การเจริญสติและศิลปะแห่งการอยู่กับปัจจุบัน

การเจริญสติ และศิลปะแห่งการอยู่กับปัจจุบัน เมื่อสติเราตั้งมั่นอยู่กับประสบการณ์ในช่วงเวลาปัจจุบัน ด้วยใจที่เปิดกว้างและปราศจากอคติ ภาวะที่เกิดขึ้นอาจเรียกได้ว่าเป็น การเจริญสติ ตามธรรมชาติแล้วจิตของเรามักใช้เวลาอยู่กับอดีตหรืออนาคตเสียเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้น การเจริญสติจึงจำต้องใช้ความตั้งใจ เราต้องดึงสติให้อยู่ในสภาวะปัจจุบันอย่างรอบคอบ ความแตกต่างของสภาวะจิตในช่วงเวลานี้อาจเทียบได้กับความแตกต่างระหว่างการตื่นรู้กับการทำด้วยความเคยชิน ซึ่งการฝึกเจริญสติส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับการสังเกตว่าเรากระทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยความเคยชินบ่อยแค่ไหน และตื่นรู้ที่จะดึงสติกลับมาอยู่กับปัจจุบันได้อย่างไร การเจริญสติจึงไม่มีการฝึกที่ตายตัว แต่เป็นหนทางที่เราจะตื่นรู้ถึงกระบวนการอันรุ่มรวย ลี้ลับ และไม่มีจุดสิ้นสุดของชีวิต   ประโยชน์ที่ได้คืออะไร สภาวะแห่งการเจริญสติอาจยากที่จะอธิบายออกมาเป็นคำพูด และไม่มีตัวช่วยอื่นนอกจากการได้มีประสบการณ์นี้ด้วยตัวเอง อย่างไรก็ดี ผู้ที่ได้รับการฝึกฝนจะสังเกตได้ถึงความรู้สึกปล่อยวาง และการเปิดประสาทสัมผัสที่เกิดจากการมีสติที่มั่นคงขึ้น การเจริญสติยังช่วยให้เรารู้จักกับนิสัยและแบบแผนของระบบความคิดของเราซึ่งจะช่วยให้เรารู้จักควบคุม หรือสร้างทางเลือกให้กับตัวเอง แทนที่จะติดอยู่ในการกระทำตามนิสัยเดิม ๆ หรือแบบแผนความคิดเดิม ๆ ที่อาจก่อให้เกิดความเครียดหรือแบบแผนความคิดเดิม ๆ ที่อาจก่อให้เกิดความเครียด หรือความกังวลใจได้ หลายคนที่ฝึกยังพบว่า ร่างกายเกิดความเข้มแข็งจากภายใน ความสงบ และความสัมพันธ์กับผู้อื่นมีพัฒนาการดีขึ้น มีผลวิจัยในปัจจุบันที่กล่าวถึงการฝึกเจริญสติและประโยชน์ที่ได้รับ ไม่ว่าจะเป็นการลดความเครียด ความกังวล สภาวะซึมเศร้ารวมถึงการพัฒนาสุขภาพและความสมบูรณ์ของร่างกายและจิตใจ   การเจริญสติมีที่มาอย่างไร การฝึกเจริญสติมีประวัติย้อนกลับไปหลายพันปี นอกจากการมีรากฐานที่เกี่ยวโยงกับศาสนาพุทธแล้ว การเจริญสติยังปรากฏในศาสนาและความเชื่อทางจิตวิญญาณแขนงอื่น ๆ อีกมากมาย ล่าสุดกระแสความสนใจการเจริญสติปะทุขึ้นอย่างแพร่หลายในฐานะการฝึกฝนที่ไม่เชื่อมโยงเข้ากับศาสนา มีหนังสิอและคอร์สอบรมเรื่องการเจริญสติมากมาย ซึ่งล้วนแต่มีประโยชน์ นอกเหนือจากสิ่งที่อยู่ในหนังสือเล่มนี้ […]

ตำนานความเป็นมาของการบวชนาค

ตำนานความเป็นมาของการ บวชนาค เคยสงสัยไหมว่า ทำไมชายไทยก่อนบวชต้องเป็นนาค ยังเรียกว่า บวชนาค ด้วย ลองมาสืบหาต้นเหตุของประเพณีการบวชนาคในปัจจุบันกันเถอะ ครั้งสมัยพุทธกาลมีนาคตนหนึ่งเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา เมื่อฟังธรรมมากเข้าก็เกิดความรังเกียจในชาติกำเนิดของตนเอง นาคคิดหาวิธีที่จะทำให้เกิดเป็นมนุษย์ นาคระลึกถึงพระพุทธเจ้าเห็นว่าทรงเป็นผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ การบวชเป็นพระภิกษุในสำนักของพระพุทธเจ้าคงเป็นหนทางที่ช่วยได้ เมื่อคิดได้ดังนั้นจึงจำแลงร่างเป็นมนุษย์แล้วเข้าไปขอพระเถระบวชเป็นพระภิกษุ เมื่อพระภิกษุทั้งหลายยินยอมให้นาคจำแลงบวช นาคในร่างของพระภิกษุก็ปฏิบัติศาสนกิจต่าง ๆ เหมือนพระภิกษุทั่วไป แล้วเลือกจำวัดยังกุฏิท้ายสุดของพระวิหารร่วมกับพระภิกษุรูปหนึ่ง ตอนหลับนาคก็ไม่ยอมหลับเพราะกลัวว่าตนจะคืนร่างเดิม พอพระภิกษุเพื่อนร่วมกุฏิออกไปเดินจงกรม นาคก็วางใจหลับนอนไปร่างจึงกลายเป็นนาคดังเดิม     ต่อมาพระภิกษุรูปนั้นกลับมายังกุฏิเห็นนาคนอนขดอยู่ในกุฏิก็ตื่นกลัว จึงร้องเสียงดังจนพระภิกษุรูปอื่นสงสัยพากันเข้ามาดู เมื่อภิกษุทั้งหลายมาถึงกุฏิที่นาคนอนขดอยู่ก็ถามขึ้นว่า “ท่านร้องเสียงดังด้วยเรื่องอะไร” พระภิกษุผู้พบนาคนอนอยู่ในกุฏิตอบว่า “ท่านทั้งหลาย กุฏิของเรามีนาคนอนอยู่” เมื่อนาคได้ยินเสียงคนข้างนอกก็ตื่นขึ้น แล้วกลายเป็นพระภิกษุตามเดิม พระภิกษุทราบแล้วว่าพระภิกษุรูปนี้เป็นนาคจำแลงมาจึงถามว่า “ท่านเป็นใคร” นาคตอบว่า “เราเป็นนาค” พระภิกษุทั้งหลายถามต่อว่า “แล้วท่านทำเช่นนี้เพราะเหตุใด” นาคจึงเล่าสาเหตุที่ต้องจำแลงร่างเป็นคนมาบวชให้เหล่าพระภิกษุฟัง พระภิกษุทั้งหลายนำเรื่องทูลพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าทรงประกาศให้ประชุมสงฆ์ จากนั้นพระองค์ตรัสกับนาคว่า “เธอเป็นนาค ไม่สามารถเจริญในพระธรรมวินัยของเราได้ หากเธอปรารถนาเป็นมนุษย์ ขอให้เธอรักษาศีล 8 ในวันที่ 14, 15 และ 8 ผลบุญแห่งศีลจะส่งผลให้เธอพ้นจากชาติกำเนิดที่เป็นนาค และจะได้เกิดเป็นมนุษย์ในชาติถัดไป” นาคฟังคำตรัสของพระพุทธเจ้าว่านาคไม่สามารถเจริญในพระธรรมวินัยของพระองค์ได้ ก็บังเกิดความเสียใจ […]

5 บุคคลบาปหนาจนหนักแผ่นดินในสมัยพุทธกาล

5 บุคคลบาปหนาจน หนักแผ่นดิน ในสมัยพุทธกาล 5 บุคคลบาปหนาในสมัยพุทธกาลที่กระทำบาปอันร้ายแรงจน หนักแผ่นดิน ทำให้แผ่นดินไม่สามารถรองรับพวกเขาไว้ได้ มีใครบ้างมาดูกันค่ะ พระเทวทัต พระเทวทัตทรงเป็นเจ้าชายแห่งกรุงเทวทหะ พระโอรสแห่งพระเจ้าสุปปพุทธะ มีศักดิ์เป็นพระญาติกับพระพุทธเจ้า พระองค์ทรงอาฆาตพระพุทธองค์มาตั้งแต่ทรงพระเยาว์ ไม่เท่านั้นยังติดตามอาฆาตพระองค์มาหลายพระชาติอีกด้วย และเข้ามาผนวชในสำนักของพระพุทธเจ้า ทรงแสดงความมักใหญ่ใฝ่สูง ปรารถนาเป็นพระศาสดาแทนพระพุทธเจ้า ทรงลอบปลงพระชนม์พระพุทธเจ้าหลายครั้ง อาทิเช่น ปล่อยช้างตกมันชื่อ “นาฬาคิรี” ให้วิ่งเข้าชน จ้างนายธนู 10 คนมาลอบยิง และสุดท้ายพยายามกลิ้งหินให้ตกลงมาทับพระพุทธเจ้า แต่หินกลับกระเด็นหนีอย่างน่าอัศจรรย์ใจ ทว่าสะเก็ดหินกับไปต้องข้อพระบาทจนห้อพระโลหิต พระเทวทัตทรงเสนอให้บัญญัติกฎที่เคร่งครัดเพื่อเรียกศรัทธา อย่างเช่นไม่กินสัตว์ และอยู่ป่าตลอดชีวิต จนกระทั่งเกิดการแตกแยกในหมู่สงฆ์ (สังฆเภท) สุดท้ายพระองค์ทรงเกิดความสำนึกนึกและหวังจะขอขมาพระพุทธองค์แต่ไม่ทันกาล ขณะที่พระองค์ทรงขอร้องให้พระภิกษุกลุ่มหนึ่งพาท่านไปยังพระเชตวัน ไม่ทันถึงพระเชตวัน ธรณีสูบพระองค์ลงไปสู่อเวจีมหานรก   พระเจ้าสุปปพุทธะ พระเจ้าสุปปพุทธะ พระบิดาแห่งพระนางยโศธราและพระเทวทัต หลังจากพระเทวทัตถูกธรณีสูบลงไปสู่อเวจีมหานรกแล้ว ทรงเกิดความอาฆาตในพระพุทธเจ้า ว่าทรงทำให้พระเทวทัตถูกธรณีสูบทั้งยังเจ็บแค้นพระทัยมาจากเรื่องที่พระองค์ทรงทอดทิ้งพระนางยโศธรา ทรงพยายามหาทางกลั่นแกล้งด้วยการเกณฑ์อำมาตย์ และข้าราชบริพารไปดื่มกินสุราเพื่อขวางสายทางเสด็จบิณฑบาตของพระพุทธเจ้า ส่งผลให้พระพุทธเจ้าทรงต้องอดเสวยพระกระยาหาร 1 วัน ครั้งพระอานนท์ผลกรรมของพระเจ้าสุปปพุทธะ พระพุทธเจ้าตรัสตอบว่า นับจากนี้อีก 7 วันจะต้องเสด็จตามพระราชโอรสไปสู่อเวจี […]

ตามหาการบวชที่แท้จริง

ตามหา การบวช ที่แท้จริง เสียงโห่ร้องดังมาแต่ไกล ขบวนแห่นาครอบโบสถ์สร้างสีสันให้กับวัดได้ไม่น้อย ทุกคนสนุกสนานด้วยเสียงดนตรี สาว ๆ รำและเต้นหน้านาคเพื่อหวังว่าจะได้เกิดเป็นนางฟ้าบนสวรรค์ ขวดสุราตั้งบนโต๊ะจีนในงานฉลองพระใหม่ก็ดี หรือแม้จะถือกรอกปากกันในงานบวชก็ดี สิ่งที่เราเห็นสิ่งที่เราพบเจอจะใช่ตามพระเจตนารมณ์ของพระศาสดาหรือไม่ แล้ว การบวช ที่แท้จริงนั้นควรเป็นอย่างไร ก่อนที่จะก้าวไปสู่หัวใจสำคัญของการบวชที่แท้จริงเป็นอย่างไร ควรเริ่มจากการเข้าใจความหมายของการบวชเสียก่อน   ความหมายของการบวช บวช หรือ “บรรพชา” มีความหมายง่าย ๆ ว่า เว้น หรือ สละ หมายความว่า สละสิ่งที่ไม่ดีไม่งาม หรือ ละจากการทำอกุศลกรรม การบวชจึงเป็นการฝึกฝนพัฒนาตนเอง เพื่อขจัดกิเลส ละจากความเห็นแก่ตัวที่หลงใหลอยู่กับกิเลส จะเห็นได้ว่าวิถีชีวิตของพระภิกษุตั้งแต่สมัยพุทธกาลมาจะไม่เบียดเบียนสิ่งต่าง ๆ เพราะยึดพระวินัยและคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นระเบียบ พระพุทธเจ้าทรงอุปมาชีวิตของพระภิกษุไว้เหมือนนกที่มีบินโบยบินไปที่ไหนก็ได้ ดังนั้นการบวชจึงเป็นอิสระ… อิสระจากสิ่งผูกมัดคือกิเลส คำว่า “อุปสมบท” เป็นอีกคำหนึ่งที่ใช้แทนคำว่า บวช มีความหมายว่า การเข้าถึงภาวะที่สูงขึ้นไปคือเข้าสู่ชีวิตในชุมชนของพระภิกษุ เป็นการบวชที่สมบูรณ์เพราะได้รับการยอมรับจากหมู่สงฆ์   0 คุณสมบัติของผู้บวช ในคัมภีร์พระพุทธศาสนาจะตั้งบัญญัติคุณสมบัติไว้ว่า ผู้บวชต้อง (1) ไม่เป็นคนที่ฆ่าพระอรหันต์ […]

ไม่มีปัญหาใดที่แก้ไขไม่ได้ ปลดล็อคใจโดยพระอาจารย์นวลจันทร์ กิตติปัญโญ

ไม่มีปัญหาใดที่แก้ไขไม่ได้ ปลดล็อคใจโดยพระอาจารย์นวลจันทร์ กิตติปัญโญ ” ไม่มีปัญหาใดที่แก้ไขไม่ได้ ” คำพูดนี้ของพระอาจารย์นวลจันทร์ กิตติปัญโญอาจชวนให้สงสัยไม่มากก็น้อย แต่จะจริงหรือที่ไม่มีปัญหาใดที่แก้ไขไม่ได้ มีสาเหตุหรือสมุทัยแล้วนั้น การแก้ปัญหา เราก็ไปดูจากปัญหาแต่ละอย่างว่ามีสาเหตุมาจากอะไร ถ้าเรายังทําอย่างนั้นต่อไป ปัญหาก็ต้องเกิด ตัวทุกข์ก็เกิด ถ้ารู้ว่าสาเหตุคืออะไร แต่ยังทําเหมือนเดิม ปัญหาก็เกิดเหมือนเดิมแต่ครั้งนี้ไม่ทุกข์แล้ว เพราะรู้อยู่ว่าที่เกิดปัญหานั้นเนื่องจากละจากสาเหตุไม่ได้ อย่างเช่น ถ้ายังเลิกสูบบุหรี่ไม่ได้ เลิกเหล้าไม่ได้รู้ทั้งรู้ว่าไม่ดี พอเป็นโรคอะไรที่เกิดจากสาเหตุนี้ เขาก็ยอมรับได้ เพราะเกิดจากตัวเขาเอง อย่างน้อยก็เป็นนิโรธทางใจ คือดับฉับพลันเด็ดขาด เพราะรู้ว่าอะไรเป็นสาเหตุของปัญหาแล้ว ถ้าเป็นความรู้สึกที่ไม่พึงประสงค์ ไม่อยากได้ ไม่อยากให้เกิดปัญหาหรือเจอปัญหา มีทางเลือกเพียงอย่างเดียวเท่านั้นคือ การละ หรือการไม่ทําอย่างเดิม เป็นการละสมุทัยละจากสาเหตุ ปัญหาก็ไม่เกิดทุกข์ก็ไม่มี แม้เราจะมีปัญหามากมาย แต่ปัญหาที่ใหญ่ที่สุด หนัก ที่สุดคือการเวียนเกิดเวียนตาย การท่องเที่ยวในสังสารวัฏเกิดในภพน้อยภพใหญ่ ภพแล้วภพเล่า ร้อยชาติแสนชาติการเวียนว่ายตายเกิดเป็นปัญหาหลัก เป็นภัยใหญ่ พอเราเกิดมาก็ต้องเจอกับสิ่งต่างๆมากมายในโลก เดี๋ยวก็เจอโลกธรรม8 ได้ลาภเสื่อมลาภ ได้ยศเสื่อมยศ นินทาสรรเสริญ สุขและทุกข์ เป็นของคู่กัน เราเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้ เพราะมันเป็นของคู่โลก การเวียนว่ายตายเกิดย่อมทําให้เราต้องมาถาม-ตอบปัญหากันไม่รู้จบ เรื่องชีวิต […]

ชาติหน้ามีจริงหรือไม่ ผ่านมุมมองของ 3 ดาราสาว

ชาติหน้ามีจริงหรือไม่ ผ่านมุมมองของ 3 ดาราสาว ชาติหน้ามีจริงหรือไม่ หรือคำถามต่าง ๆ ที่ถูกตั้งขึ้นด้วยความสงสัยในหลักคำสอนเรื่องภพชาติในพระพุทธศาสนา เชื่อว่าคำถามนี้ยังคงเป็นปัญหาโลกแตกที่ยังถูกตั้งเป็นคำถามอยู่ ในคัมภีร์พุทธศาสนาเล่าถึงอดีตชาติของพระพุทธเจ้าและพระสาวกไว้มากมาย หรือการปฏิบัติจนได้ญาณล่วงรู้อดีตชาติ และอนาคต เราลองมาฟังความเห็นเรื่องชาติหน้ามีจริงหรือไม่ ผ่านมุมมองของ 3 ดาราสาว ได้แก่ เชอร์รี่-เข็มอัปสร สิริสุขะ แพนเค้ก-เขมนิจ จามิกรณ์ และ กิ๊ก – มยุริญ ผ่องผุดพันธ์ กันเถอะ   เข็มอัปสร สิริสุขะ เชอรี่เชื่อว่า เหตุที่คนเราเกิดมาแตกต่างกัน ก็เพราะเราเคยเกิดมาแล้วคนละหมื่น ๆ ชาติ บุญกรรมจากชาติที่ผ่าน ๆ มาจะสั่งสมมาเรื่อย ๆ และมีผลต่อชาติภพเพศอาชีพครอบครัวรวมทั้งนิสัยของเรา อย่างชาตินี้ เชอรี่เกิดเป็นดารา หลายคนอาจจะมองว่ามีบุญ แต่จริง ๆ แล้วเชอรี่ว่าการเกิดมาหน้าตาดีก็เป็นกรรมอย่างหนึ่งเหมือนกัน เพราะมักจะถูกยั่วยุถูกละเมิดความเป็นส่วนตัว ถูกตัดสินด้วยรูปลักษณะก่อนที่จะตัดสินด้วยจิตใจ แต่ชาติที่แล้วเชอรี่คงจะเกิดเป็นคนที่ทําบุญมามากพอสมควร ชาตินี้จึงได้มีโอกาสพบพระพุทธศาสนา ได้เรียนรู้คําสอนของพระพุทธเจ้า คิดว่าชาติหน้าหากไม่ได้เกิดเป็นคนก็คงไม่อยากเกิดอีกแล้ว   เขมนิจ จามิกรณ์ […]

อานาปานสติ ใช้ลมหายใจนี้จัดการความเครียดกันเถอะ

อานาปานสติ ใช้ลมหายใจนี้ จัดการความเครียด กันเถอะ คนเราเครียดเพราะจัดการความคิดของตนเองไม่ได้ ผู้คิดไม่รู้จักหยุดคิด หรืออยากหยุดแต่หยุดไม่ได้ วางอารมณ์ลงไม่ได้ ภาษาพระเรียกว่า “ปปัญจสัญญา” แปลตามศัพท์ว่า “สัญญาเป็นเหตุให้เนิ่นช้า” หรือ “ความคิดฟุ้งซ่านรำคาญต่าง ๆ ที่ทำให้จิตใจเศร้าหมอง พร่ามัว ไม่ปลอดโปร่งแจ่มใส” ลองมาใช้สิ่งที่อยู่กับเราทุกวัน และเราก็ใช้อยู่ทุกวันเพื่อ จัดการความเครียด คือ การหายใจ หรือการทำอานาปานสติ ความเครียดเป็นทุกข์อย่างหนึ่ง เกิดแก่มนุษย์ทุกยุคทุกสมัย มนุษย์ยุคปัจจุบันเหมือนจะมีความเครียดมากกว่ามนุษย์ยุคอื่น ๆ ทั้งๆ ที่ความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์มากกว่ามนุษย์ยุคก่อน แต่ความเครียดกลับไม่ลดน้อยถอยลงเลย กลับทวีมากขึ้นกว่าเดิม มนุษย์แต่ละคนมีวิธีแก้เครียดที่แตกต่างกันออกไป แต่ส่วนใหญ่แล้ว ไม่ได้แก้ที่ต้นเหตุ แต่หลงไปแก้อาการของความเครียดมากกว่า ความคิดฟุ้งซ่านต่าง ๆ ที่เป็นต้นเหตุของความเครียด ยังคงลอยนวลอยู่เหมือนเดิม จะจัดการความเครียดได้ มนุษย์ต้องรู้จักจัดการกับความคิดฟุ้งซ่านต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในจิตใจ วิธีจัดการความคิดฟุ้งซ่านที่ดีที่สุดคือ สมาธิ ฝึกจิตให้สงบนิ่ง แน่วแน่จิตที่สงบ แน่วแน่ จะมีพลังมหัศจรรย์ในตัวเอง กำจัดความฟุ้งซ่านรำคาญต่าง ๆ ให้กระจุยกระจายไปได้ ศาสนาพุทธมีวิธีการทำสมาธิ หรือที่เรียกอย่างว่า […]

ไตรลักษณ์ ประตูสู่หนทางแห่งความหลุดพ้น

ไตรลักษณ์ ประตูสู่หนทางแห่งความหลุดพ้น ไตรลักษณ์ คือ ลักษณะสามประการที่พระพุทธเจ้าทรงสังเกตการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติ หลักธรรมนี้จึงเรียกได้ว่าเป็นกฎแห่งธรรมชาติ ผู้พิจารณา อนิจจัง ควรน้อมจิตที่สงบไปดูอารมณ์ที่ปรากฎชัดขณะนั้น ผู้ที่เห็นลมหายใจเข้า-ออกได้ชัดเจนก็จับลมหายใจเป็นสิ่งพิจารณา ส่วนผู้เห็นนามธรรมอื่น ๆ ได้ชัดเจนก็จับลมหายใจเป็นสิ่งพิจารณา ส่วนผู้เห็นนามธรรมอื่น ๆ ได้ชัดก็จับนามธรรมชนิดนั้น ๆ ขึ้นพิจารณา เคยพูดมาแล้วว่า ผู้สำเร็จอานาปานสติจะเป็นผู้มีกำลังจิตมาก มีกำลังความสงบสูง เรียกว่า “สมถยานิก” ผู้ปฏิบัติกลุ่มนี้จะพิจารณาเห็นนามธรรมได้ชัดเจน ควรเริ่มจับนามธรรมที่ปรากฏชัดขณะนั้น มองดูอาการเปลี่ยนแปลงและอาการเกิด-ดับของนามธรรมชนิดนั้น ๆ เช่น เกิดความรู้สึกเอิบอิ่ม เบากาย เบาใจ อย่าปล่อยให้จิตหลงเตลิดไปกับความรู้สึกเอิบอิ่ม ทรงจิตเป็นกลาง ๆ มองดูอาการเอิบอิ่มขณะนั้นอย่างมีสติและปัญญา จะเห็นอาการเอิบอิ่มตามเป็นจริง คือ อาการเปลี่ยนแปลงและเกิด-ดับ เหมือนกระแสน้ำหรือกระแสลม เมื่อเข้าใจธรรมชาติความเอิบอิ่มตามที่เป็นแล้ว ก็จะเข้าใจอารมณ์ต่าง ๆ เหมือนกัน ไม่ว่าอารมณ์ความรู้สึกนั้นจะดีวิเศษขนาดไหนก็มีธรรมชาติเหมือนกัน อดีต – ปัจจุบัน – อนาคตก็เป็นอย่างเดียวกัน พระพุทธองค์จะทรงอุบัติหรือไม่ก็ตาม ธรรมชาติรูปและนามทั้งหมดก็เป็นอย่างนี้คือ อนิจจัง ไม่แน่นอน เกิดขึ้นแล้วก็แตกดับไปทันที ผู้ปฏิบัติที่พิจารณาอย่างนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีกก็จะสงสัย […]

Dhamma Daily : คนที่ดูถูก รังแก ทําร้ายคนอื่นจะได้รับผลกรรมอย่างไร โดยพระอาจารย์นวลจันทร์ กิตติปัญโญ

Dhamma Daily : คนที่ดูถูก รังแก ทําร้ายคนอื่น จะ ได้รับผลกรรมอย่างไร โดยพระอาจารย์นวลจันทร์ กิตติปัญโญ คำถาม : คนที่ดูถูก รังแก ทําร้ายคนอื่น จะ ได้รับผลกรรมอย่างไร เมื่อไหร่ หรือเราจะต้องคิดว่าเป็นเวรกรรมของเราที่ถูกเขารังแก คำตอบ : มีกรรมชนิดหนึ่งเรียกว่า สหชาตผล คือผลที่เกิดพร้อมขณะกระทํา ทําทันทีได้รับผลทันทีทั้งดีและไม่ดี โดยเฉพาะผลทางนามธรรม ทางใจ ทางความรู้สึก ความเดือดเนื้อร้อนใจ เกิดขึ้นทันที เช่น เมื่อเราทําไม่ดีกับใครคนใดคนหนึ่ง สิ่งใด สิ่งหนึ่ง อย่างใดอย่างหนึ่ง เวทนาหรือความรู้สึกจะเป็นโทมนัส(ความบีบคั้นทางใจ) อุปายาส(ความคับแค้นใจอย่างแรง) เป็นผลที่ได้รับในตอนที่ทําพร้อมกันเลย แต่ถ้าทําในสิ่งที่ดี เวทนาหรือความรู้สึกจะเป็นโสมนัส เป็นปีติ เป็นความรู้สึกที่ดี คําถามที่ว่าเป็นกรรมของเราไหม ถ้าเราไม่เคยไปทําอะไรไว้ก่อน ใครจะมาทําอะไรเราได้ ลองดูหน้าตัวเองก่อนว่า แน่ใจแล้วหรือว่าที่ผ่านๆมาเราไม่เคยไปทําอะไรใครก่อนมั่นใจตัวเองไหมว่าไม่เคยด่าใคร ว่าใคร จงเกลียดจงชัง อาฆาตพยาบาท เบียดเบียนอิจฉาใคร เรามั่นใจไหม ลอง ไปส่องกระจกดูอีกทีก็ได้ แล้วจะรู้สึกว่ามันถูกแล้วใช่ไหมที่มีคนมาทํากับเราแบบนี้ […]

วิธีกำจัดกิเลสออกจากใจ บทความธรรมะสอนให้รู้เท่าทันกิเลส โดย พระอาจารย์ปราโมทย์ ปาโมชฺโช 

วิธีกำจัดกิเลส ออกจากใจ บทความธรรมะสอนให้รู้เท่าทันกิเลส โดย พระอาจารย์ปราโมทย์ ปาโมชฺโช กิเลสเกิดขึ้นที่ใจ วิธีกำจัดกิเลส ให้ออกไปจากใจได้นั้น คือการฝึกให้สติและสมาธิเข้มแข็ง หากกิเลสหมดไปจากใจ เส้นทางแห่งอริยะและมรรคผลก็ไม่ง่ายเกินความเพียรพยายาม สมัยก่อนคนที่รู้สึกตัว (สติสัมปชัญญะ) มีอยู่มาก มาเดี๋ยวนี้ผู้ที่รู้สึกตัวมีบ้าง แต่ยังน้อยกว่าเมื่อก่อน ผู้ที่เจริญปัญญาเป็น ต้องสามารถแยกรูป-นามได้ หลวงตามหาบัวท่านเคยกล่าวว่า “ผู้ใดบอกว่าตัวเองเจริญปัญญาแต่ไม่สามารถแยกขันธ์ 5 ได้ ผู้นั้นอย่ามาพูดกับเราว่าเจริญปัญญาเป็น ”  เราต้องเห็นว่าจิตกับกายเป็นคนละส่วนกัน ร่างกายเป็นสิ่งถูกรู้ ส่วนจิตเป็นผู้รู้ เรารู้ว่าร่างกายยืน เดิน นั่ง นอน นี้คือร่างกายถูกจิตรู้ อันนี้เป็นการเจริญกายานุปัสสนาด้วย บางคนเห็นความรู้สึก (เวทนา) เป็นของถูกรู้ อันนี้เป็นการเจริญเวทนานุปัสสนา บางคนเห็นกุศลและอกุศลเป็นของถูกรู้ อันนี้เป็นการเจริญจิตตานุปัสสนา บางคนเห็นจิตเคลื่อนไปตามอายตนะหรือเห็นอริยสัจ อันนี้เป็นการเจริญที่ยากและละเอียดเรียกว่า ธรรมานุปัสสนา หากเราเจริญในกายานุปัสสนา ซึ่งเป็นก้าวแรกของสติปัฏฐานบ่อยครั้ง ย่อมรู้แจ้งแทงตลอดได้ สิ่งที่จะกำจัดกิเลสให้ออกจากใจไปได้ต้องอาศัยสัมมา 2 ประการคือ สัมมาสติ และ สัมมาสมาธิ หรือเรียกง่าย ๆ ว่า […]

เดอะ ทอยส์ ได้รับเลือกเป็น ทูตพระพุทธศาสนาวันมาฆบูชา 2562

เดอะ ทอยส์ ได้รับเลือกเป็น ทูตพระพุทธศาสนาวันมาฆบูชา2562 ‘เดอะ ทอยส์’ – ธันวา บุญสูงเนิน ขึ้นรับรางวัล ทูตพระพุทธศาสนาวันมาฆบูชา2562 ที่ซีคอนบางแค ทั้งยังกล่าวนำคำอาราธนาศีล 5 อีกด้วย     เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2562  ทอย-ธันวา บุญสูงเนิน  นักร้องหนุ่มแห่งวง The Toys ที่โด่งดังจากเพลง เช่น หน้าหนาวที่แล้ว, ก่อนฤดูฝน, 04:00, Stars และ ลาลาลอย ได้ขึ้นรับรางวัล “ทูตพระพุทธศาสนาวันมาฆบูชา2562”  ของกรมศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม ณ ห้างซีคอนบางแค     ในงานนี้นักร้องหนุ่มยังขึ้นเวทีกล่าวนำคำอาราธนาศีล 5 ให้แก่ผู้ที่มาร่วมงานนี้อีกด้วย โดยปกติแล้วเราจะชินกับภาพของนักร้องหนุ่มในท่าทีแร็พเท่ๆ งานนี้ทำเอาแฟนคลับและผู้ร่วมงานอิ่มบุญไปตามๆ กัน   https://www.instagram.com/p/Bt5MdEuBe07/   ทอย-ธันวา บุญสูงเนิน ทายาทนักร้องหญิง นิตยา บุญสูงเนิน […]

แก้เครียดจากการทำงานด้วยธรรมะ บทความธรรมะดี ๆ จากพระอาจารย์นวลจันทร์ กิตติปัญโญ

แก้เครียดจากการทำงานด้วยธรรมะ บทความธรรมะดี ๆ จากพระอาจารย์นวลจันทร์ กิตติปัญโญ สิ่งที่ชาวออฟฟิศหนีไม่พ้นคือ ความเครียดจากการทำงาน เช่น เครียดเรื่องงาน เจ้านาย เพื่อนร่วมงาน และเรื่องอื่น มีคำถามในประเด็นนี้ส่งเข้ามา ทำให้ซีเคร็ตรับรู้ว่าชาวออฟฟิศอยากได้วิธี แก้เครียดจากการทำงานด้วยธรรมะ จึงนิมนต์พระอาจารย์นวลจันทร์ กิตติปัญโญเป็นพระอาจารย์ผู้ตอบคำถามเหล่านี้ เพื่อคลายความทุกข์ให้กับชาวออฟฟิศทุกท่าน พระอาจารย์คะ ถ้ารักงาน แต่เบื่อเจ้านาย เพราะเจ้านายไม่ดี ไม่มีความยุติธรรมในการปกครองคน แต่เราก็ไม่อยากลาออก จะทํายังไงดีคะ เรามาทํางานไม่ใช่หรือ ทําไมต้องไปสนใจสัตว์ บุคคล นายก. นายข. ด้วย ฉะนั้นตัดส่วนเกินคือคน สัตว์ บุคคลไปได้เลย…เราเรียนมามีความรู้ความสามารถ ก็จงนําความรู้ความ สามารถเหล่านั้นมาปฏิบัติหน้าที่ทําให้งานดําเนินไป ถ้าเราตัด ส่วนเกินออกไป ความทุกข์จะเกิดไม่ได้ การปรุงแต่งจะไม่เกิด ขึ้น เพราะเราไปทํางานเพื่องาน คนส่วนมากที่บอกว่าไปทํางานๆ ต้องลองหันกลับมามองดูนะว่าไปทํางานจริงหรือเปล่า ไปทํางาน หรือไปให้ถูกงาน“ทํา” ผู้ถูกงานทํา ทํางานไม่เป็น ไม่ได้ทํางาน มัวแต่เอาเวลาไปคิดนู่นนี่ไร้สาระ แล้วจะมาทํางานทําไม   หากมีปัญหากับเพื่อนร่วมงาน เพราะความคิดเห็นไม่ตรงกันอยู่เสมอๆ เราควรทําใจอย่างไรให้สามารถทํางานร่วมกับเขาต่อไปได้คะ […]

วิธีรับมือลูกน้องเจ้าปัญหาด้วยธรรมะของพระอาจารย์นวลจันทร์ กิตติปัญโญ

วิธีรับมือลูกน้องเจ้าปัญหา ด้วยธรรมะของพระอาจารย์นวลจันทร์ กิตติปัญโญ เชื่อว่าหัวหน้าหรือเจ้านายต้องเจอกับลูกน้องสารพัด ที่ดีก็ดีไป ช่วยให้องค์กรก้าวไปข้างหน้า แต่ถ้าเจอลูกน้องไม่ดีล่ะ โดดงาน หนีงาน ไม่รับผิดชอบต่องานที่ได้รับมอบหมาย จะมี วิธีรับมือลูกน้องเจ้าปัญหา อย่างไร พระอาจารย์นวลจันทร์ กิตติปัญโญ ได้เมตตาพร้อมชี้แนะธรรมมาประยุกต์ใช้ดังนี้ค่ะ   พระอาจารย์คะ ถ้าลูกน้องชอบโดดงาน หรือหยุดงานบ่อย (เกินควร) ในฐานะเจ้านาย เราควรทําอย่างไรดีคะ ก็ต้องทําตามกติกาที่ตกลงกันไว้ บางคนที่ยังมีคุณธรรมไม่สูง มักเอาแน่เอานอนไม่ได้ ถ้าช่วงนั้นจิตมีกิเลสตัวดีมากก็มาทํางาน แต่ถ้าบังเอิญขณะนั้นกิเลสตัวไม่ดีดันเข้ามาเป็นส่วนผสม ก็อาจจะขี้เกียจและหาข้ออ้างไม่มาทํางาน แบบนี้ก็ต้องทําตามระเบียบข้อบังคับที่เราตั้งไว้   แสดงว่าการลงโทษด้วยการหักเงินเดือนเขานี่สามารถทําได้ไม่บาปใช่ไหมคะ ถ้าตกลงกันไว้แล้วเป็นความยินยอมพร้อมใจของทั้งสองฝ่ายก็ถือว่าเราทําตามหน้าที่ถูกตามหลักธรรม ไม่บาป เพราะยินยอมกันทั้งสองฝ่ายเมื่อตกลงกันไว้แล้วก็ว่าไปตามนั้น จะให้พนักงานทุกคนมาทํางานแบบอยากมาก็มา ไม่อยากมาก็ไม่ต้องมา บริษัทคงล่มจม จึงต้องมีกฎกติกามารยาท หรือว่าระเบียบปฏิบัติไว้ ถ้าทําผิดก็หักไปตามส่วน แต่สําหรับคนที่มีคุณธรรมสูง เขาจะไม่เคยขาดไม่เคยลา เพราะขี้เกียจ เขาจะมาก่อนเวลาและเลิกทีหลังแน่นอน แต่คนที่มีคุณธรรมสูงนั้นมีน้อยคน ทั่วๆไปมักต้องเฉโกงซิกแซ็กไปเรื่อย นิตินัยข้อบังคับจึงเป็นสิ่งที่ควรมี เมตตากับกฎระเบียบต้องแยกกันให้ออกนะ เมตตาก็เมตตามีความปรารถนาดีต่อพนักงานทุกคน แต่ถ้าคุณทําผิดกฎกติกาก็ต้องออกจากระบบบริษัทไป จบข่าว   ถ้าลูกน้องทํางานดีไม่มีที่ติ แต่นิสัยเหลือทน […]

Dhamma Daily : ความรักจืดจาง ไม่หวานแหวว เพราะแต่งงานมาแล้วหลายปี ต้องทำยังไง?

ปัญหาธรรม : แต่งงานกันมานานหลายปี ความรักจืดจาง ลงทุกวัน ดิฉันกลัวเหลือเกินว่าเขาจะหมดรักและทิ้งไปหาคนใหม่ที่สาวกว่าและสวยกว่า ดิฉันควรทำอย่างไรดีคะ

เยียวยาด้วยความรัก ทรงประสิทธิภาพมากกว่ายาขนานใด – นายแพทย์ชวโรจน์  

ความรัก เป็นหนึ่งในการรักษาเยียวยาที่สำคัญมากทั้งต่อผู้ป่วยและญาติความรักนี้ไม่เหมือนกับยารักษาโรค  จะออกใบสั่งให้รับประทานหรือฉีดเข้าทางกระแสเลือดก็ไม่ได้

อัตตาคือของหวาน ทว่าไส้ตรงกลางคือยาพิษ

อัตตา คือของหวาน ทว่าไส้ตรงกลางคือยาพิษ นี่คือฉันนี่คือของของฉันความคิดเหล่านี้ คือ อัตตา ตัวตนซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนล้วนมีแต่อาจมีปริมาณมากหรือน้อยต่างกันไป หลายท่านพึงพอใจในอัตตาของตน ในขณะที่อีกหลายๆท่านพยายามลดละซึ่งอัตตาตัวตนให้เหลือน้อยที่สุดเท่าที่จะทําได้ หากอัตตาเป็นสิ่งที่หลายท่านต้องการในขณะที่อีกหลายท่านพยายามสลัดทิ้งเช่นนี้ พระพุทธศาสนาจะมีคําตอบของทางออกแห่งอัตตาอย่างไร   มนุษย์ที่มีอัตตามักจะไม่ยอมแพ้ใคร และทะเยอทะยานกระทั่งประสบความสําเร็จในชีวิต หากอัตตาก่อให้เกิดสิ่งที่ดีขนาดนั้น เพราะเหตุใดพุทธศาสนาจึงสอนให้คนไม่ควรมีอัตตาล่ะคะ มนุษย์ที่อยู่ในโลกียะยังคงมีอัตตาได้ เพื่อจะไปสู่จุดมุ่งหมาย ในชีวิตโดยการใช้กิเลส ใช้อัตตาให้เป็นแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตให้ประสบความสําเร็จ แต่ทุกสิ่งล้วนเป็น อนิจจัง ไม่มีสิ่งใดอยู่คงทนถาวร คลื่นลูกใหม่ย่อมเร็ว และแรงกว่าคลื่นลูกเก่าเสมอ ถ้าคนที่มีอัตตาสูงแล้วรับ ไม่ได้ที่ถูกคลื่นลูกใหม่เบียดเข้ามาแทนที่ เขาจะทุกข์ทรมาน มาก บางรายอาจถึงขั้นฆ่าตัวตายก็เป็นได้ ในท้ายที่สุดแล้ว อัตตาคือตัวปัญหาที่ทําให้มนุษย์เกิดความทุกข์ ยิ่งขนาดของอัตตาใหญ่ขึ้นเท่าไร ความ ทุกข์ก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น เขาจะรู้สึกใจหนักๆเหมือนมี มวลมาถ่วง เกิดความหวาดระแวง ดิ้นรน ร้อนรุ่ม ไม่มีความสงบภายในจิตใจ แม้จะประสบความสําเร็จหรือมี เงินทองมากมายเพียงใดก็ไม่เพียงพอ เพราะยังมีความต้องการให้เป็นดังเดิมตลอดไป   มนุษย์จะมีวิธีหรือขั้นตอนในการลดละอัตตาได้อย่างไรคะ ขั้นแรก เราควรใช้อัตตาให้เป็นเสียก่อน ซึ่งวิธีใช้อัตตา ให้เป็นคือ การใช้ความมีตัวมีตนนี่แหละมาเป็นแรงผลักดัน ให้เรามีความพยายาม มุมานะ จวบจนประสบความสําเร็จในชีวิตในโลก ขั้นต่อมาคือ […]

ที่ใดมีรักที่นั่นมีทางพ้นทุกข์ บทความธรรมะที่จะทำให้เข้าใจความรักดียิ่งขึ้น

ที่ใดมีรักที่นั่นมีทางพ้นทุกข์ บทความธรรมะที่จะทำให้ เข้าใจความรัก ดียิ่งขึ้น ที่ใดมีรักที่นั่นมีทางพ้นทุกข์ ส่วนมากมักเข้าใจว่า ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์ แต่ทำไมคราวนี้กลับตรงกันข้าม ความรักพาให้พ้นทุกข์ได้จริงไหม ลองมาหาคำตอบเพื่อทำความ เข้าใจความรัก ให้ดียิ่งขึ้นกันเถอะ ขึ้นชื่อว่า“ความรัก”น้อยคนที่จะกล้าปฏิเสธว่า ไม่ต้องการรับรัก หรือไม่เคยมอบความรักให้แก่ใคร เพราะความสุขจากความรักนั้นช่างหอมหวาน ในขณะเดียวกันความทุกข์ที่เกิดจากความรักก็สุดแสนทรมานเช่นกัน เมื่อความรักเป็นดั่งดาบสองคมเช่นนี้ พุทธศาสนาจะมีวิธีการจัดการกับความรักอย่างไร   พระอาจารย์คะ พระพุทธศาสนาให้ความสําคัญกับความรักไหมคะ ให้ความสําคัญสิ พุทธศาสนาเป็นศาสนาแห่งความรักที่บริสุทธิ์เชียวละ ความรักที่บริสุทธิ์ในที่นี้คือการให้ พระพุทธเจ้าทรงให้ในสิ่งที่ดีที่สุดแก่มนุษย์ เป็นการให้เพียงฝ่ายเดียว ให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน แม้กระทั่งคําขอบคุณหรือความรักตอบ สิ่งที่ดีที่สุดที่พระพุทธเจ้าทรงมอบให้มนุษย์ทุกคนไม่ใช่ทรัพย์สมบัติหรือแก้วแหวนเงินทองใดๆ แต่ท่านทรงให้ในสิ่งที่มนุษย์พึงได้รับเมื่อเกิดมาชาติหนึ่ง นั่นคือ การหลุดพ้นจากวัฏสงสาร การเวียนว่ายตายเกิด ท่านปรารถนาให้เราพ้นทุกข์เข้าสู่นิพพาน ซึ่งจะทําให้มนุษย์เกิดปัญญา ตื่น เบิกบาน มีอิสระปล่อยวาง ปลอดโปร่ง โล่ง เบาสบาย ไม่เวียนวน ไม่มีทุกข์และได้สัมผัสถึงความสงบร่มเย็น   ในสังคมปัจจุบันมีข่าวฆาตกรรมหรือคดีความสืบเนื่องจากความรักฉันท์หนุ่มสาวมากมาย พระอาจารย์มีข้อคิดเตือนใจอย่างไรบ้างคะ คดีความต่างๆโดยมากเกิดขึ้นเพราะคนส่วนใหญ่มีเจตนาในการมอบความรักในวงจํากัด เป็นต้นว่า ความสุขของเขาคนนั้นจะต้องเกิดจากฉันเท่านั้น ห้ามเกิดจากคนอื่น อย่างนี้เรียกว่าเป็นความรักที่มีราคะมาเจือปน มีอกุศล มีความเป็นเจ้าของ ยึดครองถือครอง […]

ดี ชั่ว เราเลือกได้ บทความธรรมะดี ๆ จากพระอาจารย์นวลจันทร์ กิตติปัญโญ

ดี ชั่ว เราเลือกได้ บทความธรรมะดี ๆ จากพระอาจารย์นวลจันทร์ กิตติปัญโญ พระอาจารย์นวลจันทร์ กิตติปัญโญจะมาไขข้อข้องใจเรื่องคนดี-คนชั่ว และเกณฑ์การตัดสินความดีและความชั่วว่าควรใช้อะไรตัดสิน เราอาจจะพบว่า ดี ชั่ว เราเลือกได้ ไม่ได้เป็นเรื่องชะตาฟ้าลิขิต แต่เป็นเราที่สามารถลิขิตเองได้ ” คนดีได้ดีมีที่ไหน คนชั่วได้ดีมีถมไป”เป็นคํากล่าวที่ทําให้คนใฝ่ดีรู้สึกกระอักกระอ่วนใจไม่มากก็น้อย ผนวกกับหลายเหตุการณ์ในปัจจุบันที่ทําให้คํากล่าวนี้ดูหนักแน่นขึ้นทุกที ถ้าเช่นนั้นเราควรเลือกยืนอยู่ฝ่ายใดกันแน่ ความดีหรือความชั่วร้าย..   คนที่ถูกสังคมตราหน้าว่าเป็นคนไม่ดี เช่น คนที่ครั้งหนึ่งเคยติดยา หรือพวกเด็กแว๊น เขาจะต้องทําอย่างไรคะ ถ้าต้องการกลับตัวเป็นคนดี ถ้าเขาอยากเป็นคนดีจริงๆ สิ่งแรกที่จะเปลี่ยนแปลงคือจิตใจแค่ความรู้สึกภายในใจเปลี่ยนเป็นใฝ่ดี เขาก็จะกลายเป็นคนดีทันทีเลย แม้ยังไม่ได้เริ่มทําอะไรเลยนะ เพราะจิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว ถ้ามีจิตตั้งใจที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองไปในทางที่ดีแล้วพฤติกรรมและวาจาก็จะเปลี่ยนไปในทางที่ดีด้วย เรียกได้ว่าแค่ใจคิดจะเปลี่ยนขณะนั้นก็ได้เป็นคนดีเรียบร้อยแล้ว   บางสังคมเรียกการกระทําแบบหนึ่งว่าเป็นความดี แต่อีกสังคมกลับมองว่าเป็นความชั่ว จริงๆแล้วเราจะใช้เกณฑ์อะไรมาวัดคะ ยุคสมัยนี้คนที่ร่ําเรียนสูง มีงานดี มีเงิน มียศฐาบรรดาศักดิ์มีบริวาร และมีชื่อเสียง มักจะถูกสังคมยกย่องว่าเป็นคนดีน่านับถือ แต่คนเหล่านี้อาจจะไม่ใช่คนดี ไม่ใช่คนที่น่านับถือในอีกหมื่นปีข้างหน้าก็ได้ ซึ่งหลักธรรมคําสอนได้อธิบายไว้ว่า ความจริงทุกสิ่งแบ่งออกเป็น2ชนิด คือ สมมุติสัจจะและปรมัตถสัจจะ สมมุติสัจจะ คือ […]

keyboard_arrow_up