ตรวจหาความเสี่ยง เพราะคุณแม่ เป็นมะเร็ง
เชื่อว่าตอนนี้ โรคมะเร็งเต้านม เกิดขึ้นในผู้หญิงที่อายุน้อยลงเรื่อย ๆ และด้วยเป็นโรคที่อาจเกิดขึ้นได้จากพันธุกรรม พฤติกรรม และการใช้ชีวิต สาว ๆ จึงไม่ควรประมาท ควรตรวจเช็กเต้านมสม่ำเสมอ และตรวจสุขภาพอย่างละเอียดทุกปี เพื่อที่ว่า หาก เป็นมะเร็ง ขึ้นมา จะได้รับมือได้ง่ายขึ้นค่ะ มาอ่านประสบการณ์การตรวจความเสี่ยงมะเร็งเต้านมของสาวออฟฟิศท่านหนึ่งที่มาแชร์ให้เราได้รับทราบกันดีกว่า
เริ่มจากคุณแม่เสียด้วยมะเร็งเต้านม
คุณนิสา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 25 ปี เป็นสาวออฟฟิศทั่ว ๆ ไป ที่แม้อายุยังน้อย แต่เธอไม่เคยประมาทภัยร้ายที่เรียกว่า “มะเร็งเต้านม” ด้วยความที่คุณแม่ของเธอเสียชีวิตจากโรคร้ายนี้ รวมถึงในครอบครัวยังมีประวัติเป็นโรคมะเร็งอีกหลายคน เธอจึงเลือกที่จะตรวจเช็กสุขภาพอย่างละเอียดทุกปี
“ปกติเป็นคนไม่ใส่ใจสุขภาพค่ะ จนกระทั่งคุณแม่เสียด้วยโรคมะเร็งเต้านม คนรอบข้างจึงแนะนำให้หาเวลาไปตรวจสุขภาพบ้าง จึงลองไปพบแพทย์เพื่อขอคำปรึกษาดู”
คุณนิสาเล่าให้ฟังว่า ก่อนที่เธอจะเข้ารับการตรวจสุขภาพตามปกติ ได้มีโอกาสพูดคุยกับคุณหมอและพยาบาลที่แนะนำการตรวจเพิ่มเติมต่าง ๆ เพราะคนในครอบครัวมีประวัติเป็นโรคมะเร็งเต้านม ทางโรงพยาบาลจึงแนะนำให้เธอตรวจเลือดเพื่อหาสารบ่งชี้มะเร็ง (Tumor Marker)
“นอกจากจะตรวจสุขภาพประจำปีแล้ว คุณหมอได้แนะนำให้ตรวจสารบ่งชี้มะเร็งประเภทซีเอ 15-3 (CA 15-3) เพราะด้วยความที่ไม่ได้ตรวจสุขภาพมานานและไม่เคยตรวจเช็กเต้านมด้วยตนเองมาก่อน การตรวจในลักษณะนี้จะช่วยคัดกรองความเสี่ยงหรือระยะของโรคมะเร็งได้ในระดับหนึ่งค่ะ”
เมื่อผลออกมาว่ามีความเสี่ยง
ในวันฟังผล เธอพบว่าค่าของสาร CA 15-3 นั้นอยู่ในระดับสูงกว่าปกติ โดยค่ามาตรฐานต้องไม่เกิน 25 ในขณะที่ผลออกมาอยู่ที่ 28 เธอจึงได้รับคำแนะนำให้อัลตราซาวนด์เต้านมเพื่อใช้ประกอบการวินิจฉัยเพิ่มเติม
“เมื่อกลับถึงบ้านจึงลองคลำเต้านมด้วยตนเอง พบว่ามีก้อนประมาณ 1 เซนติเมตรที่เต้านมข้างซ้ายค่ะ ตอนนั้นตกใจมาก แต่ก็ยังทำใจดีสู้เสือรอผลตรวจอัลตราซาวนด์”
ผลตรวจอัลตราซาวนด์ออกมาพบว่า ก้อนที่เธอคลำเจอข้างซ้ายนั้นเป็นถุงน้ำ (Cyst) ที่สามารถเกิดขึ้นเพราะฮอร์โมนในร่างกายซึ่งไม่เป็นอันตรายใด ๆ แต่สิ่งที่ต้องระวังคือ ก้อนเนื้อเล็ก ๆ สามก้อนที่ตรวจพบในเต้านมข้างขวา ซึ่งในเบื้องต้นไม่ใช่เซลล์มะเร็ง แต่ต้องติดตามผลโดยการนัดอัลตราซาวนด์ซ้ำทุก 6 เดือนว่ามีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่
“หลังจากนั้น 6 เดือนมาอัลตราซาวนด์ซ้ำ พบว่าขนาดของก้อนเนื้อที่เต้านมข้างขวาไม่เปลี่ยนแปลง คุณหมอจึงแนะนำให้มาอัลตราซาวนด์ทุก 6 เดือน ติดต่อกัน 2 ปี หากมีขนาดใหญ่ขึ้น ต่อให้ไม่ใช่มะเร็งก็ควรผ่าตัดออก แต่หากขนาดไม่เปลี่ยนแปลงภายใน 2 ปี ก็เว้นระยะมาตรวจเพียงปีละครั้งก็ได้”
เพราะอายุยังน้อย ความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านมจึงยังไม่มาก แต่เธอก็หันมาระมัดระวังตัวมากขึ้น เลือกกินอาหารสุขภาพมากขึ้น และคอยติดตามข่าวสารของโรคมะเร็งอยู่เสมอ เพราะหากวันข้างหน้าเธอต้องรับมือกับโรคดังกล่าว ก็มั่นใจว่าพร้อมเต็มที่
(ที่มา : คอลัมน์ประสบการณ์สุขภาพ นิตยสารชีวจิต ฉบับที่ 394)
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
ค้น 4 ความจริง มะเร็งเต้านม กับ “มูลนิธิถันยรักษ์ฯ”
ปัจจัยอะไรบ้าง เสี่ยงต่อการเป็น “มะเร็งเต้านม”