ชาไข่มุก, ชานมไข่มุก, ชานม, ไข่มุก, เครื่องดื่ม

ชาไข่มุก 101 : ทุกเรื่องราว ที่คอชานมไข่มุกต้องรู้

ชาไข่มุก 101 : ทุกเรื่องราวที่คุณต้องรู้

ชาไขมุก หรือชานมไข่มุก เครื่องดื่มสุดฮิตของวัยรุ่น วัยทำงานในปัจจุบัน วันไหนไม่ได้กินแบบว่าต้องคลั่ง น้ำตาลตก อ่อนไหว หงุดงิด (เว้อไปปะ ฮ่าๆๆ) วันนี้ ชีวจิตออนไลน์ พาทุกคนมารู้จักทุกแแง่มุมของ ชาไข่มุก หรือชานมไข่มุก ตามมาเลยจ้า

ต้นกำเนิดชาไข่มุก บินไกลจากไต้หวัน

ชาไข่มุก มีถิ่นกำเนิดมาจากประเทศไต้หวัน ในภาษาจีนนั้นเรียกว่า “เจินจูหน่ายฉา” ซึ่งก็มีความหมายว่าชานมไข่มุก ซึ่งเกิดขึ้นด้วยความบังเอิญ เพราะในอดีตคนไต้หวันสมัยก่อนจะดื่มแค่ชาร้อน

แต่มีชาวไต้หวันคนหนึ่งไปเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่น และเห็นคนญี่ปุ่นดื่มกาแฟใส่น้ำแข็ง  จึงเกิดไอเดียและกลับมาเปิดร้านชาเย็นที่ไต้หวันดูบ้าง สรุปว่าขายดีมาก  ซึ่งชาเย็นในตอนนั้นยังไม่ใส่ไข่มุก

จนกระทั่งในปี 1988 มีวันหนึ่งในขณะที่ร้านกำลังประชุมกันเรื่องคิดค้นสูตรชาใหม่ๆ มาขาย  เนื่องจากคนเริ่มเบื่อชาสูตรเก่าๆกันแล้ว  ในตอนนั้นเขากำลังกินขนมหวานที่เรียกว่า “เฝิ่นหยวน” ซึ่งเป็นขนมลูกกลมๆ ทำมาจากแป้งมันสัมปะหลัง ด้วยความนึกสนุก เขาจึงเทขนมที่กำลังกินอยู่ลงไปในชานมเย็นที่วางอยู่ในห้องประชุม แล้วเขาก็ลองชิมดูรู้สึกว่าอร่อยดี จึงเกิดเป็นเครื่องดื่มชานมไข่มุกตั้งแต่ตอนนั้น

กลับกลายเป็นว่าชานมไข่มุกคือเครื่องดื่มที่มียอดขายมากที่สุด จนกระทั่งแพร่หลายไปทั่วรวมทั้งในประเทศไทยด้วยนั่นเอง

ชาไข่มุก, ชานมไข่มุก, ชานม, เครื่องดื่ม, โทษของชานมไข่มุก
ชานมไข่มุก เครื่องดื่มที่มีน้ำตาลและไขมันสูง กินบ่อยเสี่ยงต่อการเกิดโรค

ส่วนประกอบแฝงภัยร้ายของ ชาไข่มุก

สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ออกมาเตือนว่า เนื่องจากส่วนผสมหลักของชามุก ประกอบด้วยชา ครีมเทียม น้ำตาลทราย นมข้นหวาน ไข่มุก และผงเครื่องดื่มสำเร็จรูปที่แต่งกลิ่น จึงเป็นเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลและไขมันสูง ซึ่งสมองของคนเรานั้นหากถูกกระตุ้นด้วยความหวาน มัน เค็ม จะชอบใจ และเข้าใจว่าอาหารนั้นอร่อย เมื่อเกิดความอร่อยก็ยิ่งทำให้อยากจะหามารับประทานบ่อยๆ

ยิ่งถ้ามี “กาเฟอีน” ก็ยิ่งทำให้สมองติดใจได้ง่ายขึ้น ยิ่งมีการโฆษณาชวนเชื่อว่าเป็นเครื่องดื่มสุขภาพ ก็ยิ่งอันตรายสำหรับคนที่ต้องการ “ลดน้ำหนัก” เพราะเมื่อเกิด “ความเชื่อ” ที่ผิดๆ ก็ส่งผลให้ผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยเลือกดื่มชานมไข่มุกแทนการกินอาหาร เนื่องจากคิดว่าจะช่วยลดน้ำหนักได้ทั้งที่แท้จริงแล้ว

การกิน “เกาเหลา” ทั้งชาม ยังอ้วนน้อยกว่าการกินชานมไข่มุก 1 แก้วด้วยซ้ำไป เนื่องจากปริมาณแคลอรี่ในชานมไข่มุกแต่ละแก้วแตกต่างกันออกไป ตั้งแต่ 200 กิโลแคลอรี่ ถึง 400 กิโลแคลอรี่ แต่ที่เด็ดไปกว่านั้นคือปริมาณน้ำตาล ที่มีตั้งแต่ 8 ช้อนชาต่อแก้ว ไปจนถึง 11 ช้อนชาต่อแก้ว

โดยทั่วไปแล้ว ในหนึ่งวันเราไม่ควรบริโภคน้ำตาลเกิน 6 ช้อนชาสำหรับผู้หญิง และ 9 ช้อนชาสำหรับผู้ชาย อีกทั้งไขมันอิ่มตัวจากนมที่ใส่รวมอยู่ก็มีปริมาณไม่น้อย บางสูตรใช้ “ครีมเทียม” ซึ่งมี “ไขมันทรานส์” ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพยิ่งกว่าไขมันชนิดอื่น

นอกจากจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิด “โรคหลอดเลือดหัวใจ” ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งอีกด้วย ส่วนเม็ดไข่มุก ก็คือแป้ง เพราะทำจากมันสำปะหลังที่นำมาต้มกับน้ำตาล ให้แคลอรี่ต่างกันไปในแต่ละสูตร ตั้งแต่ 2-4 กิโลแคลอรี่ต่อเม็ด อีกทั้งยังไม่มีคุณค่าทางอาหาร ไม่ว่าวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระ

นอกจากนี้ คุณทิวาพร มณีรัตนศุภร จากสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ยังเผยว่า มีการศึกษาวิจัยพบว่า

การดื่มชาคู่กับนมหรือน้ำตาลจะลดคุณสมบัติของชาในการต้านอนุมูลอิสระ”

ยิ่งไปกว่านั้น น้ำตาลที่ใส่ในน้ำชายังถือเป็นสิ่งที่ให้พลังงานสูญเปล่า หมายถึงสิ่งที่ให้พลังงานที่มาจากคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยวโดยไม่มีสารอาหารอย่างอื่นที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ซึ่งมีการศึกษาระบุว่า

“การดื่มน้ำตาลในปริมาณมาก ๆ อย่างต่อเนื่อง เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วน โรคเบาหวาน และโรคหัวใจและหลอดเลือดเหมือนกับการดื่มน้ำอัดลม หรือเครื่องดื่มประเภทชาเขียวพร้อมดื่มที่มีวางจำหน่ายทั่วไป และครีมเทียมที่ใส่ลงในชานม ไขมันส่วนใหญ่จะผลิตจากไขมันปาล์มซึ่งมีกรดไขมันอิ่มตัวสูง โดยเป็นที่ทราบโดยทั่วไปว่า การบริโภคกรดไขมันอิ่มตัวเป็นสาเหตุของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด”

อ่านเพิ่มเติม : น้ำอัดลม หวานเปลี่ยนรูป น้ำสมุนไพร ชาดำ ชานม

อ่านต่อ ตรวจพบสารเคมีในไข่มุก

Summary
Review Date
Author Rating
51star1star1star1star1star

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.