โรคร้าย
5 โรคร้าย ที่คุณ ผู้ชาย ควรระวัง
โรคร้าย ที่ ผู้ชาย ควรระวัง มีคำกล่าวว่า ผู้ชาย ดูแลเครื่องมือเครื่องใช้แสนรักดีกว่าดูแลร่างกายของตัวเอง
เช่น เวลาเกิดอะไรขึ้นกับรถยนต์ เครื่องร้อนผิดปรกติ เบรกเสียงดัง ก็รีบจัดการพารถเข้าอู่ซ่อม แต่พอมีอะไรเกิดขึ้นกับตัวเองบ้าง เช่น ปวดหัวตัวร้อน กลับไม่สนใจไยดี คิดว่าเดี๋ยวก็หายเองได้
ส่วนใหญ่ไม่เคยนึกเฉลียวใจว่า เบื้องหลังอาการเล็กๆ น้อยๆ เป็นๆ หายๆ อาจมีอะไรซุกซ่อนอยู่ ซึ่งกว่าจะมารู้อีกทีก็สายเกินไป ดังนั้นการเริ่มต้นดูแลตัวเองจึงควรเริ่มจากเฝ้าดูสิ่งผิดปรกติหรืออาการที่เกิดขึ้นกับร่างกาย
ยิ่งไปกว่านั้น ควรตระหนักว่า การเป็นผู้มีสุขภาพดีไม่ได้หมายความเพียงการไม่ป่วยไม่ไข้ แต่ยังรวมถึงการรู้จักเพิ่มภูมิชีวิตของตัวเองให้แข็งแรงอยู่เสมอ เพื่อสามารถรับมือกับโรคภัยที่อาจมาเยือนในวันหนึ่งข้างหน้า
ผู้ชายยุคนี้ต้องระมัดระวังดูแลตัวเองจากโรคภัยไข้เจ็บอะไรบ้าง และควรดูแลสุขภาพของตัวเองอย่างไร เราไปหาคำตอบด้วยกันค่ะ

การดำเนินชีวิตที่เคร่งเครียด และกดดัน อาจส่งผลต่อสุขภาพของผู้ชายได้
เมื่อวัยล่วงเลย ร่างกายก็เปลี่ยนตาม
เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น สิ่งที่ผู้หญิงและผู้ชายทุกคนต้องเผชิญเหมือนกันคือ สภาพร่างกายที่ทรุดโทรมลง แต่ถ้าเปรียบเทียบระหว่างหญิงและชายว่าใครอายุยืนกว่ากัน สถิติบอกว่า ผู้หญิงมีอายุยืนกว่าผู้ชายโดยเฉลี่ยประมาณ 7 ปี
นายแพทย์วิชัย เดชะทัตตานนท์ แพทย์เวชปฏิบัติทั่วไปเล่าว่า ผู้ชายยุคนี้เอาใจใส่เรื่องสุขภาพมากกว่าผู้ชายยุคก่อน แต่ส่วนใหญ่จะเน้นที่อาหารเสริม ยาบำรุง และเชื่อมั่นในข้อมูลข่าวสาร สมัยใหม่มากกว่าความเชื่อที่มีมาแต่เดิม
การดำเนินชีวิตของผู้ชายยุคนี้มีเครื่องอำนวยความสะดวกมากกว่า และอาหารส่วนมากเป็นอาหารประเภทสะดวก รวดเร็ว เป็นอาหารสำเร็จรูป จึงเต็มไปด้วยแป้งและไขมันเมื่อมีการเคลื่อนไหวน้อย แต่บริโภคอาหารที่มีพลังงานเยอะอุดมด้วยไขมัน จึงทำให้เป็นโรคอ้วนกันมากขึ้น
ส่วนการดำเนินชีวิตที่เป็นรูปแบบคนเมืองมากขึ้น มีความกดดันเคร่งเครียดเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจ ทำให้เกิดโรคเครียดได้ง่ายกว่าคนยุคก่อน
เพื่อทำความเข้าใจกับโรคภัยไข้เจ็บที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพผู้ชายมากขึ้น เราไปดูกันว่าเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น สภาพร่างกายของผู้ชายเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง เริ่มจาก
<< อ่านต่อหน้าที่ 2 >>
การมองเห็น
ทั้งผู้หญิงและผู้ชายเริ่มสายตายาวเมื่ออายุประมาณ 40 ปี เพราะเลนส์ตาเริ่มขาดความยืดหยุ่นในการปรับความคมของภาพให้ตกบนเรตินาพอดี อีกทั้งรูม่านตายังมีขนาดเล็กลง ปริมาณแสงที่ผ่านเข้าไปจึงน้อยลงด้วย ทำให้ยากต่อการปรับความสว่างของภาพได้เหมือนเดิม ดังนั้นเมื่ออายุมากขึ้นจึงเริ่มมีปัญหาต้อกระจกตามมา
การรับฟังเสียง
ความสามารถในการได้ยินหรือรับคลื่นเสียง สูง – กลาง – ต่ำเริ่มหมดไป เฉลี่ยประมาณปีละ 1 เดซิเบล ความสามารถที่ลดลงไปนี้จะเริ่มเป็นตั้งแต่ช่วงกลางวัยรุ่นไปถึงวัยชรา
เส้นผม
เมื่ออายุเพิ่มขึ้น ต่อมสร้างเส้นผมจะหดตัว เป็นผลให้เส้นผมที่เกิดใหม่มีขนาดเล็กและสั้นลง เส้นผมจึงดูบาง ไม่ดกหนาเหมือนตอนเป็นหนุ่ม บางคนเริ่มมีอาการศีรษะล้าน แนวเส้นผมถอยร่นลึกเข้าไป
ผิวพรรณ
จะเหี่ยวแห้งไปตามวัย เนื่องจากต่อมไขมันใต้ผิวหนังซึ่งทำหน้าที่สร้างความชุ่มชื้นให้ผิวลดกำลังผลิต จึงทำให้ผิวแห้ง ขาดความยืดหยุ่น ปรากฏเป็นริ้วรอยตามส่วนต่างๆโดยเฉพาะบริเวณใบหน้า
กล้ามเนื้อ
กล้ามเนื้อแข็งแรงถึงขีดสุดเมื่ออายุ 30 ปี จากนั้นจะถดถอยลงมาเรื่อยๆ อย่างช้าๆ จนถึงอายุ 50 ปี และพลังแห่งกล้ามเนื้อจะหดหายไปจนหมดเมื่ออายุประมาณ 80 ปี
ฟัน
ถ้าดูแลฟันอย่างดี แปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้งใช้เส้นใยขจัดเศษอาหารตามซอกฟัน ไม่กินของหวานจัด ช็อกโกแลต หรือดื่มน้ำอัดลม ฟันก็จะยังอยู่กับเราไปนานแสนนานเลยทีเดียว
ระบบย่อยอาหาร
เมื่ออายุมากขึ้นอาจรู้สึกว่ากินอาหารอร่อยน้อยลง ลิ้นรับรสชาติอะไรไม่ค่อยได้ น้ำลายในปากน้อยลงรวมทั้งกรดในน้ำย่อยก็ลดลง เมื่อรับประทานอาหารที่เป็นเนื้อสัตว์ใหญ่เข้าไปจะทำให้ท้องอืดได้ง่าย

ผู้ชายยุคนี้มีเครื่องอำนวยความสะดวก ทำให้เคลื่อนไหวร่างกายน้อย จึ่งเสี่ยงต่อโรคอ้วน
ปอด
เมื่ออายุมากขึ้น กล้ามเนื้อที่ควบคุมการทำงานของปอดจะอ่อนแอ ผิวเยื่อปอดจะแข็งขึ้น ทำให้ออกซิเจนผ่านเข้ากระแสเลือดยากขึ้น นับจากอายุ 20 ปี ประสิทธิภาพการทำงานของปอดจะลดลงราว 1 เปอร์เซ็นต์ทุกปี ยิ่งถ้าสูบบุหรี่หรือทำงานในที่ที่อากาศถ่ายเทไม่ดีหรือเป็นพิษ ปอดก็จะยิ่งเสื่อมเร็วขึ้น
หลังอายุ 40 ปี
ผู้ชายควรตรวจสภาพปอดบ้าง เพราะปอด ที่ทำงานผิดปรกติเป็นเครื่องบ่งชี้ของโรคร้าย คือ โรคทางเดินหายใจโรคมะเร็งปอด และโรคปอดเรื้อรัง
หัวใจ
เมื่ออายุมากขึ้น ผู้ชายมีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคหัวใจมากกว่าผู้หญิง โรคหัวใจคร่าชีวิตผู้คนไปเป็นจำนวนมากในแต่ละปี แต่ถ้าคุณแข็งแรง มีสุขภาพดี อายุที่เพิ่มกลับส่งผลน้อยมากต่อความสามารถของหัวใจในการสูบฉีดเลือดไปหล่อเลี้ยงร่างกาย
น้ำหนักตัว
ผู้มีอายุระหว่าง 20 – 50 ปี ถ้าน้ำหนักจะขึ้นไปบ้างราวปีละหนึ่งกิโลกรัม ถือเป็นเรื่องปรกติ แต่ถ้าน้ำหนักเพิ่มขึ้นมากกว่านี้ เช่น ปีละ 3 – 5 กิโลกรัม จะส่งผลให้มีอาการปวดหลัง หายใจลำบาก และเป็นโรคอื่นๆ ตามมา
สมอง
ขนาดของสมองจะโตเต็มที่เมื่ออายุ 20 ปี และจะหดตัวช้าๆ ราว 2.5 เปอร์เซ็นต์ในทุกๆ 10 ปี แต่ความเปลี่ยนแปลงนี้จะสังเกตพบก็เมื่ออายุย่างเข้าวัย 70 ปี ปัจจุบันสิ่งที่น่าเป็นห่วงเกี่ยวกับสมองคือ โรคอัลไซเมอร์
ความต้องการทางเพศ
ความต้องการทางเพศของผู้ชายจะเปลี่ยนแปลงไปตามวัย คือ เมื่อวัยเพิ่ม ความต้องการกลับลดลงและจะเห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับตัวเองอย่างเห็นได้ชัดเมื่ออายุเข้า 50 ปี เช่น อวัยวะเพศมีอาการเหี่ยวย่น ขนาดเล็กลงอีกทั้งปริมาณสเปิร์มก็ผลิตได้น้อยลงตามไปด้วย
นอกจากนั้นผู้ชายในวัยนี้อาจพบปัญหาเรื่องหมดสมรรถภาพทางเพศ ซึ่งส่วนใหญ่มักมีสาเหตุมาจากจิตใจมากกว่าสภาพร่างกายโดยตรง
<< อ่านต่อหน้าที่ 3 >>
โรคที่ผู้ชายควรระวัง
อย่างไรก็ตาม ร่างกายที่ค่อยๆ อ่อนแอลงเพราะวัยที่มากขึ้น ยังไม่น่ากลัวเท่าโรคร้ายที่แฝงตัวอยู่ในร่างกาย ซึ่งโรคร้ายที่มักจะเล่นงานคุณผู้ชาย เช่น
1. โรคต่อมลูกหมากโต
ผู้ชาย 1 ใน 3 เมื่อล่วงเข้าวัย 50 ปีมักจะมีอาการต่อม-ลูกหมากโต แต่กระนั้นอาการต่อมลูกหมากโตก็ยังไม่น่าเป็นห่วงเพียงแต่สร้างความรำคาญ แต่สิ่งที่อาจทำให้ผู้ชายนึกกลัวคือ อาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศที่จะตามมา และมะเร็งต่อมลูกหมากนั่นเอง
ดังนั้นผู้ชายที่มีอายุมากแล้ว เวลามีปัญหาในการขับถ่ายปัสสาวะ อย่าได้นิ่งนอนใจ ควรให้หมอตรวจเช็คเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง
อาการที่บ่งบอกว่าต่อมลูกหมากโต
– ต้องออกแรงเบ่งมาก แต่ปัสสาวะไหลน้อยและอ่อนแรง
– ปัสสาวะบ่อยผิดปรกติ
– อาจมีเลือดปนออกมา ซึ่งควรไปหาหมอ เพราะอาจมีความเจ็บป่วยอื่น
– อาการแทรกซ้อนควรระวัง คือ กรวยไตอักเสบ ไตวายกระเพาะปัสสาวะอักเสบ หรือมะเร็งที่ต่อมหมวกไต
2. โรคหัวใจ
ผู้ชายมักเริ่มมีอาการของโรคหัวใจเมื่ออายุ 40 ปีขึ้นไปสาเหตุหลักของการเกิดโรคหัวใจมีด้วยกันหลายอย่าง เช่น การอักเสบตรงผนังหัวใจ ความพิการของหัวใจที่เป็นมาแต่กำเนิด ไขมันอุดตันในเส้นเลือด รวมไปถึงหลอดเลือดแข็งตัว สิ่งเหล่านี้ล้วนทำให้ระบบควบคุมการทำงานของหัวใจล้มเหลว
ส่วนตัวการที่ทำให้เป็นโรคหัวใจ ได้แก่ ความเครียด ระดับคอเลสเตอรอลสูง โรคอ้วน ระดับความดันโลหิตสูง
อาการเตือนที่ควรสังเกต ได้แก่
– มีไข้ขึ้นสูง หนาวสั่น อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อ ข้อต่อ มีเลือดไหลออกตามตัว มีเลือดกำเดาไหลหรือจุดแดงจ้ำเขียวขึ้นตามตัว
– มีอาการจุกแน่นตรงกลางหน้าอกหรือยอดอก และเจ็บร้าวมาถึงไหล่ซ้าย
– ทำงานออกแรงมักเจ็บหน้าอก แต่เป็นไม่นาน ถ้าได้พักสักครู่ก็หาย
– มีอาการใจสั่น เหนื่อยหอบ ใจหายหรือใจวูบเป็นครั้งคราว
– มีไข้ ปวดบวมตามข้อใหญ่ของร่างกาย เช่น ข้อมือข้อเท้า ข้อศอก และอาการปวดนี้เป็นมากกว่าหนึ่งตำแหน่ง
ความน่ากลัวของโรคนี้สำหรับผู้ชายคือ ทำให้เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ เพราะมีการไหลเวียนของเลือดไปยังอวัยวะเพศน้อยลง
<< อ่านต่อหน้าที่ 4 >>
3. โรคความดันโลหิตสูง
เป็นอาการที่เกิดขึ้นกับผู้ชายได้ตลอดเวลาเมื่ออายุย่าง 30 – 35 ปี และมักเป็นก่อนอายุ 55 ปีโดยทั่วไปไม่พบอาการผิดปรกติ แต่จะตรวจพบเมื่อไปหาหมอด้วยโรคอื่น
องค์การอนามัยโลกกำหนดค่าความดันโลหิตที่เหมาะสมไว้ที่ 140 / 90 คนที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงคือ มีค่าความดันช่วงบน ช่วงล่างมากกว่า 160 / 95 ส่วนค่าความดันที่ดีควรน้อยกว่า 140 / 90
ความน่ากลัวของโรคนี้คือ อาการแทรกซ้อนที่จะเกิดขึ้นกับอวัยวะส่วนอื่นๆ เช่น
– หัวใจ ทำให้หัวใจวาย หอบเหนื่อย
– สมอง เส้นเลือดฝอยในสมองแตก
– ไต ภาวะไตวายเรื้อรัง เนื่องจากหลอดเลือดแดงเสื่อม
– ตา จะทำให้หลอดเลือดในดวงตาเสื่อม ประสาทตาเสียตาจะมัวมากขึ้นจนถึงขั้นทำให้ตาบอด
4. โรคเบาหวาน
โรคนี้เป็นได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง และพบมากในคนที่มีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป เกิดจากความผิดปรกติของตับอ่อนในการผลิตฮอร์โมนอินซูลิน โรคเบาหวานเป็นแล้วรักษายาก ปัญหาของคนที่เป็นโรคนี้ คือ ไม่สนใจตัวเอง โดยเฉพาะเรื่องของอาหาร ไม่ออกกำลังกาย ปล่อยตัวให้อ้วน
อันตรายของเบาหวานคือ ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดกับอวัยวะและระบบทำงานของร่างกาย ดังนี้
– ตา อาจเป็นต้อกระจกก่อนวัย ประสาทตาหรือจอตาเสื่อม ตาจะมัวขึ้นเรื่อยๆ
– ระบบประสาท ปลายประสาทอาจเกิดการอักเสบ เกิดอาการชาหรือปวดร้อนที่ปลายนิ้ว เกิดบาดแผลง่าย แต่รักษายากบางคนเป็นบาดแผลนิดเดียว แต่อาจลุกลามใหญ่โต
– ไต ไตเสื่อมและเกิดภาวะไตวาย มีอาการบวม ซีดความดันโลหิตสูง ผู้ป่วยด้วยโรคนี้ส่วนใหญ่เสียชีวิตจากความผิดปรกติที่เกิดขึ้นในไต
– ผนังหลอดเลือดแข็ง ทำให้เป็นโรคความดันโลหิตสูงอัมพาต โรคหัวใจขาดเลือด มือเท้าเย็น
– ระบบภูมิคุ้มกันต่ำ ทำให้ร่างกายติดเชื้อได้ง่าย เป็นแผลแล้วหายยาก เกิดการอักเสบตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย
– หมดความต้องการทางเพศ เนื่องจากการอุดตันของเส้นเลือดในส่วนอวัยวะเพศ ทำให้อวัยวะเพศไม่แข็งตัว
5. โรคมะเร็ง
ปัจจุบันมะเร็งเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย ผู้ชายส่วนใหญ่มักเป็นมะเร็งปอดและมะเร็งต่อมลูกหมาก
โรคนี้แม้จะไม่สามารถหาสาเหตุที่ชัดเจนได้ แต่จากงานวิจัยพบว่า พฤติกรรมในการบริโภคที่ไม่ดีอาจนำไปสู่สาเหตุการเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากได้ นอกจากนั้นรายงานการวิจัยยังระบุว่า แม้ผู้ชายที่เป็นมะเร็งต่อมลูกหมากก็สามารถลดความเสี่ยงการตายจากโรคนี้ ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการกินอยู่
ทั้งห้าโรคที่กล่าวมานอกจากจะเจ็บป่วยจากโรคโดยตรงแล้ว ยังมีอาการแทรกซ้อนที่ต้องระมัดระวังอีกด้วย แต่ที่น่าจะทำให้คุณผู้ชายหวั่นกลัวมากที่สุดคงเป็นอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ที่หากปล่อยให้เจ็บป่วยเมื่อไร เจ้าอาการที่ว่านี้ก็มักจะตามติดมาด้วย
ว่าแล้วเราไปดูกันว่า ถ้าอยากเป็นผู้ชายสุขภาพดีควรดูแลตัวเองอย่างไร
<< อ่านต่อหน้าที่ 5 >>
ชวนคุณผู้ชายเพิ่มภูมิชีวิตสู้โรค
อย่างที่เราทราบกันว่า ผู้หญิงและผู้ชายจะมีข้อแตกต่างกันอยู่มาก ข้อหนึ่งที่เห็นได้ชัดเจนคือ การปฏิบัติตัวของผู้ชายและผู้หญิงเวลาที่มีปัญหาสุขภาพ คือ ผู้ชายส่วนมากไม่ค่อยอดทนกับโรคภัยไข้เจ็บมากนัก โดยเฉพาะเวลาที่เจ็บป่วย ผู้ชายมักไม่ค่อยยอมเสียเวลาให้สุขภาพที่ทรุดโทรมลง และต้องการแต่รักษาให้หายป่วยแบบวันนี้พรุ่งนี้
และการที่ผู้ชายจะเปลี่ยนแปลงวิถีการดำเนินชีวิตที่ไม่ค่อยดีต่อสุขภาพมาเป็น คนรักสุขภาพ ก็เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาพอสมควรทีเดียว
แต่ถ้าคุณเพิ่มความรักให้ตัวเองขึ้นมาอีกนิด คุณจะรู้ว่าการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องยากเลย เช่น
– ลดอาหารไขมันสูง ไขมันนอกจากทำให้อ้วน ยังทำให้ระดับฮอร์โมนเพศสูง ซึ่งระดับฮอร์โมนเพศมีความสัมพันธ์กับการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมากเช่นเดียวกับมะเร็งเต้านมในผู้หญิง
– จำกัดอาหารประเภทเนื้อแดง เพราะในเนื้อแดงมีไขมันแทรกอยู่ไม่น้อย การกินเนื้อมาก แม้จะเป็นเนื้อไม่ติดมันก็ทำให้ได้รับไขมันเพิ่มขึ้น ที่สำคัญ งานวิจัยยังยืนยันว่า ผู้ชายที่กินเนื้อแดงมากจะมีความเสี่ยงต่อมะเร็งต่อมลูกหมากมากขึ้นตามไปด้วย
– กินถั่วเหลืองแทนโปรตีนจากเนื้อสัตว์ ถั่วเหลืองสามารถชะลอความรุนแรงของมะเร็งต่อมลูกหมากได้ เพราะถั่วเหลืองมีฮอร์โมนพืชที่เรียกว่า ไฟโตเอสโทรเจน ซึ่งเพิ่มปริมาณฮอร์โมนเอสโทรเจนในเพศชาย ทำให้ฮอร์โมนเพศชายเกิดความสมดุล
– เน้นผัก ผลไม้ และเมล็ดธัญพืช มีหลักฐานมากมายยืนยันประโยชน์ของผักผลไม้ในการป้องกันมะเร็ง โดยเฉพาะผักผลไม้ที่อุดมด้วยสารแคโรทีนอยด์ เช่น ผักคะน้า ส้ม ส่วนธัญพืชและถั่วเมล็ดแห้งต่างๆ มีสารไอโซฟลาโวนอยด์สูง ซึ่งช่วยลดการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมากได้
– กินมะเขือเทศ ในมะเขือเทศมีสารไลโคปีน มีผลในการป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมาก มะเขือเทศที่ผ่านความร้อนในการปรุงอาหารจะปล่อยสารไลโคปีนออกจากผนังเซลล์ได้ดีกว่ามะเขือเทศดิบ ทำให้ร่างกายดูดซึมได้ดีขึ้น
– ลดอาหารเค็ม หรืออาหารที่มีโซเดียมสูง โซเดียมทำให้ร่างกายเราสูญเสียแคลเซียมไปกับปัสสาวะมากขึ้น และกระดูกยิ่งเปราะเร็วมากขึ้น คุณผู้ชายจึงควรพยายามลดอาหารที่มีส่วนผสมของโซเดียม เช่น เกลือ ซีอิ๊ว น้ำปลา เต้าเจี้ยว แหนม ไข่เค็มปลาเค็ม เต้าหู้ยี้ และอาหารขบเคี้ยวทอดกรอบ
– ระวังน้ำหนักตัวและน้ำหนักพุง ลดของทอด แกงกะทิ เนื้อสัตว์ติดมัน ขนมทั้งหลาย จำกัดปริมาณการกิน เลือกอาหารที่มีแคลอรีต่ำและให้คุณค่าทางอาหารสูง ลดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
– ออกกำลังกายสม่ำเสมอ มีรายงานการวิจัยพบว่า เส้นรอบพุงจะเพิ่มขึ้นตามอายุ แม้ในคนค่อนข้างสุขภาพดีก็ตาม หลังอายุ 30 ขึ้นไปควรฝึกนิสัยการออกกำลังกายวันละ 30 นาที จะเป็นประโยชน์มหาศาลเมื่ออายุมากขึ้น
เพราะโลกยุคใหม่นั้นเต็มไปด้วยมลพิษ ความเครียด และตัวบั่นทอนสุขภาพกายใจของเราให้อ่อนแอลงได้โดยง่าย ถ้ามัวคิดว่าเป็นผู้ชายแล้วไม่เห็นต้องใส่ใจสุขภาพเลย เห็นทีจะไม่ทันกาลในการป้องกันตัวเองจากโรคร้ายเสียแล้วละค่ะ
วันนี้คุณเป็นผู้ชายที่รักสุขภาพตัวเองหรือยังคะ

ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ช่วยให้คุณผู้ชายมีสุขภาพแข็งแรง ลดความเสี่ยงการเกิดโรค
จุดตรวจที่ควรใส่ใจ
เมื่ออายุเพิ่มขึ้น โอกาสที่ร่างกายจะถูกมะรุมมะตุ้มจากโรคร้ายก็มีมาก การไปหาหมอเพื่อตรวจเช็คร่างกายเป็นครั้งคราวจึงเป็นสิ่งสำคัญและไม่ควรมองข้ามสำหรับผู้มีอายุเกิน 40 ปี เพราะการตรวจสุขภาพนี้จะช่วยบอกให้รู้ถึงสิ่งผิดปรกติที่กำลังเกิดขึ้นกับร่างกาย โดยที่อาการผิดปรกตินั้นยังไม่ลุกลามออกไปจนเป็นอันตราย
สิ่งที่ควรใส่ใจเป็นพิเศษ ได้แก่
– น้ำหนักตัว น้ำหนักตัวควรคงที่ อาจเพิ่มบ้างลดบ้างเล็กน้อย ถือเป็นเรื่องปรกติ แต่ถ้าเพิ่มหรือลดลงอย่างฮวบฮาบแสดงว่ามีสิ่งผิดปรกติเกิดขึ้นกับร่างกาย
– ความดันโลหิต ควรตรวจบ้างเป็นครั้งคราว เพื่อดูสภาพหัวใจและเส้นเลือด
– ไขมันในเลือด ถ้าเป็นไปได้ควรตรวจทุกระยะ 1 – 2 ปีเพื่อป้องกันอันตรายที่จะเกิดกับหัวใจ
– น้ำตาลในเลือด การมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงบอกให้รู้ว่า คุณอาจเป็นเบาหวาน ซึ่งสาเหตุมาจากการกินของคุณเอง
– ตรวจปัสสาวะ ปัสสาวะสามารถบอกถึงสิ่งผิดปรกติที่เกิดขึ้นในร่างกายได้หลายอย่าง เช่น ความผิดปรกติของไต ระดับน้ำตาลในเลือด การติดเชื้อ
จาก คอลัมน์เรื่องพิเศษ นิตยสารชีวจิต ฉบับ 220
บทความน่าสในใจอื่นๆ



รับมือ วัยทองผู้ชาย หยุดหงุดหงิด ซึมเศร้า ช่วยหลับสบาย
กุยช่าย ป้องกันมะเร็งคุณผู้ชาย
ติดตาม ชีวจิต ในช่องทางต่างๆ ได้ที่
สัญญาณเตือน! “มะเร็งปอด” สาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 2 ของคนไทย
โรคมะเร็งถือเป็นหนึ่งในโรคร้ายที่คร่าชีวิตของคนเราในทุกๆ ปี แต่มะเร็งที่ Goodlifeupdate อยากเอาข้อมูลมาแชร์และเตือนให้ระวังกันในวันนี้นั้นก็คือ “มะเร็งปอด”
อย่าเฉยเมื่อชา! เพราะอาการ ชาปลายมือ ชาปลายนิ้ว อาจเป็นสัญญาณอันตรายที่บอกว่าร่างกายกำลังแย่
อย่าเฉยเมื่อชา! เพราะอาการ ชาปลายมือ ชาปลายนิ้ว อาจเป็นสัญญาณอันตรายที่บอกว่าร่างกายกำลังแย่ อาการชาเรียกได้ว่าเป็นอาการที่เกิดขึ้นได้บ่อย จนหลายคนแทบจะไม่สนใจ เพราะคิดว่าเป็นไม่นาน นวดนิดเดียวเดี๋ยวอาการเหล่านั้นก็หายไป ไม่มีอะไรร้ายแรง แต่รู้ไหมว่าจริงๆ แล้วอาการชาที่เกิดขึ้นเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นชาปลายนิ้ว ชาปลายมือ หรือชาที่ปลายเท้า อาจเป็นสัญญาณเตือนโรคร้ายที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของเราได้ ดังนั้นวันนี้เรามาดูกันดีกว่าว่าอาการชาแบบไหน ที่อาจส่งผลร้ายกับร่างกายเรา 1.ชาปลายเท้าและปลายมือเข้าหาลำตัว อาการชาแบบนี้ มักมีสาเหตุมาจากการอักเสบของปลายประสาทหรือปลายประสาทเสื่อม เนื่องจากร่างกายขาดสารอาหารที่สำคัญ อย่างเช่น วิตามินบี 1 วิตามินบี 6 หรือ วิตามินบี 12 และอาจเป็นสัญญาณเตือนที่เกิดขึ้นของโรค โรคไต โรคมะเร็ง เป็นต้น 2.ชาปลายนิ้วมือเกือบทุกนิ้ว แต่นิ้วก้อยไม่ชาหรือชาน้อยที่สุด อาการเช่นนี้มักจะเกิดขึ้นตอนกลางคืนหรือตอนตื่นนอน แต่ถ้าหากเกิดขึ้นในตอนกลางวันมักจะมีสาเหตุมาจากการทำท่าบางประการที่ไม่เหมาะสมหรือทำต่อเนื่องเป็นเวลานาน เช่น ชูมือสูง ขี่มอเตอร์ไซค์ คุยโทรศัพท์ หรือใช้มือทำงานบางอย่างอย่างหนัก จนเส้นเอ็นกดทับเส้นประสาทตรงข้อมือ เป็นอาการที่ไม่รุนแรงมาก เพียงแต่เปลี่ยนอิริยาบถหรือลดการใช้มือข้างที่ชาลง 3.ชาที่บริเวณนิ้วก้อย นิ้วนาง และขอบมือด้านเดียวกัน แต่ไม่เลยเกินข้อมือ การชาแบบนี้มักจะเกิดขึ้นหลังจากเส้นประสาทถูกกดทับตรงข้อศอก เพียงแต่เปลี่ยนท่าหรือลดการใช้งานมือข้างที่ชาลงก็จะช่วยได้ แต่หากว่ารู้สึกชาเลยข้อมือขึ้นมาจนถึงข้อศอก มักจะมีสาเหตุมาจากเส้นประสาทถูกกดทับบริเวณกระดูกไหปลาร้า หากเป็นเช่นนี้ควรปรึกษาแพทย์ทันที […]
5 โรคร้ายวัยทำงาน ไม่อยากตายไวต้องหันมาใส่ใจสุขภาพ
5 โรคร้ายวัยทำงาน ไม่อยากตายไวต้องหันมาใส่ใจสุขภาพ คนทำงานวัยหนุ่ม-สาว ที่ยังอายุไม่มากเท่าไหร่ ส่วนใหญ่มักไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องการดูแลสุขภาพของตัวเองเท่าไหร่นัก เนื่องจากอายุยังไม่มากก็เลยไม่กังวล ทำงานเต็มที่ ปาร์ตี้เต็มเหนี่ยว ใช้ชีวิตอยู่กับความเร่งรีบตลอดเวลา พักผ่อนน้อย รับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ เชื่อไหมว่าพฤติกรรมเหล่านี้ล้วนส่งผลให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ตามมาในที่สุด ดังนั้นเราเลยมาเตือนกันให้ระวัง ด้วยการหยิบข้อมูลของ 5 โรคยอดฮิตที่คุกคามสุขภาพและชีวิตของคนวัยทำงานมานำเสนอกัน ส่วนจะมีโรคอะไรบ้างนั้นลองมาดู 1) โรคปลอกประสาทอักเสบ จากข้อมูลทางสถิติโรคปลอกประสาทอักเสบนั้นถือเป็นโรคภัยใกล้ตัวของผู้หญิงวัยทำงาน โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุช่วงระหว่าง 20 – 40 ปี หากเป็นมากเข้าก็จะทำให้สูญเสียการเคลื่อนไหวของร่างกาย จนอาจเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตได้ 2) ออฟฟิศซินโดรม ออฟฟิศซินโดรมเป็นโรคที่เกิดขึ้นโดยตรงกับหนุ่ม-สาวออฟฟิศ เหตุผลหลักเลยก็คือการที่ต้องนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ ไม่ได้ขยับตัวไปไหน ทำให้กล้ามเนื้อมีอาการตึงและอักเสบ และจากสถิติของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า “คนวัยทำงานร้อยละ 60 มีภาวะโรคออฟฟิศซินโดรม” 3) โรคเครียดลงกระเพาะ โรคเครียดลงกระเพาะ ส่วนมากเกิดจากความเครียด เพราะในขณะที่เราเครียด ระบบประสาทอัตโนมัติจะกระตุ้นให้กระเพาะอาหารหลั่งน้ำย่อยออกมามากกว่าปกติ จนเกิดการระคายเคือง ส่งผลให้เกิดโรคกระเพาะอาหาร แน่นอนว่าหนุ่ม-สาววัยทำงาน หลายคนมีความเสี่ยง 4) โรคกรดไหลย้อน งานการเร่งรีบจนไม่มีเวลาทานอาหาร […]
กินเค็ม เสี่ยง 6 โรค ทำลายสุขภาพ
กินเค็ม เสี่ยง 6 โรค ทำลายสุขภาพ การ กินเค็ม เป็นพฤติกรรมที่ทำลายสุขภาพ เพราะรสชาติเค็มในอาหารหลายต่อหลายมื้อที่เราชอบกินนั้น ไม่ว่าจะในรูปแบบของการปรุงอาหาร และในรูปแบบของเครื่องปรุงรส อาทิ น้ำปลา เกลือ กะปิ หรือแม้กระทั่งผงชูรส เพื่อให้มีรสชาติที่อร่อยกลมกล่อม ถูกปากใครหลายคน ล้วนทำลายสุขภาพได้ในระยะยาว จนถึงขั้นเสียชีวิตได้เลยทีเดียว โดยข้อมูลของสมาคมโรคหัวใจ ประเทศสหรัฐอเมริกา (American Heart Association) เปิดเผยข้อมูลผลสำรวจจากทั่วโลก พบว่า เกลือเป็นวายร้ายทำลายหัวใจ และจากข้อมูล50 ประเทศ ทำให้ทีมวิจัยทราบว่า ผู้ที่เสียชีวิตจากภาวะหัวใจวายและเส้นเลือดหัวใจตีบ 15 เปอร์เซ็นต์มีสาเหตุจากการกินเกลือมากเกินไป โดยปกติแล้วร่างกายของคนเราต้องการโซเดียมต่อวันเพียง 1 ช้อนชาหรือประมาณ 2000 มิลลิกรัม จากการสำรวจของกรมอนามัยร่วมกับสถาบันโภชนศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล พบว่าคนไทยส่วนใหญ่รับประทานโซเดียมกันมากถึง 2 เท่าของปริมาณที่แนะนำ โดยเพิ่มมากยิ่งขึ้นทั้งในรูปแบบของอาหารสดรสจัดหรืออาหารที่ผ่านกระบวนการแปรรูปมาแล้ว หากยังไม่หยุดพฤติกรรมเหล่านี้ ก็ย่อมนำพาซึ่งมหันตภัยร้ายต่อร่างกายได้ในภายหลัง วันนี้เราจะพาไปรู้จักกับ 6 โรค ที่ซ่อนอยู่ภายใต้รสชาติเค็มของอาหาร ซึ่งหากเรากินมากหรือน้อยจนเกินไป อาจส่งผลเสียต่อร่างกายของเราได้ 6 โรค […]
เพื่อนป่วยเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง เธอจึงโกนผมเป็นเพื่อน
Nikita Grace Stewart สาววัยรุ่นวัย 19 ปี มีเพื่อนสนิทคนหนึ่งชื่อว่า “ Kara Farnham ” แต่แล้วเธอพบว่าตนเอง ป่วยเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง
ร่วมเป็นกำลังใจให้เมฆ วินัย ไกรบุตร ต่อสู้โรคร้าย ตุ่มน้ำพอง – Secret
ร่วมเป็นกำลังใจให้เมฆ วินัย ไกรบุตร ต่อสู้โรคร้าย ตุ่มน้ำพอง – Secret เมฆ – วินัย ไกรบุตร ป่วยเป็นโรคหายากคือ โรคเพมพิกอยด์ หรือ โรคตุ่มน้ำพอง ที่พบเจอแค่ 1 ใน 4 แสนคนเท่านั้น ทำให้ต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลกะทันหัน คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลอธิบายสาเหตุของโรคหายากชนิดนี้ไว้ว่า “เกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย มีแนวโน้มทางพันธุกรรมเป็นปัจจัยพื้นฐานสิ่งแวดล้อม เช่น เชื่้อโรค และสารเคมีเป็นปัจจัยกระตุ้นมีบทบาทร่วมกันในการก่อโรค ซึ่งโรคตุ่มน้ำพองเกิดจากภูมิคุ้มกัน ไม่ใช่โรคติดต่อ” View this post on Instagram เราจะสู้ไปด้วยกันครับน้อง ขอบคุณมากครับ A post shared by วินัย ไกรบุตร (@winaikraibutr) on Jul 4, 2019 at 9:57pm PDT บรรดาแฟน ๆ […]
หมอเมย์สู้มะเร็งระยะสุดท้าย ดอกไม้เหล็กผู้ใช้กำลังใจเป็นยารักษาตนเองและเพื่อนร่วมทุกข์
หมอเมย์สู้มะเร็งระยะสุดท้าย ดอกไม้เหล็กผู้ใช้กำลังใจเป็นยารักษาตนเองและเพื่อนร่วมทุกข์ แพทย์หญิงคนหนึ่งได้เปิดเพจชื่อว่า ” หมอเมย์สู้มะเร็งระยะสุดท้าย ” เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวการต่อสู้กับโรคมะเร็งกระเพาะอาหารของเธอ ซึ่งกำลังใจสำคัญของเธอคือเพื่อนร่วมทุกข์ที่แวะเวียนมาคอมเม้นท์และส่งข้อความในอินบ็อกซ์รวมถึงครอบครัวของเธอด้วย วันที่ 27 ธันวาคม 2561 เป็นวันที่ดิฉันหมอเมย์ หรือแพทย์หญิงทักษอร เล้าวงค์ ซึ่งกำลังมีความสุขกับงานผ่าตัดอันเป็นที่รัก อาจารย์ชายชัญ ได้ต่อสายตรงมาถึงเมย์ว่า ” ผลแล็บของเมย์ไม่ค่อยดีเลยนะคะ อยากให้เข้ามาเจออาจารย์ที่โรงพยาบาลหน่อย” เมย์จึงถามท่านกลับไปว่า “เมย์เป็นอะไรหรอคะอาจารย์” ท่านตอบกลับมาว่าผลการตรวจพบว่ามีเซลล์มะเร็งอยู่ที่ต่อมน้ำเหลืองในชิ้นเนื้อตรงคอที่ตัดไปตรวจ คำตอบของอาจารย์ชายชัญทำเราอึ้งไปเลยค่ะ แต่เมย์ก็ผ่าตัดคนไข้ต่อจนเสร็จ ต้องขอบคุณคนไข้ที่เข้าใจ และยังให้กำลังใจเราด้วยอีกต่างหาก ทำไมเมย์จึงนำชิ้นเนื้อตรงคอไปตรวจ ตอนนั้นเมย์มีอาการไอนาน 1 สัปดาห์กว่า ๆ แต่ไม่มีไข้ เราไอจนเริ่มหายใจไม่สุด จึงตัดสินใจไปตรวจ x-ray ที่หน้าอก พบว่ามีจุดเล็ก ๆ เลยคาดว่าอาจจะเป็นวัณโรค จึงไป CT scan ปอดซ้ำ ผลออกมาคือพบจุดเล็ก ๆ อยู่เต็มปอด กำลังสงสัยอยู่ว่าเราป่วยเป็นวัณโรค หรือมะเร็งกันแน่ ตอนนั้นมีแนวโน้มว่าจะไปทางวัณโรค แต่ทว่าอาจารย์ชายชัญให้เราลองตัดเอาต่อมน้ำเหลืองที่คอไปตรวจ และก็เจาะเลือดส่งผลค่ามะเร็งต่าง […]
5 โรคร้ายที่คุณ ผู้ชาย ควรระวัง
โรคร้ายคุณผู้ชายต้องระวัง ผู้ชาย ดูแลเครื่องมือเครื่องใช้แสนรักดีกว่าดูแลร่างกายของตัวเอง เกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง กลับไม่สนใจไยดี คิดว่าเดี๋ยวก็หายเองได้
บ.ก.ขอตอบ : Check Top 5 โรคร้าย ทำคนทั่วโลกตายเยอะที่สุด
โรคร้าย ที่ทำคนตายเยอที่สุด มีโรคอะไรบ้าง บ.ก. เลือกเฉพาะโรคที่มีสถิติผู้ป่วยเยอะ ใกล้เคียงกันกับผู้ป่วยที่ประเทศไทยมากที่สุด มาบอกค่ะ