5. กินอาหารสุขภาพ
ซูเปอร์ฟู้ด อาหารสุขภาพ เป็นอาหารชั้นดีที่ควรกินให้มากขึ้น เพราะสามารถช่วยบรรเทาอาการ รักษา และป้องกันการเกิดโรคได้ เนื่องด้วยอุดมด้วยสารอาหาร และแหล่งพลังงานที่เหมาะสมต่อร่างกาย เช่น สารเเอนติออกซิเเดนท์ ที่ป้องกันการเสื่อมของเซลล์ สารไฟโตเคมิคัล ช่วยในการักษาโรค ใยอาหาร ช่วยระบบขับถ่ายและย่อยอาหาร รวมไปถึงวิตามิน และแร่ธาตุต่างๆที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายอีกมากมาย
เป้าหมาย : เลือกกินซูเปอร์ฟู้ด ผักผลไม้วันละ 400 กรัม คาร์โบไฮเดรตที่ไม่ผ่านกระบวนการแปรรูป เลี่ยงอาหารจังค์ฟู้ด และอาหารแช่เเข็ง
CHOICE: ซูเปอร์ฟู้ด เช่น มะรุม ขมิ้นชัน อะโวคาโด ผักเชียงดา กระเทียม และเห็ด ฯลฯ
6. ออกกำลังกายวันละ 35 นาที
นอกจากการกินอาหารที่ดีเเล้ว การมีกิจกรรมเคลื่อนไหว หรือการออกกำลังกาย สามารถเป็นเกราะป้องกันให้กับร่างกายในการต่อสู้กับโรคได้อีกด้วย เช่น การเวทเทรนด์นิ่ง ช่วยทำให้กล้ามเนื้อทุกมัดได้ออกกำลังกายนำออกซิเจนเข้าสู่ร่างกาย การคาร์ดิโอ ช่วยทำให้หัวใจแข็งแรง ป้องกันการเกิดโรคหัวใจ และการควบคุมน้ำหนัก สุดท้ายการยืดเหยียด ช่วยลความเครียดให้กับกล้ามเนื้อ ลดอาการบาดเจ็บได้
เป้าหมาย : เราควรออกกำลังกาย ให้ได้อย่างต่ำวันละ 35 – 40 นาที หรือสัปดาห์ละ 5 วัน
CHOICE: บอร์ดี้เวท แอโรบิกในน้ำ โยคะ รำกระบอง ฤาษีดัดตน ปั่นจักรยาน และว่ายน้ำ
8. เดินมากขึ้น
รู้หรือไม่ว่า การเดินสลับช้าเร็ว สามารถช่วยลดน้ำหนัก และทำให้หัวใจเราเเข็งเเรงมากยิ่งขึ้น เพราะการเดินสลับช้าเร็ว เป็นการสลับเปลี่ยนโหมดการออกกำลังกายไปมา หรือเรียกว่า HITT เป็นการออกกำลังกายหนักเบาในช่วงระยะเวลาหนึ่ง โดยเฉพาะการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอช่วยทำให้เราเผาผลาญได้ดียิ่งขึ้น
เป้าหมาย : เดินสลับช้าเร็ว วันละ 30 นาที
CHOICE: เวลา 1-5 นาที แรก ให้เดินปกติเพื่อการวอร์มอัพ นาทีที่ 6- 10 ,11-15, 16-20, 20-25 ให้เดินสลับช้าเร็ว และนาทีที่ 28- 30 ให้เดินช้าๆ เพื่อการคูลดาวน์
อ่านเพิ่มเติม: 5 คลาสออกกำลังกาย ใหม่สุด! ตัวเลือกฮอตเพื่อหุ่นสวย
7. ใช้โทรศัพท์ เล่นโซเชียลให้น้อยลง
มีงานวิจัยระบุว่า ในเเต่ละวันคนไทยใช้เวลากับหน้าจอโทรศัพท์ เฉลี่ยวันละ 463 นาที ซึ่งในระยะยาวอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้ โดยเฉพาะโรคออฟฟิศซินโดรม โรควิชชั่นซินโดรม ทำให้เกิดอาการปวดกล้าเนื้อเบริเวนบ่าไหล่ อาการปวดศีรษะ ปวดหลัง ปวดข้อมือ สายตาหล้า สายตาขี้เกียจ ตาแห้ง และน้ำตาไหลเองได้
เป้าหมาย : ปิดโทรศัพท์ก่อนนอนทุกครั้ง แล้ววางให้ห่างจากเตียงนอน และหันมาสนใจ สนทนากับคนรอบข้างให้มากขึ้น
CHOICE: เปลี่ยนมาอ่านหนังสือ นิตยสาร แทนการใช้เวลาเล่นโทนศัพท์
9. คิดบวก
ข้อสุดท้าย เป็นการฝึกฝนตัวเองเพื่อให้รู้จักมองโลกได้ง่ายขึ้น เพราะทุกอย่างบนโลกนี้เราไม่สามารถควบคุม
ได้ไปหมดทุกอย่าง ในทางกลับกันเราสามารถจัดการกับตัวเราเองได้เพื่อให้พร้อมกับทุกสถานการณ์ที่เราพบเจอ นั่นคือ การคิดบวกเพราะทุกอย่างมีทางแก้และสามมารถจัดการได้ เช่น ในบางครั้งที่เราป่วย ในแง่ดีมันจะทำให้เรารู้จุกการดูแลตัวเองมากขึ้นไปอีก
เป้าหมาย : คิดบวก หยุดมองโลกในแง่ไม่ดี และมีสติ
CHOICE: ฝึกการเจริญสมาธิ วิปัสนา หรือนั่งสมาธิควบคุมลมหายใจเข้าออก
