10 คุณประโยชน์จากน้ำมันรำข้าวคิง เพื่อคนรักสุขภาพตัวจริง

จากกระแสความสนใจเรื่องสุขภาพที่ยังคงมาแรง ทำให้คนในยุคนี้ลุกขึ้นมาดูแลใส่ใจ เรื่องอาหารการกินของตนเองเป็นพิเศษ ซึ่งข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพส่วนใหญ่ก็ได้มาจากโลกโซเชียล ที่หลากหลายผลิตภัณฑ์ออกมาเคลมสรรพคุณกันเต็มที่ โดยไม่ต้องถูกกลั่นกรอง จนผู้บริโภคเกิดความสับสนว่าอะไรหล่ะที่ดีต่อสุขภาพจริงๆ อย่างเรื่องน้ำมันประกอบอาหาร ที่น้ำมันหลายชนิดพยายามเกาะกระแสนี้ ก็ออกมาเคลมว่าดีต่อสุขภาพ ต่างๆนาๆ ด้วยเช่นกัน จนผู้บริโภคเลือกน้ำมันปรุงอาหารกันไม่ถูกเลยทีเดียว

ทีม H&C มีโอกาสได้รับข้อมูลดีๆ จากน้ำมันรำข้าวคิง “ตัวจริง” น้ำมันเพื่อสุขภาพ ที่เพิ่งจัดแคมเปญ “รู้จริง เลือกคิง” เพื่อออกมายืนยันถึงคุณสมบัติเด่นและคุณประโยชน์ของ“น้ำมันรำข้าวคิง ชนิดโอรีซานอล 6,000 พีพีเอ็ม” (King Rice Bran Oil – Oryzanol 6,000 ppm) ที่แตกต่างจากน้ำมันพรีเมี่ยมชนิดอื่น สามารถพิสูจน์ได้จริงด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์และมีงานวิจัยจากสถาบันที่น่าเชื่อถือสนับสนุน จึงอยากแชร์ข้อมูลนี้ ให้เพื่อนๆ ค่ะ

น้ำมันรำข้าว คืออะไร?  น้ำมันรำข้าว เป็นน้ำมันที่สกัดออกมาจากรำข้าวและจมูกข้าว ซึ่งเป็นส่วนที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงที่สุดของเมล็ดข้าว  ทำให้น้ำมันรำข้าวอุดมไปด้วยวิตามินและสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย

น้ำมันรำข้าวคิง ชนิดโอรีซานอล 6,000 พีพีเอ็ม ดีอย่างไร? แอดมินได้รวบรวมจุดเด่นของน้ำมันรำข้าวคิง มาได้ 10 ประการ ซึ่งแต่ละข้อก็มีข้อมูลประกอบที่น่าเชื่อถือค่ะ

1. มีโอรีซานอลมากกว่า 6,000 ppm โอรีซานอล เป็นสารธรรมชาติที่พบเฉพาะในน้ำมันรำข้าวเท่านั้นไม่พบในน้ำมันพืชชนิดอื่น มีคุณสมบัติในการต่อต้านอนุมูลอิสระสูงกว่าวิตามินอี ถึง 6 เท่า และจากการวิจัยพบว่า โอรีซานอลยังสามารถช่วยลดคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี (LDL-C)  ส่งเสริมการทำงานของหลอดเลือดลดการจับตัวของเกล็ดเลือด นอกจากนั้นยังช่วยปรับสมดุลของระบบฮอร์โมนในสตรีวัยทอง โดยช่วยลดอาการร้อนวูบวาบ (Hot Flashes) อีกด้วย

2. มีไฟโตสเตอรอลมากกว่า16,000 ppm ไฟโตสเตอรอล ช่วยลดการดูดซึมคอเลสเตอรอลในร่างกาย               ช่วยยับยั้งการเติบโตของเซลล์เนื้องอกและเซลล์มะเร็ง ช่วยป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งต่อมลูกหมาก นอกจากนี้ ยังพบว่าไฟโตสเตอรอล มีคุณสมบัติช่วยป้องกันการเกิดปฎิกิริยาออกซิเดชั่น(Antioxidant) ของน้ำมันเมื่อมีการให้ความร้อนได้เหมือนกับโอรีซานอล และวิตามินอีด้วย

3. มีวิตามินอีถึง2 กลุ่ม คือ กลุ่มโทโคฟีรอลและกลุ่มโทโคไตรอีนอล ปกติในน้ำมันประกอบอาหารทั่วไปจะมีวิตามินอี กลุ่มโทโคฟีรอลเท่านั้น  ส่วนกลุ่มโทโคไตรอีนอลจะมีเฉพาะใน น้ำมันประกอบอาหารบางชนิดโดยกลุ่มโทโคไตรอีนอล มีคุณสมบัติในการช่วยต้านอนุมูลอิสระได้ดีกว่ากลุ่มโทโคฟีรอล

4. มีสัดส่วนของกรดไขมันที่เหมาะสมต่อการบริโภค น้ำมันรำข้าวคิง มีสัดส่วนของกรดไขมันที่ผ่านเกณฑ์การตรวจวิเคราะห์ของโครงการอาหารไทย หัวใจดี ซึ่งจัดโดยมูลนิธิหัวใจแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมกับคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล จนได้รับอนุญาตให้ใช้ตราสัญลักษณ์ “อาหารรักษ์หัวใจ” โดยมีสัดส่วนของกรดไขมันอิ่มตัว(SFA) ต่อ กรดไขมันไม่อิ่มตัวตำแหน่งเดียว(MUFA) เท่ากับ 1 :1.8  และมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวหลายตำแหน่ง(PUFA) น้อยกว่า กรดไขมันไม่อิ่มตัวตำแหน่งเดียว(MUFA)

5. มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวตำแหน่งเดียวสูง (High Monounsaturated Fatty Acid) คุณสมบัติที่ดีของกรดไขมันไม่อิ่มตัวตำแหน่งเดียว ก็คือสามารถลดคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี (LDL-C) ได้ จึงมีส่วนช่วยลดการอุดตันของผนังหลอดเลือดแดง ยังสามารถช่วยเพิ่มหรือคงระดับคอเลสเตอรอลตัวดี (HDL-C) ได้อีกด้วย

6. ค่ากรดไขมันทรานส์ เท่ากับ 0 กรัมต่อหนึ่งหน่วยบริโภค จึงปลอดภัยต่อการบริโภค เพราะกรดไขมันทรานส์ เป็นกรดไขมันอันตรายที่จะไปเพิ่มคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี (LDL-C) และลดคอเลสเตอรอลที่ดี (HDL-C) จึงเป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด

7. มีจุดเกิดควันสูง (High Smoke Point) น้ำมันรำข้าวคิง มีจุดเกิดควันสูง จึงเหมาะกับการประกอบอาหารทุกประเภท ทั้งทอด ผัด ทำน้ำสลัด และทำขนมอบ มีน้ำมันรำข้าวคิงเพียงขวดเดียวก็สามารถทำอาหารได้ทุกเมนู ไม่ต้องแยกน้ำมันให้ยุ่งยากอีกต่อไป

8. ไม่มีกลิ่น และรสชาติเป็นกลางจึงช่วยให้ได้กลิ่นและรสชาติแท้ๆ ของเครื่องปรุงและส่วนผสมอย่างเด่นชัดในอาหารทุกจาน

9. ไม่ใส่สารกันหืนสังเคราะห์ โดยทั่วไปสารกันหืนสังเคราะห์ เช่น BHA BHT และ TBHQ จะถูกเติมในน้ำมันประกอบอาหาร เพื่อป้องกันการออกซิเดชั่นที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดกลิ่นหืน แต่ในน้ำมันรำข้าวคิงอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิดและมีในปริมาณมาก ได้แก่ โอรีซานอล ไฟโตสเตอรอล และวิตามินอี ซึ่งมีประสิทธิภาพในการป้องกันการออกซิเดชั่นโดยธรรมชาติ สามารถทนการเกิดหืนได้ดี น้ำมันรำข้าวคิงจึงไม่ต้องใส่สารกันหืนสังเคราะห์

10. ผลิตจากข้าวไทยที่ปลอดจากการดัดแปลงทางพันธุกรรม หรือปลอด GMOs ปัจจุบันกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้การรับรองว่าข้าวไทยปลอดจากการดัดแปลงทางพันธุกรรมจึงมั่นใจได้ว่า รำข้าวที่นำมาทำน้ำมันรำข้าวคิงปลอดภัยจาก GMOs ด้วยเช่นกัน

ที่สำคัญ “คิง”ผลิตน้ำมันรำข้าวอย่างเดียวมายาวนานถึง 40 ปี จึงถือได้ว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญที่สุดในเรื่องนี้  โดยใช้ระบบการผลิตที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก มีห้องแล็บระดับมาตรฐานสากลที่เพียบพร้อมด้วยเครื่องมือวิเคราะห์วิจัยทางวิทยาศาสตร์อันทันสมัย ทำให้สามารถควบคุมคุณภาพของน้ำมันรำข้าวคิงให้ตรงตามที่บอกผู้บริโภคได้อย่างมั่นใจ การันตีคุณภาพและความปลอดภัยด้วยการส่งออกไปจำหน่ายยังประเทศต่างๆ กว่า 30 ประเทศทั่วโลก

ได้รับทราบข้อมูลของน้ำมันรำข้าวคิงแบบจัดเต็มอย่างนี้แล้ว แอดมินเชื่อว่าเพื่อนๆ H&C คงตัดสินใจเลือกน้ำมันประกอบอาหารเพื่อสุขภาพกัน ได้ง่ายขึ้นนะคะ

 

8.1

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.