อาการปวดหัว, สูตรแก้ปวดหัว

สูตรธรรมชาติ สยบ อาการปวดหัว

สูตรธรรมชาติ สยบ อาการปวดหัว

อาการปวดหัว ในยุคปัจจุบัน ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็เจอแต่คนบ่นว่า “ปวดหัว” จะบ่นเพราะความเคยชินหรือเพราะปวดจริงๆ เราไม่รู้ แต่ที่รู้คือ คนส่วนใหญ่มักจะเลือกใช้วิธีรักษาอาการปวดหัว โดยการกินยามากกว่าจะย้อนกลับไปแก้ที่ต้นเหตุ หรือบางคนอาจเลือกแก้ไขโดยการไปพบหมอ เพราะคิดว่าสาเหตุของอาการน่าจะเกิดจากความผิดปกติที่สมอง

แต่ในความจริงนั้น ผู้ช่วยศาสตราจารย์นายแพทย์สุพจน์ ตุลยาเดชานนท์ หัวหน้าหน่วยประสาทวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี อธิบายถึงกลไกการปวดศีรษะไว้ว่า “แท้จริงแล้ว อาการปวดหัว ไม่ได้เกิดขึ้นที่เนื้อสมองโดยตรง แต่มีเพียงบางส่วนของศีรษะเท่านั้นที่ปวด เช่น

เส้นเลือด เยื่อหุ้มสมอง เยื่อหุ้มกะโหลกศีรษะกล้ามเนื้อ และผิวหนังภายนอก ซึ่งหากส่วนต่างๆ ที่กล่าวมาได้รับการกระทบกระเทือน อักเสบหรือมีการดึงรั้งที่บริเวณนั้น จะทำให้รู้สึกปวดหัว”

เมื่อได้ทราบดังนี้ ผู้เขียนจึงคิดว่าวิธีรักษาอาการปวดหัวนั้นไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างใด เพราะแค่พยายามหลีกเลี่ยงปัจจัยที่ไปกระตุ้นให้ส่วนต่างๆ ของศีรษะมีอาการปวด ปัญหาก็น่าจะหมดไปได้

ชีวจิต จึงขอนำวิธีสยบอาการปวดศีรษะโดยใช้สูตรธรรมชาติร้อยเปอร์เซ็นต์มาฝากค่ะ

 

ปรับอาหาร…สู้ปวด

วิธีเลี่ยงอาการปวดศีรษะที่ง่ายที่สุดอันดับแรกคือ การปรับเรื่องอาหารการกินให้ถูกต้อง ซึ่งหลักการกินอาหารชีวจิตไม่ได้หมายถึงแค่การกินแต่ผักผลไม้ กินข้าวกล้อง เลี่ยงเนื้อสัตว์ใหญ่เท่านั้น แต่ยังเน้นคำว่า

“อาหารเป็นยา” คือการกินอาหารเพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารไปบำรุงส่วนต่างๆ อย่างเต็มที่ โดยนายแพทย์สมาน ตั้งอรุณศิลป์ ผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทศัลยศาสตร์ จาก ชีวจิตโฮมคลินิกแนะนำวิธีปรับอาหารไว้ว่า

บาลานซ์อาหารในจาน

คำว่า “บาลานซ์” หมายถึง การกินอาหารในแต่ละมื้อให้ได้สัดส่วนที่พอดี ไม่มากหรือน้อยเกินไป เพื่อให้ร่างกายมีพลังงานในการทำกิจกรรมและใช้ความคิดในการทำงานได้

สำหรับแนวทางการกินอาหารให้สมดุลตามหลักของ อาจารย์สาทิส อินทรกำแหง กูรูต้นตำรับชีวจิต มีการแบ่งสัดส่วนของอาหารแต่ละมื้อไว้ดังนี้ค่ะ

50% แป้งไม่ขัดขสว เช่น ข้าวกล้อง ข้าวโพด เผือก มัน ขนมปังโฮลวีต

25% ผักดิบหรือผักปรุงสุก ไร้สารเคมี

15% โปรตีนจากพืชและสัตว์ เช่น ถั่วต่างๆ เต้าหู้ โปรตีนเกษตร เนื้อปลา ส่วนอาหารทะเลควรรับประทานสัปดาห์ละ 1-2 มื้อ

10% อาหารเบ็ดเตล็ด เช่น แกงหรือน้ำซุป ของขบเคี้ยว เช่น งาดำ ผลไม้สดที่ไม่หวานจัด เช่น ฝรั่ง แอ็ปเปิ้ล มะละกอ

ปรับอาหาร แก้ปวดหัว
กินอาหารให้สัดส่วนพอดี เลี่ยงอาหารรสหวาน ช่วยแก้อาการปวดหัวได้

หนีห่างรสหวานจัด

ใครที่ติดอาหารหวานจัด ชีวจิต ต้องขอร้องให้รีบเลิกจะดีกว่า เพราะยิ่งกินอาหารเหล่านี้มากเท่าไร ก็เท่ากับเรายิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคไมเกรน ซึ่งเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับอาการปวดหัวโดยตรง

อาจารย์สาทิส เคยอธิบายไว้ในหนังสือ ปั้นชีวิตใหม่ด้วยชีวจิต สำนักพิมพ์อมรินทร์สุขภาพ ว่า “คนที่ชอบกินหวาน กินน้ำตาลขาว แป้งขาวมากเกินไปจะเสี่ยงต่อโรคไฮโปไกลซีเมีย หรือน้ำตาลในเลือดต่ำ และการที่เรามีน้ำตาลในเลือดต่ำถือเป็นสาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคไมเกรน” อาหารหวานในที่นี้ยังรวมถึงผลไม้รสหวานจัด เช่น ทุเรียน เงาะ ลำไย ซึ่งเป็นขวัญใจของบรรดาคนติดรสหวาน

แต่หากการบังคับให้ตัวเองเลิกกินรสหวานอย่างเด็ดขาดนั้น เป็นเรื่องยากอย่างน้อยขอให้เปลี่ยนจากน้ำตาลขัดขาว มาเป็นน้ำตาลทรายแดง เปลี่ยนจากข้าวขาวมาเป็นข้าวกล้องดูก่อน หรือจะลองใช้สูตรแก้หงุดหงิดจากการติดรสหวานของอาจารย์สาทิสก็ได้ เพียงใช้น้ำส้มแอ๊ปเปิ้ลไซเดอร์ 2 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำอุ่น 1 แก้วดื่มวันละ 2 – 3 แก้ว แล้วอาการจะดีขึ้น

นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงปัจจัยอื่น ๆ ที่กระตุ้นให้เกิดอาการปวดศีรษะไมเกรนควบคู่กับการปรับอาหารด้วย ดังที่คุณหมอสุพจน์กล่าวเสริมว่า “ปัจจัยกระตุ้นอาการปวดศีรษะไมเกรนของแต่ละคนจะแตกต่างกันไป เช่น บางคนปวดศีรษะเพราะการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน (โดยเฉพาะในช่วงใกล้มีประจำเดือน) บางคนอดนอนหรือนอนมากเกินไป บางคนเจออากาศเปลี่ยน หรือปัจจัยอื่นๆ เช่นกลิ่นน้ำหอม กลิ่นบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ ฯลฯ”

หากรู้ว่าตัวเองมักมีอาการปวดศีรษะไมเกรนเมื่อเจอกับสิ่งเหล่านี้จึงควรเลี่ยงค่ะ

 

 

<< อ่านต่อหน้าที่ 2 >>

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.