจอเหล่านั้นได้

>> สิ่งที่ต้องเอาชนะให้ได้ก็คือ “ความเครียด” <<

ต้องยอมรับอย่างปฏิเสธมาได้เลยว่าทุกวันนี้คนเราต่างเผชิญปัญหากับ “ความเครียด” มากเพียงใด ทั้งจากเรื่องส่วนตัว ทั้งจากการทำงาน การใช้ชีวิตที่ต้องดิ้นรนแข่งขัน สภาพแวดล้อม หรือแม้กระทั่งผู้คนที่อยู่รอบกาย ทุกปัจจัยสามารถกระตุ้นให้เกิดความเครียดได้ทุกเวลา และหากเราไม่รู้จักวิธีในการป้องกันหรือขจัดเจ้าความเครียดให้ออกไปแล้วล่ะก็ รับรองเลยค่ะว่าจะส่งผลเสียทั้งต่อร่างกายและจิตใจในระยะยาวอย่างแน่นอน

แม้ว่าหลายๆ คนจะพยายามทำหลายวิธีเพื่อจะลดความเครียด แต่กลับรู้สึกว่ายิ่งทำบางทีก็ยิ่งเครียดมากขึ้น ขอแนะนำว่าต้องค่อยๆ คิดแก้ไปทีละปัญหาค่ะ เราต้องรู้ก่อนว่าเราเครียดเรื่องอะไร เช่น ถ้าเครียดเรื่องงานก็แก้ที่งานก่อน เครียดเรื่องอะไรก็ค่อยๆ แก้ไปที่เรื่องนั้น อย่าเอาความเครียดมารวมกัน มันจะงงละสับสัน ทำให้แก้ยากขึ้นค่ะ

>> รับรู้ข่าวสารจากทุกมุมโลกมากเกินไปก็ไม่ดี <<   

บางทีการที่คนเราเสพสื่อมากเกินไปจากเทคโนโลยีที่เข้าถึงการรับรู้ข่าวสารจากทุกซอกมุมโลกได้ง่าย และจากข่าวสารที่มีแต่เรื่องร้ายๆ มักประดาหน้ากันเข้ามาให้เราอ่านมากกว่าเมื่อก่อน ทำให้เราคิดไปว่าสังคมของเรานนี้เลวร้ายมากขึ้น แต่ถ้าลองดูจากสถิติจริงๆแล้วทั่วทั้งโลกมีปัญหาอาชญากรรมลดลงกว่าแต่ก่อนอย่างมาก แต่นั่นเป็นเพราะการนำเสนอให้ผู้คนได้รับรู้ว่ามีแต่เรื่องร้ายๆ คนเราจึงคิดว่าสังคมอยู่ยาก สังคมเลวร้าย และมีความซับซ้อนมากขึ้นนั่นเอง

ความจริงเรื่องของศีลธรรมของคนเราก็มีส่วนสำคัญนะคะ การนำเสนอเรื่องร้ายๆ ข่าวการทำร้ายกันเองมีมากขึ้น เราก็คิดไปว่าศีลธรรมของคนต่ำลงกว่าเดิม ทั้งที่จริงแล้วเราอาจคิดไปเองทั้งนั้น ลองหันมาติดตามข่าวสารที่ไม่ได้สำคัญกับชีวิตให้น้อยลงง เลือกเสพแต่สื่อฯ ที่นำเสนอแต่เรื่องราวที่ดี จรรโลงสังคม ทำให้ชีวิตเกิดประโยชน์ได้มากขึ้นจะดีกว่า แล้วเราจะเห็นได้ชัดเลยว่า สังคมมาได้เลวร้ายขนาดนั้น และโลกนี้ก็ไม่ได้อยู่ยากอะไรเลย แค่เรื่องราวดีๆ มันหายไปจากการนำเสนอผ่านสายตาเราเท่านั้นเอง

>> เรารู้สึกไปเองว่า ทุกอย่างมันไม่เหมือนเดิม <<

คนเราเมื่อยิ่งโตมากขึ้นสิ่งที่เพิ่มขึ้นตามไปด้วยก็คือประสบการณ์ ความคาดหวัง และการตัดสินใจ ที่มีมากขึ้น อาจทำให้เรามองโลกเปลี่ยนไป ต่างจากตอนที่อายุยังน้อยหรือตอนเป็นเด็กที่ไม่ได้คิดอะไรมาก โลกตอนนั้นจึงน่าอยู่กว่าปัจจุบัน แต่พอเราเติบโต ทุกอย่างมันกลายเป็นว่าสิ่งที่เห็น คือสิ่งที่เราอยากให้เป็น หลายครั้งพอไม่ได้ดั่งใจหวัง เราจึงมักคิดว่าทำไมโลกช่างอยู่ยากขึ้นทุกวันนั่นเอง เมื่อเราคิดว่าโลกนี้มันเริ่มอยู่ยาก ทำให้เกิดความท้อแท้กับการใช้ชีวิต คิดว่าสู้เท่าไหร่ก็ไม่เคยจะชนะ ทำเท่าไหร่ก็ยังไม่ดีพอ นั่นเพราะเรายังไม่เข้าใจโลก ยังไม่เข้าใจว่าการใช้ชีวิตที่แท้จริงก็เป็นแบบนี้ทั้งนั้น

ถ้าเราเข้าใจทุกอย่างเราจะยอมรับมันได้ เราจะเข้าใจทุกอย่างได้มากขึ้น การมองโลกให้เป็นก็คือการเข้าใจความเป็นไปของชีวิต ซึ่งเมื่อเข้าใจชีวิต เราก็จะเข้าใจชีวิตได้ง่ายขึ้นสิ่งหนึ่งของการเข้าใจชีวิตที่สำคัญคือ การรับรู้ว่าชีวิตไม่มีอะไรแน่นอน ทุกอย่างบนโลกต้องมีวันผันเปลี่ยนไปตามกาลเวลาของมัน ไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น เพียงแค่เมื่อเกิดแล้วเราจะรับมือกับสิ่งนั้นได้อย่างไรมากกว่าที่สำคัญ และทุกปัญหาที่เข้ามามันก็คือส่วนหนึ่งของความไม่แน่นอนในชีวิตนั่นเอง

>> ทุกอย่างผ่านมา ก็มีวันผ่านไป <<

เรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องราวของ “ความรัก” ที่จะพูดได้เห็นภาพชัดเจนมากที่สุด เพราะคนเรามักจะให้ความสำคัญกับความรักของตัวเองมากที่สุด เมื่อมีความรักที่ดี โลกก็ดูน่าอยู่ โลกนี้ช่างสวยงาม แต่เมื่อเจอเรื่องราวความรักแย่ๆ ขึ้นมาแล้วล่ะก็ จะโทษทันทีว่า โลกนี้มันช่างโหดร้ายและไม่น่าอยู่เอาเสียเลยใช่มั้ยคะ

แต่ก็ไม่แปลกหรอกค่ะที่เราจะให้ความสำคัญกับความรัก แต่ต้องทำความเข้าใจเรื่องของการมีรัก และการหมดรัก เอาไว้ด้วย ความรักไม่ได้อยู่กับคนสองคนไปตลอด ทุกอย่างมีเกิดขึ้นก็ต้อมีดับไป ไม่ใช่เฉพาะแค่ควารัก แต่รวมถึงงทุกอย่างด้วยค่ะ เราจึงต้องทำความเข้าใจโลกจะรู้ว่าความรักก็คือบทเรียนบทหนึ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิต มาให้ความสุข สร้างความสวยงามแก่ทุกสิ่ง สร้างสีสัน แต่ก็ทำให้เนทุกข์ได้ไม่น้อยเช่นกัน ฉะนั้นจงคิดซะว่าความรักก็แค่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป มีสุขก็ต้องงมีทุกข์เป็นสัจธรรมที่ใช้ได้จริงๆ ค่ะ ถ้าเราเข้าใจและปล่อยผ่านตั้งตัวขึ้นมาให้ได้เร็ว วันนั้นโลกก็จะกลับมาน่าอยู่อีกครั้งแน่นอน

เอาเข้าจริงๆ โลกนี้ไม่ได้อยู่ยากหรอกค่ะ คนเราต่างหากที่ทำให้โลกดูอยู่ยาก ลองค้นหาดูดีๆ เราจะพบความสุข ความสดใสเล็กๆ ที่ซ่อนอยู่ในทุกมุมของโลก ทั้งงการช่วยเหลือกันของเพื่อนมนุษย์ที่พบเห็นกันบ่อยๆ เหล่านี้ก็เป็นเรื่องราวดีๆ ที่ทำให้เห็นว่าโลกนี้ยังน่าอยู่อีกเยอะ มันยังเต็มไปด้วยความหมายของการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ให้แก่กัน แค่เราปรับมุมมองและแนวทางการใช้ชีวิตดูใหม่ จะพบได้ทันทีว่า “โลกนี้มันไม่ได้เลวร้าย” เชื่อสิ!!

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

วิธีเอาชนะ และหลีกเลี่ยง “ความเครียดมือสอง”

วิธีรับมือกับเรื่องแย่ๆ เอาชนะปัญหา และอุปสรรคของชีวิต

เลิกเป็นสาวแง่ลบ…มองอะไรก็แย่ไปหมดทุกอย่าง!

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.