หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี (พระราชนิโรธรังสีคัมภีรปัญญาวิศิษฏ์) กำเนิดเมื่อวันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2445 (ปีขาล) ในครอบครัวชาวนา เป็นบุตรของนายอุส่าห์ นางครั่ง บ้านนาสีดา ตำบลกลางใหญ่ อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี เมื่ออายุ 18 ปี มีโอกาสติดตาม พระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม ออกธุดงค์ และบรรพชาเป็นสามเณร ที่วัดบ้านเค็งใหญ่ โดยมีพระอาจารย์ลุย เป็นอุปัชฌาย์ ต่อมาไป ศึกษาธรรมที่วัดสุทัศนาราม เมืองอุบล และเรียนหนังสือที่วัดศรีทอง จนกระทั่งวันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2466 ได้อุปสมบท ณ พัทสีมาวัดสุทัศนาราม โดยมีพระมหารัฐเป็นพระอุปัชฌาย์ พระมหาปิ่น ปัญญาพโล เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ต่อมาได้ออกธุดงคไปกับพระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม ได้มีโอกาสวาสนากราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ที่บ้านค้อ อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี ทำให้มีกำลังจิต กำลังใจในการปฏิบัติธรรมบำเพ็ญความเพียรอย่างยิ่ง
ความตาย และ ผี ไม่ได้เป็นสิ่งที่น่ากลัวอย่างที่คิด โดย หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
ความตาย และ ผี ไม่ได้เป็นสิ่งที่น่ากลัวอย่างที่คิด โดย หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี ความตาย เป็นปรากฏการณ์ซึ่งไม่ค่อยจะมีเสมอนัก ฉะนั้น เมื่อความตายมาปรากฏเฉพาะหน้า ไม่ว่าจะเป็นคนสนิทใกล้ชิดหรือห่างไกลเราก็ตาม จึงเป็นเหมือนธรรมเทศนา อัปปมาทธรรมของเทวทูตกัณฑ์หนึ่งก็ว่าได้ เป็นของไม่น่าเกลียดและน่ากลัวเลย คนที่เกลียดและกลัวคนที่ตายไปแล้ว ตนสะอาดสวยงามเป็นของน่ารักน่าใคร่ คนอื่นเห็นเขาแล้ว เขาจะยินดีพอใจ คนที่ตายไปแล้วเท่านั้น เป็นผีที่น่าเกลียด แต่หาได้รู้ว่าตัวของเราก็เป็นผีสดศพหนึ่งดี ๆ นี่เอง นอกจากจะเป็นผีสดแล้ว ยังเป็นป่าช้าที่ฝังผีของสัตว์ต่าง ๆ มีหมู วัว เป็ด ไก่ เป็นต้น ซึ่งเราขนมาฝังอยู่ทุก ๆ วัน คนที่ตายแล้ว เขาไม่ได้เป็นป่าช้าของสัตว์อื่นอีกต่อไปแล้ว ส่วนคนที่กลัวก็วาดภาพมาหลอกตัวเองว่า คนที่ตายไปนั้นจะต้องมีหน้าตาบิดเบ้บู้บี้ อย่างนั้นอย่างนี้ ซึ่งวาดไปแต่ทางที่ไม่น่าดูน่าแล ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่น่ากลัวน่าเกลียดทั้งนั้น แต่ซากของผู้ตายเองก็หาได้รู้ด้วยไม่ เป็นภาพของผู้กลัวคิดภาพเอาเอง แล้วก็กลับไปเอง จะเรียกว่าผีหลอกให้คนกลัวได้อย่างไร ควรเรียกว่าคนกลัวนั่นเองหลอกตนเอง แล้วไปใส่ร้ายผีต่างหาก คนผู้พิจารณาไม่เป็นย่อมไม่เห็นธรรม จึงเป็นของยากที่จะให้เห็นจริงได้ ธรรมดามนุษย์ทั้งหลายที่เกิดมาเบื้องต้นแล้วต้องตายด้วยกันทั้งหมดเป็นที่สุด […]
หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี ตอบปัญหาเรื่องกรรม
หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี ตอบปัญหาเรื่องกรรม หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี ได้เคยตอบปัญหาเรื่องกรรมไว้ดังนี้ ถาม : คนเราทำกรรมไปเก็บไว้ ณ ที่ใด เช่น คนที่เคยทำการภาวนาไว้แต่ชาติก่อน ๆ เกิดมาในชาตินี้ทำไมจึงไม่ทำภาวนาต่อเลย ทำไมจึงต้องมาฝึกอบรมกันใหม่ ผู้ที่ได้โสดาบันบุคคลแล้ว เมื่อกลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีก ทำไมจึงมาเป็นปุถุชนธรรมดา ๆ ตอบ : คนเราเกิดมาเมื่อมีชีวิตอยู่ก็ย่อมทำกรรมด้วยทวารทั้งสามร่วมกัน เวลาตายแล้วยังแต่มโนกรรมอย่างเดียว กรรมอันใดที่พร้อมกันทำด้วยทวารทั้งสามเมื่อยังมีชีวิตอยู่ก็มารวมอยู่ที่มโนกรรมแต่ผู้เดียว (ใจเป็นผู้เก็บกรรม) เมื่อใจผู้นี้ยังมีภพชาติอยู่ ไปเกิดในที่ใด กายเขาเป็นอย่างไรมีอย่างไรก็ต้องเป็นอย่างนั้น เขาจะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ ถ้าเป็นอย่างอื่นไป เขาก็เรียกว่าวิการ ที่ถามว่าทำไมจึงต้องมาฝึกอบรมกรรมฐานกันใหม่ ทำไมจึงไม่ฝึกอบรมกรรมเก่าต่อเลย วิสัชนาว่า เพราะกายกรรม วจีกรรมมันขาดตอนกันแล้วในเวลาตาย เมื่อมาเกิดใหม่จึงต้องมาตั้งต้นใหม่ แต่มีดีที่ใจเป็นผู้รับมอบกรรมเก่านำมาเกิด ถึงแม้แจะแสดงกรรมเก่าออกมาให้ปรากฏไม่ได้ แต่เมื่อได้มาอบรมฝึกฝนกันวาจาที่เป็นแนวของกรรมเก่าแล้ว ย่อมเป็นไปได้เร็วกว่า ง่ายกว่า เหมือนนักดนตรี ถึงแม้เขาจะเปลี่ยนอาชีพเดิมไปหาอาชีพอื่น จะด้วยเหตุใด ๆ ก็ตาม หากเขาได้ฟังดนตรีหรือเพลง ๆ นั้นเข้าแล้ว เขาย่อมระลึกได้และรู้ได้ชัดว่า เพลงนั้น ๆ ดนตรีนั้น […]