หลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ
หลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ เกิดที่บ้านบุฮม อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย เมื่อวันที่5 กันยายน พ.ศ. 2454 ตรงกับวันอังคารเดือนสิบ ปีกุน ขึ้น 13 ค่ำบิดาของท่านชื่อจีน มารดาชื่อโสม นามสกุลอินทผิว หลวงพ่อมีนามจริงว่าพันธ์ อินทผิว เหตุที่ท่านเป็นที่รู้จักในนามหลวงพ่อเทียน ก็เนื่องจากท้องถิ่นของท่านนิยมเรียกชื่อกันตามชื่อของลูกคนหัวปี บุตรชายคนแรกของหลวงพ่อชื่อเทียน ญาติพี่น้องและเพื่อนบ้านจึงเรียกท่านว่าพ่อเทียน ภรรยาของท่านชื่อหอม ก็ได้รับการเรียกขานว่าแม่เทียนเช่นเดียวกัน ท่านมีพี่น้องร่วมบิดามารดา 6 คน คนแรกเป็นชายชื่อ สาย คนที่สองเป็นชายชื่อ ปุ้ย คนที่สามเป็นชายชื่อ อุ้น คนที่สี่เป็นหญิงชื่อ หวัน พิมพ์สอน ท่านเองเป็นคนที่ห้า และคนที่หกเป็นชายชื่อ ผัน พี่น้องของท่านที่ยังมีชีวิตอยู่คือพี่สาวคนเดียวของท่านชื่อ หวัน พิมพ์สอน หรือป้าหนอม พี่น้องคนอื่น ๆ ได้ถึงแก่กรรมไปแล้วทั้งสิ้น
ผลของการเจริญสติที่ถูกต้อง โดย หลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ
ผลของการเจริญสติที่ถูกต้อง โดย หลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ ก. ผลคือสะอาด ดังนั้น การทำบุญให้ทานรักษาศีล การทำสมถกรรมฐานและการเจริญวิปัสสนา ต่างก็เป็นการกระทำเพื่อเอามาทำลายกิเลส คือ ความโลภความโกรธความหลง การทำลายกิเลสได้นี่แหละคือตัวบุญแท้ ๆ เป็นยอดบุญ ถ้าเป็นสวรรค์ก็เป็นสวรรค์แท้ ๆ เป็นแก่นของสวรรค์ เป็นยอดแท้ของสวรรค์ ถ้าเทียบกับพระนิพพานก็เป็นพระนิพพานแท้ เป็นแก่นเป็นยอดของนิพพาน ความหมดไปของกิเลส ก็คือ สะอาด นิพพานแปลว่าความดับเย็นลง คือเราไม่ร้อนอกร้อนใจเพราะกิเลสดับเย็นลง ถ้าขณะนี้เราไม่มีความทุกข์มันก็เป็นนิพพานในขณะนี้เอง เมื่อเรามีนิพพานในขณะนี้แล้ว ก็ต้องได้ไปนิพพานแน่ ๆ เราควรจะรู้จักสวรรค์ที่ในใจของเรา ความไม่มีทุกข์นั่นแหละเป็นสวรรค์คือจิตใจเราร่าเริงเบิกบาน เราดูจิตดูใจเราอยู่มันเป็นเมืองสวรรค์ เมื่อเรามีสวรรค์อยู่ที่ใจอย่างนี้แล้ว พอตายไปจะได้ไปเกิดเมืองสวรรค์อย่างไม่ต้องสงสัย ข. ผลคือสว่าง หากใครไม่รู้จักเมืองสวรรค์ ก็ไม่สามารถไปเมืองสวรรค์ได้หรอก ตัวอย่างเช่น ในบ้านของเรามีไฟฟ้า เราอยากได้แสงสว่างแต่เอามือไปจับที่หลอดไฟแสงไฟก็จะไม่มี เมื่อเราได้เรียนรู้ว่าจะเปิดไฟต้องเปิดที่สวิตช์ไฟ เราก็ไปเปิดสวิตช์ ไฟก็ไปสว่างอยู่ที่หลอด นี่ก็เหมือนกัน วิธีที่จะจัดการกับความโลภความโกรธความหลงนั้น เราไม่ต้องไปคิดหาว่าความโกรธความโลภความหลงอยู่ที่ไหน เราเพียงกลับเข้ามาดูจิตดูใจของเราก็จะทำลายความโกรธความโลภความหลงได้เอง พระพุทธเจ้าตรัสไว้แล้วว่า พระองค์ตรัสรู้ได้โดยการบำเพ็ญทางจิต เราก็ต้องมาดูจิตดูใจของเรา การดูจิตใจนี้แหละ เป็นการเปิดไฟฟ้าโดยจับที่สวิตช์ไฟฟ้า เมื่อเราทำบ่อย […]
การเจริญสติที่ทำให้เกิดปัญญา โดย หลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ
การเจริญสติ ที่ทำให้เกิดปัญญา โดย หลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ สำหรับอาตมา มีประสบการณ์ว่า การเจริญสติ ไม่จำเป็นต้องนั่งหลับตา หลวงพ่อเคยทำวิธีหลับตามาแล้ว แต่ไม่เกิดปัญญา พอมาทำวิธีใหม่ วิธีของหลวงพ่อนี้มันเกิดปัญญา ทำให้รู้สึกว่าถูกต้องกับตำรับตำราของคนสมัยใหม่ วิธีของหลวงพ่อนี้ บางคนอาจจะคิดว่าเป็นของใหม่ก็ได้ เพราะยังไม่เคยได้ยิน แต่ความจริงแล้วเป็นของเก่าตั้งแต่สมัยพระพุทธเจ้าสอนนั่นแหละ ก. ปลุก “ตัว” ให้รู้สึกและตื่นอยู่เสมอ การเจริญสติที่อาตมาทำมาและกำลังเล่าให้ฟังอยู่นี้ทำดังนี้ สมมติว่าเรากำลังนั่งพับเพียบ หรือกำลังนั่งเก้าอี้หรือกำลังนอนหรือยืนก็ได้ ให้เอาสติมาจับความเคลื่อนไหวของมือ พลิกมือขึ้น คว่ำมือลง ยกมือขึ้น เอามือลง ให้มีสติรู้ทุกอิริยาบถ ทำอย่างนี้บ่อย ๆ นี่เป็นการเจริญสติอย่างหยาบ ๆ พูดง่าย ๆ คือ ให้มีสติอยู่ทุกอิริยาบถ ไม่ว่าจะนั่งนอนยืนเดิน จะทำอะไรอยู่ก็ตามให้รู้สึก การทำวิธีนี้ใคร ๆ ก็ทำได้ จะนับถือศาสนาอะไรก็นำเอาไปทำทั้งนั้น ไม่ว่าชนชาติใดก็ทำได้ เพราะทุกคนมีกายกับใจด้วยกันทั้งนั้น ทุกศาสนาก็สอนเหมือนกันหมดคือให้ละความชั่วทำความดี ข. ปลุก “ใจ” ให้รู้สึกและตื่นอยู่เสมอ เมื่อเจริญสติจนชำนาญแล้ว ให้เอาสติเข้าไปจับความรู้สึกของจิตใจ คือรู้ตามอารมณ์ […]
“ไม่เป็นอะไรกับอะไร” เรื่องเล่าช่วงเวลาก่อน หลวงพ่อคำเขียน สุวัณโณ มรณภาพ
แม้จะยังไปไม่ถึงจุดหมายดังกล่าว เพียงแค่อยู่ระหว่างทางการตายอย่างสงบก็ไม่เหลือวิสัย ขอเพียงแต่ลงมือปฏิบัติเสียแต่เดี๋ยวนี้
วิธีเจริญสติด้วยหลักสติปัฏฐาน 4 ตามแนว หลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ
วิธีเจริญสติด้วยหลักสติปัฏฐาน 4 ตามแนว หลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ หลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ ท่านใช้หลักสติปัฏฐาน ๔ ที่อาศัยการเคลื่อนไหวของกายเป็นหลัก โดยต้องลืมตาตลอดเวลาที่ฝึก เพราะไม่ต้องการให้ปฏิบัติติดสงบ หลายคนหลับตาแล้ว ก็จะติดสงบได้ง่าย พอติดสงบ การยกจิตสู่วิปัสสนาก็จะเนิ่นช้า ท่านอยากให้ผู้ปฏิบัติข้ามความสงบไปเพื่อเกิดความรู้สึกตัว และเอาความรู้สึกตัวไปใช้ในการเจริญวิปัสสนา มาดูกันว่า การเจริญสติที่ หลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ แนะนำมีอะไรบ้าง การยกมือสร้างจังหวะ ให้นั่งในท่า ขัดสมาธิหรือพับเพียบ หรือจะนั่งเก้าอี้ก็ได้ เปิดตา ทอดสายตา ไปข้างหน้าพอประมาณสักหนึ่งเมตร มือวางคว่ำไว้บนเข่า เริ่มต้น ด้วยการพลิกสันมือตั้งขึ้นบนเข่าขวา และยกขึ้น เอามือมาวางไว้ ที่ท้อง พลิกมือซ้ายตั้งขึ้นบนเข่า ยกขึ้นมาประกบกับมือขวา เลื่อนมือขวามาที่หน้าอก ผายออก วางลงบนเข่า แล้วคว่ำมือลง เลื่อนมือซ้ายมาที่หน้าอก ผายออก วางลงบนเข่า แล้วคว่ำมือลง ระหว่างที่ทำ เราไม่ต้องพากย์ในใจว่ายกมือ วางมือ เรา เพียงแค่รู้สึกตัว รู้สึกเวลามือเคลื่อนไหว รู้สึกเบา ๆ […]
ก่อนมาเป็น หลวงพ่อเทียน โดย พระไพศาล วิสาโล
หลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ ซึ่งได้รับการยกย่องจากนายแพทย์ประเวศ วะสี ว่าเป็นปรมาจารย์แห่งการเจริญสตินั้น ชื่อเดิมของท่านคือพันธ์ อินทผิว ส่วน “เทียน” นั้นเป็นชื่อบุตรชายของท่าน ธรรมเนียมของเชียงคานบ้านเกิดของท่านนิยมเรียกผู้ใหญ่ตามชื่อของลูกคนหัวปี (หรือคนโตที่ยังมีชีวิตอยู่) ใครต่อใครจึงรู้จักท่านในนามของ “หลวงพ่อเทียน” พันธ์ อินทผิว เป็นคนที่ใฝ่ในการทำบุญตั้งแต่เล็ก เมื่อโตขึ้นได้รับเลือกเป็นผู้ใหญ่บ้าน ก็เป็นผู้นำชาวบ้านในการทำบุญเสมอมา นอกจากนั้นความที่ท่านเป็นพ่อค้า มีเรือค้าขายขึ้นล่องตามลำน้ำโขงไปจนถึงเมืองลาว ประสบความสำเร็จพอสมควร จึงเป็นที่เคารพนับถือของชาวบ้านมาก เมื่ออายุราว 40 ปีได้เกิดจุดเปลี่ยนในชีวิตที่ทำให้ท่านหันมาสนใจปฏิบัติกรรมฐานอย่างจริงจัง ครั้งนั้นท่านเป็นเจ้าภาพทอดกฐินที่เมืองลาว ในงานมีมหรสพต่าง ๆ มากมาย เช่น หมอลำ ภาพยนตร์ ท่านได้ตกลงกับภรรยาว่า การใช้จ่ายต่าง ๆ ตลอดจนการจัดอาหารเลี้ยงแขก ยกให้เป็นหน้าที่ของภรรยา ส่วนตัวท่านเองจะรับอุโบสถศีลและรับแขกทางไกล ครั้งถึงเวลาเช้าภรรยาของท่านมาถามว่าจะต้องจ่ายค่าหมอลำเป็นจำนวนเท่าใด ท่านรู้สึกโกรธมาก ท่านเล่าความรู้สึกตอนนั้นว่า “มันหนักจนลุกแทบไม่ได้ มันตำเข้าในใจ” แต่ท่านก็ข่มอารมณ์ไว้ และตอบด้วยสีหน้าปกติว่าเป็นหน้าที่ของภรรยาท่าน อย่างไรก็ตาม ความโกรธนั้นยังคงคุกรุ่นในจิตใจของท่าน เมื่อเสร็จงานกฐิน ระหว่างรับประทานอาหารมื้อเย็นกับภรรยา ท่านเปรยถึงเรื่องที่เกิดขึ้นตอนเช้าว่า “คนไม่รู้จักเคารพนับถือก็อย่างนี้แหละ” ท่านกล่าวซ้ำหลายหนจนภรรยาเอะใจ เมื่อสอบถามจนรู้ว่าสาเหตุเกิดจากอะไร ภรรยาท่านก็พูดขึ้นว่า […]