โกยซีหมี่

เมนูอะไรเอ่ย หน้าตาคล้ายราดหน้า แต่ไม่ใช่ราดหน้า?……เฉลย โกยซีหมี่ นั่นเองค่ะ ถ้าใครเคยทานน่าจะพอรู้รสชาติ แต่ถ้าใครยังไม่เคยทาน มาลองทานด้วยฝีมือตัวเองกันดีกว่าค่ะ สูตรพร้อมแล้ว  

แจกสูตรเมนู โกยซีหมี่

ขั้นตอนการทำ โกยซีหมี่

♦ ส่วนผสม (สำหรับ 2 ที่)

บะหมี่เหลืองลวก	200 กรัม
อกไก่หั่นชิ้นพอคำ	1 ถ้วย
หน่อไม้หั่นเส้น	1 ถ้วย
เห็ดฟางผ่าสี่	1 ถ้วย
ต้นหอมหั่นท่อน	½ ถ้วย
น้ำซุปใส	1 ถ้วย
ซีอิ๊วขาว	3 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย	1 ช้อนโต๊ะ
พริกไทยป่น	1 ช้อนชา
แป้งมันฮ่องกงละลายน้ำ	2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันงา	1 ช้อนชา
น้ำมันพืชสำหรับผัด	1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันพืชสำหรับทอดเส้น
ผักกาดหอมสำหรับรองชาม
จิ๊กโฉ่วสำหรับเสิร์ฟเคียง

  ♦ วิธีทำ โกยซีหมี่

1. เคล้าไก่กับซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ และน้ำมันงา หมักไว้ประมาณ 20 นาที
2. ตั้งกระทะให้พอร้อน ใส่น้ำมันสำหรับทอดลงไปให้พอเคลือบกระทะ แบ่งเส้นเป็นสองส่วน ทอดให้สุกกรอบทั้งสองด้าน ตักขึ้นพักไว้(ทอดทีละส่วน)
3. ผัดไก่หมักกับน้ำมัน 1 ช้อนโต๊ะพอสุก ใส่เห็ดฟาง ต้นหอม และหน่อไม้ เติมน้ำซุป รอจนเดือด
4. ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาวและน้ำตาลทราย ค่อยๆใส่แป้งมันฮ่องกงลงไป คนพอข้นเหนียว ปิดเตา
5. จัดเส้นใส่ชามที่รองด้วยผักกาดหอม ราดน้ำโกยซีหมี่ โรยพริกไทยป่น เสิร์ฟพร้อมจิ๊กโฉ่ว

ประโยชน์ที่ได้จากเมนูโกยซีหมี่

โกยซีหมี่ แปลว่าเป็นไทยว่า เนื้อไก่ราดหมี่ เป็นอาหารของกวางตุ้งที่มีลักษณะคล้ายราดหน้า น้ำซุบปรุงจากน้ำต้มกระดูกหมูหรือไก่แบบราดหน้า แต่ส่วนประกอบน้ำราดจะใส่หน่อไม้ เห็ด ต้นหอม พร้อมกับไก่ชิ้นหั่นเป็นเส้นๆ เมื่อปรุงเสร็จแล้วนำมาราดลงบนเส้นบะหมี่เหลืองลวก ในประเทศไทยบางร้านใช้หมี่กรอบหรือบะหมี่เหลืองทอดแทน ซึ่งในเมนูโกยซีหมี่นั้น จะมีส่วนผสมของน้ำมันงาอยู่ด้วย บอกเลยว่าน้ำมันงาเนี่ย มีประโยชน์มากเลยค่ะ น้ำมันงาเป็นอีกหนึ่งส่วนผสมสำคัญในการชูรสชาติ ซึ่งน้ำมันงา (Sesame Oil) คือน้ำมันที่สกัดมาจากเมล็ดงา จะสกัดจากงาดำเพราะให้น้ำมันในปริมาณมาก และมีคุณภาพมากกว่างาชนิดอื่น น้ำมันงามี 2 ชนิด คือ

1. น้ำมันงาที่สกัดจากเมล็ดงาที่คั่วแล้วสีของน้ำมันงา ก็จะมีลักษณะสีน้ำตาลใส และมีกลิ่นหอม
2. น้ำมันงาที่สกัดจากเมล็ดงาสดสีของน้ำมันที่ได้จะมีสีเหลืองใสคล้ายกับน้ำมันพืชชนิดอื่น มีสรรพคุณมากกว่าน้ำมันงาที่ได้จากเมล็ดคั่ว แต่ข้อเสียคือไม่มีกลิ่นหอม

♥ เคล็ดลับการใช้น้ำมันงา กับการปรุงอาหาร

• ผสมน้ำมันงา 1 ช้อนโต๊ะลงในการหุงข้าวตามปกติ จะได้ข้าวสวยที่มีความหอม นุ่ม อร่อย และไม่บูดง่าย
• ใช้น้ำมันงาหมักเนื้อปลาหรืออาหารทะเลก่อนนำไปปรุงเป็นอาหาร จะช่วยลดความคาวของอาหารได้
• ใส่น้ำมันงาในอาหารประเภทผัก จะช่วยให้มีความหอมและน่ารับประทานมากขึ้น
• ใช้เป็นส่วนผสมในน้ำสลัด หรือผสมเป็นน้ำจิ้มสุกี้ ก็ช่วยให้รสชาติอร่อยขึ้นได้

♥ ข้อดีของน้ำมันงา

• มีกลิ่นหอมน่ารับประทาน
• ประกอบด้วยกรดไขมันที่ไม่อิ่มตัวสูง ซึ่งสามารถช่วยควบคุมระดับคอเลสเตอรอลในร่างกายไม่ให้มากจนเกินไป
• น้ำมันงานั้นสามารถเก็บไว้ได้นาน ไม่เหม็นหืน
• น้ำมันงาจะไม่จับตัวเป็นก้อน

♥ ประโยชน์ดี๊ดี ของน้ำมันงา

• น้ำมันงามีสารป้องกันการหืนธรรมชาติจะสามารถเก็บไว้ได้นาน และนำมาประกอบอาหาร โดยไม่มีกลิ่นเหม็นหืน
• น้ำมันงา จะประกอบไปด้วยกรดไขมันที่ไม่อิ่มตัวสูง จึงเหมาะสำหรับผู้บริโภคที่มีภาวะคอเลสเตอรอลในเลือดสูง ป้องกันโรคในระบบหัวใจ และหลอดเลือดได้เป็นอย่างดี
• มีกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย เช่น กรดลิโนเลอิค และโอเลอิค ที่ช่วยในการเจริญเติบโต และสร้างความชุ่มชื้นแก่ผิวหนัง
• ในด้านความสวยความงามจะช่วยป้องกันไม่ให้ผิวหนังแห้ง แตก และป้องกันผมแห้งแตกปลาย โดยการใช้นวดตามบริเวณที่ต้องการ

  ขอบคุณข้อมูล  sukkaphap-d   อ่านต่อเมนูที่น่าสนใจ แจกสูตรเมนู ต้มกะทิปลาสลิด ใบมะขามอ่อน อร่อย รสเค็มมัน คั่วกลิ้งเนื้อ เมนูอาหารใต้รสเด็ด เข้มข้นเผ็ดโดนใจ ยำทูน่า กับสมุนไพร เมนูแซ่บ สมุนไพรแน่น วิธีทำ ยำปลากะพง ทอดกรอบ อร่อย รสแซ่บ ซีซาร์สลัด ปลาหมึก เมนูดี๊ดี ที่คนรักการกินสลัด ต้องลอง! สลัดหมูย่างน้ำสลัดส้ม แก้อ่อนเพลีย สลัดกุ้งย่าง แบบเม็กซิกัน สูตรสุขภาพที่กินแล้วอิ่มท้อง!! ผัดเผ็ดปลาดุกทอดกรอบ สูตรเด็ด หอมกลิ่นพริกแกง สูตรไก่ทอด ผัดซอสมะขาม อร่อยเด็ด ต้องลอง! ยำยอดผัก ยอดมะระหวาน อร่อย รสเด็ด แซ่บถูกปาก