คนโง่ชอบ ปะทะ บทความโดย พระราชญาณกวี (ท่านปิยโสภณ)

คนโง่ชอบ ปะทะ บทความโดย พระราชญาณกวี (ท่านปิยโสภณ) รถมีพวงมาลัยไว้ให้คนขับหักหลบหลุม หมุนล้อรถให้เลี้ยวไปตามโค้งที่คดงอ มีเบรกไว้ให้เหยียบชะลอหยุดรถเมื่อคราวจะเฉี่ยวชนหรือ ปะทะ ธรรมชาติชีวิตมักเต็มไปด้วยสิ่งขวางกั้นและอันตรายที่อาจเกิดโดยไม่คาดคิด ไม่ว่าภัยนั้นจะเกิดจากคนอื่นหรือจากเราเอง การปะทะกันเป็นภัยร้ายอย่างหนึ่ง แม้แต่ละคนจะมีเหตุผลของตน แต่ก็หนีไม่พ้นความหายนะ เหมือนรถวิ่งชนกัน แม้จะอ้างกฎกติกาว่าตนถูก หากมองเห็นซากปรักหักพังรออยู่ข้างหน้า เราจะเสี่ยงปะทะไปทำไม คนโง่มักใช้อารมณ์มากกว่าสติปัญญา คนโง่มักใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล คนโง่มักใช้คนประจบสอพลอทำงานแทน คนโง่มักรอคอยข้อมูลเท็จจากคนประจบ การอยู่ร่วมกัน ต้องอาศัยหลักการง่าย ๆ คือ ความยืดหยุ่นอุ่นใจให้เกิดมิตรภาพ เพราะเมื่อเป็นมิตรกันภัยอันตรายก็จะน้อยลง การอยู่ร่วมกัน ให้เกรงใจกันมากกว่าหาทางหักหาญน้ำใจ อย่าคิดว่าคนใกล้เป็นของตาย จะพูดอะไรก็ได้ เขาต้องเชื่อ ต้องทำตามทุกอย่างอยู่แล้ว เพราะเราเหนือเขาทุกประตู การอยู่ร่วมกัน ให้แบกรับภาระหน้าที่ร่วมกัน บางคนหน้าที่ตนก็ไม่ทำ หน้าที่ส่วนรวมก็ทอดทิ้ง ปล่อยให้คนอื่นทำงานหนัก ตนได้หน้า คนอื่นได้ภาระ การอยู่ร่วมกัน มิใช่เราอยู่คนเดียว พึงสำนึกว่าที่นี่มิใช่มีเราอยู่คนเดียว พึงใส่ใจต่อกันและกันให้มาก บ้านจะเป็นวิมาน สถานที่จะเป็นสรวงสวรรค์ได้ก็เพราะเราทุกคนไม่ปะทะกัน   ที่มา : นิตยสาร Secret  ฉบับที่ 232 […]

เราคือ ความหวัง ของใคร โดย พระราชญาณกวี (ท่านปิยโสภณ)

เราคือ ความหวัง ของใคร โดย พระราชญาณกวี (ท่านปิยโสภณ) คนทุกคนมี ความหวัง และเป็นที่คาดหวังของใครบางคนเสมอ บางครั้งเราเองอาจคาดไม่ถึงว่าเรามีความหมายเพียงไรกับใครบางคน นับตั้งแต่ครอบครัว พ่อแม่ ญาติมิตร บริวาร องค์กร และประเทศชาติ กว้างออกไปคือชาวโลก เราอาจไม่คิด แต่คนอื่นเขาคิดว่าเราสำคัญมาก แรงกดดันที่มีต่อคนสำคัญนี้จะเป็นทั้งแรงบวกมหันต์ และแรงกดดันรุนแรงที่ทำให้คนคนนั้นเครียดได้ เช่น นักกีฬาที่แข่งในนามประเทศ ทุกคนคาดหวังว่าต้องชนะ ต้องได้เหรียญทอง หากไม่ได้ย่อมสร้างแรงกดดันรุนแรงต่อตัวนักกีฬา อาจดูเหมือนเป็นกำลังใจในบางอารมณ์ แต่ถ้าทำให้ผิดหวัง แรงโกรธจะปะทุขึ้นมาทันที และอาจกลายเป็นความเกลียดชังได้ในพริบตา ความหวังเป็นพลังเงียบที่น่ากลัวทั้งบวกและลบ ลูกเศรษฐีมักเครียด เพราะเป็นความหวังของพ่อแม่ที่ฝากให้ลูกดูแลมรดกทรัพย์สินมหาศาล ลูกต้องเก่งกว่าพ่อแม่หาไม่ก็ไม่อาจธำรงรักษาทรัพย์สมบัติเอาไว้ได้ สิ่งที่หนักที่สุดมิใช่ภูผา แต่คือความหวัง เราพลาดไม่เป็นไร ถ้าไม่มีใครหวังอะไร แต่ถ้ามีคนจำนวนมากมายมหาศาลคอยเป็นกำลังใจช่วยให้เราก้าวไปถึงเส้นชัยปลายทางนั้น แรงกดดันจะตกมาที่ตัวเราเต็ม ๆ พ่อแม่บางคนอยากให้ลูกเรียนหมอ แต่ลูกไม่ชอบ เพราะเห็นชีวิตพ่อแม่ที่เป็นหมอแล้วเครียดแทน จึงฝังใจว่าตนไม่ขอเรียนหมอเด็ดขาด แต่บางครั้งลูกก็หนีไม่รอด ต้องสนองตอบความหวังของพ่อแม่ ต้องทำให้ท่านทั้งสองสมหวัง ไม่อยากทำลายความหวังดีที่ท่านมีต่อตนเอง สุดท้ายก็กลายเป็นความเครียดจนเกิดเหตุร้ายก็มีให้เห็น ท่านผู้อ่านคงพอจะมีเวลานั่งสำรวจตนเองว่า ขณะนี้เรามีความหวังอะไรในชีวิต หวังอะไรไว้มากน้อยแค่ไหน และมีใครตั้งความหวังไว้กับเราบ้าง เมื่อเป้าหมายชีวิตแน่นอนแล้ว […]

หายใจ ให้เป็นบุญ บทความโดย พระราชญาณกวี (ท่านปิยโสภณ)

หายใจ ให้เป็นบุญ บทความโดย พระราชญาณกวี (ท่านปิยโสภณ) ชีวิต เริ่มต้นที่ลม หายใจ หยุด หายใจ ก็หยุดมีชีวิต ความสำคัญของชีวิตมิใช่จุดเริ่มต้นหรือจุดจบ หากแต่อยู่ที่ช่วงระหว่างมีชีวิต บางคนอยู่ได้ยาว แต่บางคนอยู่ได้สั้น บางคนทำยาวให้สั้น คือไม่รู้คุณค่าชีวิต ทำเวลาให้สูญเปล่า บางคนทำสั้นให้ยาว คือเร่งทำคุณงามความดีให้ชีวิตมีคุณค่า ชีวิตสั้น แต่คุณค่าของชีวิตยาว คำถามสำคัญคือ เราจะทำอย่างไรให้ชีวิตมีคุณค่า ก็ต้องถามกลับไปว่า ต้องการคุณค่าในด้านไหน • มีทรัพย์สินเงินทองมาก ๆ • มีรูปร่างหน้าตาสวยงาม แข็งแรง • มีมิตรภาพที่ดีต่อกัน มีเพื่อนดี • มีความมั่นคงในชีวิตบนโลกนี้ • มีอริยทรัพย์ คือสุขทางใจ ถ้าท่านมีพร้อมในสินทรัพย์ รูปร่าง สติปัญญา พอทำมาหาเลี้ยงชีพได้แล้ว สิ่งต่อไปที่ท่านต้องการคือ ความสุขในชีวิต ความเบาใจ สบายใจ สงบใจ ความปลาบปลื้มปีติ ความไม่เหงา ไม่ว้าเหว่ว่าถูกทอดทิ้งยามชรา รู้สึกว่าหมดคุณค่าในยามแก่เฒ่า ข้าพเจ้าขอเชิญชวนท่านมาหายใจให้เป็นบุญ ตราบใดที่ท่านยังมีลมหายใจ […]

ธรรมชาติ คือธรรม บทความโดย พระราชญาณกวี (ท่านปิยโสภณ)

ธรรมชาติ คือธรรม บทความโดย พระราชญาณกวี (ท่านปิยโสภณ) ธรรมชาติคือบ่อเกิดของธรรมะ ธรรมชาติคือความจริงอันบริสุทธิ์ ธรรมชาติคือความสมดุลของสรรพสิ่ง ธรรมชาติคือต้นกำเนิดของชีวิต การเรียนรู้เรื่องธรรมชาติ คือ การเรียนรู้ธรรมะ ความบริสุทธิ์ ความสมดุล และตัวชีวิตที่แท้จริง ชีวิตคือศาสนา เพราะทุกชีวิตมีคำสอนในตัวเสมอ การเข้าใจชีวิตก็คือเข้าใจศาสนา เพราะศาสนาแปลว่าคำสอนว่าด้วยเรื่องชีวิต ผู้ใดต้องการศึกษาธรรมะ ขอให้ศึกษาธรรมชาติ ผู้ใดอยากบรรลุธรรม ขอให้เข้าถึงธรรมชาติของธรรมชาติทั้งปวง ผู้ใดอยากพ้นทุกข์ ขอให้ปรับชีวิตและธรรมชาติให้สมดุล การเรียนรู้ธรรมะ หากศึกษาจากธรรมชาติจะมีความง่ายและงามควบคู่กันไป การเรียนที่ทอดทิ้งธรรมชาติ คือการบังคับเรียนด้วยเหตุนี้ธรรมะจึงยากและน่าเบื่อหน่ายสำหรับมนุษย์บางจำพวก เมื่อมนุษย์หมดความสามารถในการบอกความจริง ก็จงนำ “ธรรมชาติ” ออกมา ให้ธรรมชาติแสดงธรรมแก่โลกให้มาก เมื่อธรรมชาติเริ่มทำงาน จะทำให้การศึกษาธรรมะเป็นของง่ายและงามตามธรรมชาติ โลกนี้เป็นของธรรมชาติอยู่แล้ว ก็ควรที่ธรรมชาติจะได้ปกป้องคุ้มครองด้วยตัวเอง เพราะโลกมนุษย์ละเมิดธรรมชาติ พยายามปรับธรรมชาติให้เข้ากับตัวเอง พวกเขาจึงเป็นมนุษย์ที่หาความสุขได้ยากที่สุด ตรงกันข้าม มนุษย์ใดที่พยายามปรับตัวให้สมดุลกับธรรมชาติ เขาจะมีแต่ความสุขและความสงบเย็น ผู้เข้าถึงธรรมชาติของสรรพสิ่ง ย่อมเข้าถึงธรรม ตรงนี้เองที่เรียกว่า “ผู้บรรลุธรรม”   ที่มา : นิตยสาร Secret  ฉบับที่ 231 […]

การพลัดพราก ความกังวลใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรัก

การพลัดพราก ความกังวลใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรัก การพลัดพราก ทุกข์ของมนุษย์ส่วนใหญ่อยู่ที่ความกังวลใจ กังวลใจเรื่องอะไรก็เป็นทุกข์ในเรื่องนั้น แม้แต่เรื่องความรักซึ่งเป็นสิ่งประเสริฐสุดที่มนุษย์ต้องการ ตะเกียกตะกาย แสวงหาให้สมปรารถนามากที่สุด แต่เวลากังวลใจในรักก็มักจมอยู่ในรักนั้นอย่างลุ่มหลงมากที่สุด จนหาทางออกไม่พบ ปราชญ์ท่านจึงบอกว่า รักมากดูเหมือนสุขมาก ความจริงรักมากคือทุกข์มากนั่นเอง อารมณ์รักเป็นอารมณ์ที่ไม่เป็นจริง เป็นอารมณ์ปรุงแต่ง แม้แต่คำพูดหรือกวีที่เขียนพรรณนาความรักด้วยบทเพลงหรือกลอน ล้วนแต่เป็นเรื่องเกินจริงทั้งสิ้น ผู้ไม่ได้ใช้ชีวิตตามความเป็นจริง แต่ใช้อย่างละเมอเพ้อฝัน เขาจะประทับใจในช่วงเวลานั้น แม้จะเป็นเวลาสั้น ๆ แต่ในชีวิตจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่ หนุ่มสาวที่มีความรัก จึงมักเพ้อฝันเกินจริง แต่พอได้อยู่ร่วมชีวิตกันจริง ๆ เห็นสภาพที่แท้จริงของชีวิตแล้ว ความกังวลใจย่อมเกิดขึ้น ข้าพเจ้ากำลังบอกท่านผู้อ่านว่า ความกังวลใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรักก็คือการพลัดพราก เพราะไม่มีอะไรจะทำให้เราโศกเศร้าเสียใจได้เท่ากับการพลัดพรากจากคนรัก คนที่เราผูกพันมายาวนาน ฉะนั้น เวลามีรักท่านจึงสอนให้ทำใจไว้ด้วย เพราะวันหนึ่งจะต้องมีการพลัดพรากจากกัน ข้าพเจ้ามีประสบการณ์ มิใช่คนรัก แต่เป็นของรัก ข้าพเจ้าชอบสะสมปากการาคาแพงยี่ห้อดัง มีความสุขมากเมื่อได้เห็น ได้หยิบ ได้ใช้ แต่ก็ชั่วขณะเดียวเท่านั้น แค่รู้สึกดีใจว่ามีเท่านั้นเอง วันหนึ่งปากกาทั้งหมดเกือบ 100 ด้ามหายไป เพราะถูกขโมย ปรากฏว่ามีบรรยากาศหนึ่งเกิดขึ้นในชีวิตคือ เสียใจแวบหนึ่ง แต่ทันใดนั้นก็รู้สึกโปร่ง โล่ง เบาสบายอย่างบอกไม่ถูก คิดว่าหายไปเสียได้ก็ดีเหมือนกัน คนอื่นจะได้ใช้ประโยชน์ อยู่กับเรามาตั้งนานก็ไม่ค่อยมีประโยชน์อะไร เขียนก็ไม่ได้เขียน ใช้ก็ไม่ได้ใช้ ยังต้องดูแลรักษาอีก เขาเอาไป ก็อาจใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้ ขายก็ได้เงิน เขียนก็ได้สาระ คิดอย่างนี้ก็เลยหายกังวลใจ    ตั้งแต่นั้นมา เมื่อเวลาเกิดรักอะไร ก็นึกถึงการพลัดพรากเอาไว้ก่อนเสมอ เพื่อไม่ให้เกิดความกังวลใจ เรื่อง: พระราชญาณกวี (ท่านปิยโสภณ)   สามารถส่งปัญหาธรรม และเรื่องดีสร้างแรงบันดาลใจมาได้ที่ >>> Secret Magazine (Thailand) บทความน่าสนใจ ภพชาติและการพลัดพราก | เรื่องมหัศจรรย์และสิ่งลี้ลับ Dhamma Daily: เพราะเหตุใดคนเราจึงมัก กังวลเรื่องความตาย อยู่ตลอดเวลา Q: ทำอย่างไรไม่ให้คิดกังวลและกลัวความตาย บททดสอบ จากเทวดา ป๋อ ณัฐวุฒิ สกิดใจ ชีวิตนี้ผมไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว

กังวลใจเรื่องใดก็เป็นทุกข์ในเรื่องนั้น ความกังวลใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคืออะไร

กังวลใจ เรื่องใดก็เป็นทุกข์ในเรื่องนั้น ความกังวลใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคืออะไร พระราชญาณกวี (ท่านปิยโสภณ) กล่าวว่า ทุกข์ของมนุษย์ส่วนใหญ่อยู่ที่ ความกังวลใจ กังวลใจ เรื่องอะไรก็เป็นทุกข์ในเรื่องนั้น แม้แต่เรื่องความรักซึ่งเป็นสิ่งประเสริฐสุดที่มนุษย์ต้องการ ตะเกียกตะกาย แสวงหาให้สมปรารถนามากที่สุด แต่เวลากังวลใจในรักก็มักจมอยู่ในรักนั้นอย่างลุ่มหลงมากที่สุด จนหาทางออกไม่พบ ปราชญ์ท่านจึงบอกว่า รักมากดูเหมือนสุขมาก ความจริงรักมากคือทุกข์มากนั่นเอง อารมณ์รักเป็นอารมณ์ที่ไม่เป็นจริง เป็นอารมณ์ปรุงแต่ง แม้แต่คำพูดหรือกวีที่เขียนพรรณนาความรักด้วยบทเพลงหรือกลอน ล้วนแต่เป็นเรื่องเกินจริงทั้งสิ้น ผู้ไม่ได้ใช้ชีวิตตามความเป็นจริง แต่ใช้อย่างละเมอเพ้อฝัน เขาจะประทับใจในช่วงเวลานั้น แม้จะเป็นเวลาสั้น ๆ แต่ในชีวิตจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่ หนุ่มสาวที่มีความรัก จึงมักเพ้อฝันเกินจริง แต่พอได้อยู่ร่วมชีวิตกันจริง ๆ เห็นสภาพที่แท้จริงของชีวิตแล้ว ความกังวลใจย่อมเกิดขึ้น ข้าพเจ้ากำลังบอกท่านผู้อ่านว่า ความกังวลใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรักก็คือการพลัดพราก เพราะไม่มีอะไรจะทำให้เราโศกเศร้าเสียใจได้เท่ากับการพลัดพรากจากคนรัก คนที่เราผูกพันมายาวนาน ฉะนั้น เวลามีรักท่านจึงสอนให้ทำใจไว้ด้วย เพราะวันหนึ่งจะต้องมีการพลัดพรากจากกัน ข้าพเจ้ามีประสบการณ์ มิใช่คนรัก แต่เป็นของรัก ข้าพเจ้าชอบสะสมปากการาคาแพงยี่ห้อดัง มีความสุขมากเมื่อได้เห็น ได้หยิบ ได้ใช้ แต่ก็ชั่วขณะเดียวเท่านั้น แค่รู้สึกดีใจว่ามีเท่านั้นเอง วันหนึ่งปากกาทั้งหมดเกือบ 100 ด้ามหายไป เพราะถูกขโมย ปรากฏว่ามีบรรยากาศหนึ่งเกิดขึ้นในชีวิตคือ เสียใจแวบหนึ่ง แต่ทันใดนั้นก็รู้สึกโปร่ง โล่ง เบาสบายอย่างบอกไม่ถูก คิดว่าหายไปเสียได้ก็ดีเหมือนกัน คนอื่นจะได้ใช้ประโยชน์ อยู่กับเรามาตั้งนานก็ไม่ค่อยมีประโยชน์อะไร เขียนก็ไม่ได้เขียน ใช้ก็ไม่ได้ใช้ ยังต้องดูแลรักษาอีก เขาเอาไป ก็อาจใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้ ขายก็ได้เงิน เขียนก็ได้สาระ คิดอย่างนี้ก็เลยหายกังวลใจ    ตั้งแต่นั้นมา เมื่อเวลาเกิดรักอะไร ก็นึกถึงการพลัดพรากเอาไว้ก่อนเสมอ เพื่อไม่ให้เกิดความกังวลใจ ที่มา : นิตยสารซีเคร็ต ภาพ : www.pexels.com บทความน่าสนใจ กินโพรไบโอติก แก้กังวลใจ Dhamma Daily: เพราะเหตุใดคนเราจึงมัก กังวลเรื่องความตาย อยู่ตลอดเวลา สารพัดสมุนไพรคลาย วิตกกังวล การพลัดพราก ความกังวลใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรัก วิธีเช็ค โรคผื่นผิวหนังอักเสบ เสี่ยงมะเร็ง

ทำงาน เป็นหน้าที่ ส่วนความดีให้คนชม บทความให้ข้อคิดจากท่านปิยโสภณ

 ทำงาน เป็นหน้าที่ ส่วนความดี ให้คนชม คนที่มักพูดว่า ตนดีอย่างไร ทำอะไรบ้าง เหนื่อยเหลือเกิน ต้องแบกรับภาระหนัก ทำงาน ตัวเป็นเกลียว เจอใครก็พูด พบใครก็บอก ส่วนใหญ่มักเป็นผู้เรียกร้องความสนใจ แฝงไว้ด้วยผลประโยชน์ก็มาก ข้าพเจ้าเห็นว่า การทำงานเป็นหน้าที่ ส่วนความดีของเรา ให้คนอื่นเขาป่าวประกาศจะดีกว่า การคุยโอ้อวด หรือแม้เป็นความจริง ว่าเราดีกว่าใคร เป็นเรื่องน่าละอาย ผู้ดีมักไม่ยกยอตนเอง บางคนขณะยกย่องตนเอง ก็ด่าว่าทับถมคนอื่นจนเสียหาย ทำให้ถูกมองไปว่า ตนเองสูงขึ้นมาได้เพราะเหยียบไหล่คนอื่นไป การที่สังคมไทยของเรา ต่างฝ่ายต่างก็อวดดีใส่กัน มิได้ตั้งใจทำดีให้ความดีปรากฏอย่างจริงใจ จึงมักมีภาพโฆษณาประชาสัมพันธ์ความดีของตนในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ใช้สื่อโฆษณา ตีพิมพ์ แทนที่งานจะเด่น กลับกลายเป็นคนเด่นกว่างาน ข้าพเจ้าตั้งข้อสังเกตให้ท่านผู้อ่านทราบว่า คนประเภทนี้ มักขึ้นต้นประโยคสนทนากับเราด้วยคำว่า ผม/ดิฉัน มิได้ขึ้นด้วยคำว่า พวกเรา ใครก็ตามชอบพูด ผม หรือ ดิฉัน คือผู้ทำ คนอื่นไม่เคยช่วย และตำหนิผู้อื่นไปด้วย คนนั้นจะขาดมิตร แทนที่เขาจะได้ใจคนฟัง กลับทำให้คนฟัง ต้องทนฟังเพราะเกรงใจ […]

ถึงเพื่อนที่ชื่อ ” ความโลภ ” – เพื่อนบ้านของจิตใจมนุษย์

เราอยากให้คุณอ่านบทความนี้ดูค่ะ แล้วพิจารณาดูว่า ตอนนี้คุณมีเพื่อนที่ชื่อ ” ความโลภ ” มาเยี่ยมแล้วหรือยัง ใจที่เป็นสุขทุกวันนี้ ก็เพราะมีอารมณ์ดีๆ

ก่อนตัดมิตร ลองคิดอภัย ข้อคิดดีๆ เรื่องมิตร จากพระราชญาณกวี

มิตรหรือศัตรู ต่อสู้กันเพียงความคิด ก่อนตัดมิตรใคร ลอง อภัย ดูก่อน ลองหลับตานึกดูว่า เราจะมีความสุขแค่ไหน เมื่อได้พูดถึงมิตรภาพ

พรสวรรค์ ธรรมะจากพระราชญาณกวี

ปัญหาทั้งปวงในชีวิตและสังคม ล้วนเกิดจากการทิ้งพรสวรรค์ คือไม่ภาคภูมิใจในชีวิต เพื่อนที่มีอยู่ สถานะทางสังคม จนก่อให้เกิดปัญหาทางอารมณ์ ไปเผาไหม้ใจของคนอื่น

เทคโนโลยีของจิต บทความให้แง่คิด จาก พระราชญาณกวี (ท่านปิยโสภณ)

ท่านผู้อ่านของข้าพเจ้าคงจะเดาไว้ล่วงหน้าแล้วว่า ข้าพเจ้าจะพูดเรื่องอะไร  บางท่านอาจคิดว่าเทคโนโลยีจะเกี่ยวข้องกับจิตได้อย่างไร เทคโนโลยีของจิต มีด้วยหรือ

สาเหตุที่ ” การตักบาตร ” ต่างจากการทำบุญวิธีอื่น

การตักบาตร เป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญมาก พระอาจารย์มองว่า วิถีชีวิตชาวพุทธที่เริ่มต้นวันใหม่ด้วยการให้เป็นวิถีชีวิตที่มีคุณค่ามาก เริ่มต้นชีวิตวันใหม่ด้วยการให้

ผู้หญิงกับการบรรลุธรรม

เกิดเป็นหญิง สามารถบรรลุธรรมได้ไหม วันนี้ พระราชญาณกวี (ท่านปิยโสภณ) มีคำตอบ

ศีลธรรมและกฎหมาย ธรรมะเตือนสติโดย ท่านปิยโสภณ (พระราชญาณกวี)

ศีลธรรมและกฎหมาย ธรรมะเตือนสติโดย ท่านปิยโสภณ (พระราชญาณกวี)  ศีลธรรมเกิดจากจิตสำนึกซึ่งปลูกฝังมายาวนาน ผ่านการอบรมของครอบครัว พ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย ผ่านวัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิตของชนชาตินั้น ๆ แต่กฎหมายเกิดจากการบัญญัติ ตั้งกติกาใหม่ให้สอดคล้องกับวัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต และศีลธรรมในสังคมนั้น ๆ ถ้าศีลธรรมนำกฎหมาย สังคมจะปลอดภัย แปลว่าศีลธรรมต้องส่งเสริมกฎหมาย และกฎหมายก็ต้องส่งเสริมศีลธรรม จะทำหน้าที่อย่างโดดเดี่ยวไม่ได้ ศีลธรรมบางอย่างไม่มีกฎหมายรับรอง ไม่มีการลงโทษ แต่สังคมลงโทษ ส่วนกฎหมายหากผิดแล้วมีบทลงโทษชัดเจน หนักเบาตามเหตุปัจจัย เราจะสร้างจิตสำนึกได้อย่างไร เพราะโลกทุกวันนี้ไม่มีขอบเขต ไม่มีพรมแดน เป็นโลกที่ให้สิทธิเสรีแก่มนุษย์อย่างไร้ขอบเขตในการใช้ความคิด การพูด และการกระทำ บางคนทำตามอำนาจกิเลสที่จี้บังคับให้ทำ บางคนก็ทำตามสติปัญญา อาจมีไม่น้อยที่บางครั้งเราอาจถูกกลั่นแกล้งจากคนอื่นโดยใช้ระบบเทคโนโลยีที่ทันสมัย เช่น การใส่ร้ายป้ายสีกันทางสื่ออินเทอร์เน็ตโดยไม่ทราบว่าใครทำ เทคโนโลยีเว็บไซต์ต่าง ๆ ที่ไม่เหมาะสมทำให้ระบบศีลธรรมเริ่มเสื่อมถอย ความลับไม่มีในโลก ความยุติธรรมไม่มีอยู่จริง มนุษย์เริ่มเห็นแก่ตัว กลัวคนอื่นจะดีกว่าตน ปราศจากระบบศีลธรรมที่เข้มแข็ง กฎหมายก็อ่อนกำลัง ทำอะไรไม่ได้ ฉะนั้น การจะให้โลกยุคใหม่มีความสงบสุขปลอดภัยเหมือนโลกยุคก่อนเริ่มจะยากขึ้นทุกวัน เพราะเราปิดกั้นเยาวชนคนรุ่นใหม่ไม่ได้ทั้งหมด ข้อมูลที่มนุษย์ต้องการถูกนำมาขายอย่างง่ายดายจนกลายเป็นสินค้าผสมยาพิษให้เยาวชนไปโดยไม่รู้ตัว โลกยุคหน้า ศาสนา ศีลธรรมจะเสื่อมถอยลง ยิ่งวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเจริญเท่าใด ศีลธรรมของมนุษย์ก็จะไร้พรมแดน กลายเป็นศีลธรรมสากล เรื่องเฉพาะกลุ่มหรือเผ่าพันธุ์จะสูญหายไปหากไม่ปลูกฝังกันให้ดี การศึกษาบางสำนักจึงไม่ยอมเปิดโลกให้กว้างเกินวัยของเยาวชน แต่ให้เรียนรู้ตามวัย ให้รู้เท่าที่เด็กจะรับได้ เพื่อให้เขาสามารถไตร่ตรอง สร้างสำนึกได้ด้วยตนเอง   ที่มา  นิตยสาร Secret Photo by CQF-Avocat from Pexels Secret Magazine (Thailand) บทความน่าสนใจ ปัญหาธรรมประจำวันนี้ : การพูดจาหรือแสดงท่าที ล้อเลียน บุคคลอื่นถือว่าผิดศีลธรรมหรือไม่ อุบะสุเทะ ภูเขาที่พ่อแม่ถูกทิ้ง

วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต – พระราชญาณกวี (ท่านปิยโสภณ) 

เรื่อง พระราชญาณกวี (ท่านปิยโสภณ)  วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต เป็นสัญลักษณ์สำคัญของชาติ ชาติใดไร้วัฒนธรรม ชาตินั้นก็ขาดความเป็นอารยชน ชนชาติไทยมาจากหลายเชื้อชาติ แต่ละเชื้อชาติก็มีวัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิตแตกต่างกัน สิ่งเหล่านี้บ่งบอกรากเหง้า  ที่มาของเชื้อชาติ มิใช่ข้อขัดแย้ง  แต่เป็นความงามความหลากหลายที่ลงตัว เป็นเสน่ห์ที่สำคัญอย่างหนึ่งของชาติไทยเรา คนไทยหลายคนมีเชื้อสายไทย ลาว เขมร มอญ จีนญวน พม่า ไทยใหญ่ แขก ฝรั่ง ญี่ปุ่น เมื่อเติบโตบนผืนแผ่นดินไทย ก็รักประเทศไทย เพราะผสมผสานความแตกต่างให้เป็นความงาม เพราะสังคมไทยมีความอ่อนโยน  ยืดหยุ่นเอื้อเฟื้อเกื้อกูลกัน ชื่นชม ส่งเสริม ให้เกียรติซึ่งกันและกันจึงเกิดเป็นชาติบ้านเมืองใหญ่โตมาได้ จะเห็นได้ว่า ต่างคนต่างก็รักและหวงแหนประเทศชาติบ้านเมืองของตน ข้าพเจ้าได้มีโอกาสเดินทางไปเยือนนานาอารยประเทศ ก็เห็นว่าเขาเปิดโอกาสให้คนมีเสรีภาพในการแสดงออกทางวัฒนธรรมอย่างเต็มที่ แต่ในเสรีภาพนั้นจำเป็นต้องมีกฎ กติกามารยาททางสังคม ไม่ก่อให้เกิดความขัดแย้งแบ่งแยก ประเทศไทยของเราช่วงหลังนี้มีปัญหาเรื่องการพยายามทำความแตกต่างให้กลายเป็นความแตกแยก เริ่มจากความแตกต่างในวิถีชีวิต ประเพณี วัฒนธรรม และความเชื่อ  ต่างฝ่ายต่างก็คิดว่าต้องเป็นอย่างนี้เท่านั้น เป็นอย่างอื่นไม่ได้  ขาดความยืดหยุ่น  ให้เกียรติกัน คิดแต่จะเอาเรื่องของตนให้ได้มากเข้าไว้  จึงทำให้ต่างฝ่ายต่างเห็นแก่ตัวจัด เพราะเข้าใจผิดคิดว่าเสรีภาพคือการทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ แท้จริงเสรีภาพต้องมีขอบเขต มีจิตสำนึก มีกาลเทศะมีความเหมาะสมว่าอะไรควรไม่ควร หากให้เสรีภาพแก่คนโดยไร้จิตสำนึก ไร้กติกาสากล ความโกลาหลก็จะเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อะไรคือจิตสำนึก กติกาสากล ความสงบสุขร่มเย็น ความไม่เห็นแก่ตัว ความไม่แบ่งแยกว่าเป็นพวก เป็นพรรค เป็นภาค เป็นเผ่าพันธุ์ เราเรียกรวม ๆ ว่า “ความเสมอภาคความเป็นธรรม” แปลว่า ต่างคนต่างก็ให้เกียรติซึ่งกันและกันจึงจะเกิดความสมัครสมานสามัคคี เกิดคุณงามความดีที่เรียกว่า “วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต” ผลที่ออกมาคือจิตสำนึกว่า ทุกคนเป็นคนไทย ที่เกิดมาได้ดีมีสุขเพราะมีแผ่นดินนี้เป็นที่อยู่อาศัย และสุดท้ายก็แก่ เจ็บ ตาย ฝังร่างลงบนแผ่นดินนี้ด้วยกัน   ที่มา  นิตยสาร Secret Image by Dean Moriarty from Pixabay Secret Magazine (Thailand) IG @Secretmagazine บทความน่าสนใจ “นิพพานที่ได้เห็น” ประสบการณ์ของผู้ปฏิบัติธรรมจากแดนไกล

จับเงา – พระราชญาณกวี (ท่านปิยโสภณ)

จับเงา – พระราชญาณกวี (ท่านปิยโสภณ) มนุษย์เกิดมาก็วิ่งหาสุข เขาวิ่งหาไม่สิ้นสุด หยุดไม่ได้บางคนก็สมหวัง บางคนก็ผิดหวัง มีไม่น้อยที่ร่ำรวยหรือล้มละลาย เป็นหนี้สินรุงรัง. เขาคิดว่า เมื่อมีสิ่งใดแล้วสิ่งนั้นจะนำสุขมาให้อย่างแน่นอน แต่ปรากฏว่า สิ่งที่มีหลายอย่างไม่ได้นำความสุขมาให้ แต่กลับนำความขัดแย้งความกังวลใจมาให้มากกว่า บางครั้งถึงกับคิดว่า ถ้าเราไม่มีสิ่งนี้ ปัญหาก็คงไม่เกิดมากมายเพียงนี้ อยากสลัดทิ้งแต่ก็สายเสียแล้ว เช่น การมีอำนาจ แล้วใช้อำนาจในทางผิด การมีทรัพย์ แต่ได้มาโดยทุจริต เป็นต้น. ท่านผู้อ่านของข้าพเจ้าคงคิดไม่ต่างกันว่า แท้จริงแล้วเราทั้งหลายต่างก็วิ่งจับเงากันทั้งนั้น ไม่มีสิ่งใดที่ได้มาแล้วเป็นของเราจริงๆ เพราะสิ่งที่เราได้มาเมื่อก่อนก็เป็นของคนอื่นเราซื้อมา เราขายไป จากที่เป็นของเรา เขาก็รับไปเป็นเจ้าของชีวิตและทรัพย์สินก็เช่นกัน เปลี่ยนมือ เปลี่ยนผ่านไปเรื่อยๆที่เราเรียกกันว่า สมบัติผลัดกันชม ชีวิตของเราถูกเปลี่ยนผ่านด้วยกาลเวลา กาลเวลาเป็นผู้ชื่นชมชีวิตและให้คุณค่าแก่ชีวิต บางคนกว่าจะรู้ว่าชีวิตมีค่าก็ต่อเมื่อสายเสียแล้วจะเริ่มต้นก็ยาก จะถอยหลังกลับก็สาย สิ่งที่มีอยู่ก็มาก แต่เอาไปไม่ได้ สิ่งทั้งปวงที่มนุษย์แสวงหามาปรนเปรอชีวิต ในที่สุดก็เป็นเงาที่เราไล่ตะครุบตลอดชีวิต ยกเว้นสิ่งที่เป็นความภาคภูมิใจ เกียรติยศของชีวิต ความดีงามและบุญกุศลที่ได้ทำแก่ตนและคนอื่นไว้ นี่คือความสุขใจ สิ่งเหล่านี้ต่างหากที่จะเป็นตัวประคองอารมณ์สุดท้ายก่อนสิ้นลมปราณ ใยเล่าพวกเราจึงมาแก่งแย่งแบ่งแยกกัน จนทำให้เกิดความสับสนวุ่นวาย ใยเล่าเราจึงมองไม่เห็นตัวตนที่แท้จริง ถ้าเราไม่ต้องการเงา เราต้องรีบสละตัวตน เพราะมีตัวจึงมีเงา ตัวใหญ่เงาก็ใหญ่ ไร้ตัวตน ก็ไร้เงา การจะมีชีวิตอยู่อย่างเป็นสุขหรืออยู่ร่วมกันในสังคมอย่างร่มเย็นได้ สิ่งสำคัญที่สุดคือ หยุดสร้างเงาหลอกหลอนตัวเองและพรรคพวก เพราะเงาไร้รูปร่างหน้าตา เงามีสีเดียวคือดำทะมึน เงาไม่บอกว่ารูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไรให้ชัดเจน เมื่อเราหลงเงา ก็เท่ากับหลงเข้าไปในกับดักอารมณ์หยุดสร้างเงา ใจเราก็จะสบาย.   Photo by Marco Bianchetti on Unsplash Secret Magazine (Thailand) บทความน่าสนใจ “ พุทธทาส จักไม่ตาย ” ตามรอยพระอรหันต์ พระธรรมโกศาจารย์ (เงื่อม อินฺทปญฺโญ) คำสอนเพื่อปล่อยวางความทุกข์จาก หลวงปู่แหวน สุจิณโณ อริยสงฆ์แห่งเมืองเชียงใหม่ ถึงเวลา… ก็ต้อง “ปล่อย” เรื่องจริงของคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวผู้ปล่อยวางความทุกข์ Dhamma Daily : อยากให้พ่อแม่ ปล่อยวาง และมีความสุขในชีวิตบั้นปลายควรทำอย่างไรดีคะ อานิสงส์ของการรักษาศีล โดย หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ปัญหาธรรมประจำวัน :แม่ฝักใฝ่แต่การพนัน ไม่ยอมทำบุญทำทาน ลูกควรทำอย่างไร

ตามล่าหาสุข – พระราชญาณกวี

เรื่อง พระราชญาณกวี (ท่านปิยโสภณ) ความสุขอยู่แค่เอื้อม แต่เหตุใดหนอมนุษย์จึงเอื้อมไม่ถึง ความสุขอยู่ใกล้ แต่ไยเล่าจึงหาไม่พบ  ความสุขอยู่ที่ไหน ทำไมหายากยิ่งนัก สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นคำถามคาใจของมวลมนุษย์ บางคนคิดว่าสุขอยู่ที่เงิน แต่มีเงินแล้วกลับไม่เห็นสุข บางคนคิดว่าสุขอยู่ที่ความรู้ แต่ยิ่งรู้กลับยิ่งทุกข์ เพราะรู้วิชาแสวงหาตามอำนาจกิเลสตัณหา บางคนคิดว่า ถ้าฉันร่ำรวย ฉันจะมีความสุข แต่พอร่ำรวยมั่งคั่ง กลับทุกข์หนักกว่าเดิม เป็นความทุกข์ที่เกิดจากการมีเกินพอดี พอจะมองเห็นสุขบ้างก็ตอนเป็นผู้ให้ มีคนไม่น้อยพยายามท่องเที่ยวไปทั่วโลกเพื่อแสวงหาสุข แต่สุดท้ายก็สุขได้ชั่วครั้งคราว หยุดชมก็หยุดสุข เริ่มทุกข์ใหม่เมื่อชีวิตกลับสู่วังวนเดิม การรู้วิธีเปลี่ยนแปลงวังวนชีวิตคือการเติมคุณค่าแท้ให้กับชีวิต ท่านผู้อ่านอาจแปลกใจ หากข้าพเจ้าจะบอกว่า สุขจริงไม่เคยวิ่งหนีเรา สุขจริงไม่เคยอยู่ไกลเกินเอื้อม แต่สุขจริงกำลังยืนยิ้ม นั่งยิ้ม และนอนยิ้มอยู่เคียงข้างเรา เหมือนเงาเคียงข้างตัว แม้ทุกข์จริงก็เช่นกัน เมื่อก่อนข้าพเจ้าเชื่อว่า ถ้ามีสิ่งนั้นสิ่งนี้ตามใจปรารถนา ชีวิตเราต้องมีความสุขแน่ๆ แต่สุดท้ายก็เป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงชั่วคราวเท่านั้น เพราะในที่สุดเราก็ต้องกลับมาสู่ชีวิตจริง คือการอยู่กับตัวเองให้ได้ ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ใด มั่งมีหรือยากจน เคล็ดลับในการบริหารสุขจึงอยู่ที่การบริหารใจให้สามารถอยู่กับใจตัวเองให้ได้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดต้องเปลี่ยนขั้วความคิดให้เป็นคุณต่อใจเสมอ ไม่ก่อทุกข์ให้เสียโอกาสทอง อะไรคือตัวเรา ก็ใจเรานี่เอง มีใครบ้างที่วิ่งหนีใจไปได้ แม้คนนอกใจก็ยังหนีใจตนไม่ได้ สุขก็อยู่ที่ใจ ทุกข์ก็อยู่ที่ใจ ใจเป็นเหมือนเหรียญสองด้าน เราพกพาใจไปทุกหนทุกแห่ง ไม่เคยทิ้งใจไปไหน ในเมื่อใจก็เป็นของเรา โอกาสก็เป็นของเรา ยกเว้นแต่ใครจะไปไขว่คว้าใจของคนอื่น ถ้าคว้าได้ อยู่ไกลก็เหมือนอยู่ใกล้ ถ้าคว้าพลาด แม้นอยู่ใกล้ก็เหมือนอยู่ไกล ถ้าพิจารณาให้เข้าใจเช่นนี้แล้ว ก็จะรู้ว่า การรู้จักเปลี่ยนวิธีคิดนี่เองคือจุดเริ่มต้นแห่งความสุขที่แท้จริง  เรามาเปลี่ยนแปลงตัวเองดีไหม ก่อนที่จะมีใครมาเปลี่ยนเรา (จากนครชิคาโก : วัดธัมมาราม, 9 มิถุนายน 2012)   หมายเหตุ : เดินทางมาแสดงปาฐกถาพุทธชยันตีและร่วมฉลอง 38 ปีวัดธัมมาราม ซึ่งเป็นวัดไทยแห่งแรกในแผ่นดินยุโรป - อเมริกาที่ได้รับพระราชทานผูกพัทธสีมา ดำเนินการสร้างโดยท่านเจ้าคุณ พระพรหมวชิรญาณ กรรมการมหาเถรสมาคม และเจ้าอาวาสวัดยานนาวา กรุงเทพฯ   Photo by Johannes Plenio from Pexels บทความน่าสนใจ ใช้ทุกข์ดับทุกข์ สัมผัสนิพพานสุข…ที่นี่และเดี๋ยวนี้ โดย พระอาจารย์มานพ อุปสโม

การให้สติเมื่อเพื่อนปรับทุกข์ – พระราชญาณกวี

การให้สติเมื่อเพื่อนปรับทุกข์ – พระราชญาณกวี  คนเรายิ่งปรับทุกข์ยิ่งเจอทุกข์ ยิ่งปรับทุกข์ยิ่งจมอยู่ในกองทุกข์ ถ้าเราไม่มีทางช่วยอะไรได้ ได้แต่เออออตาม “เออ…จริงของเธอนะ ฉันก็ว่าเธอถูก เธออย่ายอม ลุยเลย” อย่างนี้เท่ากับผลักดันให้เพื่อนลงนรก มีคนจำนวนไม่น้อยที่ใช้วิธีแก้ปัญหาโดยสร้างปัญหาใหม่ขึ้นมาอีก เพื่อนที่ให้สติหายาก การที่เพื่อนมาปรับทุกข์กับเรา เป็นเพราะเราไม่ขัดแย้งเขา เราสามารถให้สติโดยที่ไม่ขัดแย้งเขาได้ เช่น “เออ…ฉันเข้าใจความทุกข์ที่เธอมีนะ แต่ว่าเราจะจมทุกข์ไปทำไม ทางออกมีเยอะ ฉันว่าเราน่าจะหาวิธีคิดที่ทำให้มีความสุขดีกว่า อย่าปล่อยให้วันเวลาผ่านไปโดยจมอยู่กับ กองทุกข์นี้เลย เหมือนเรามองหน้าต่างบานนี้เห็นแต่กองขยะ บ้านเรามีหน้าต่างตั้งหลายบาน ถ้าเราทำลายขยะไม่ได้ เราก็ปิดหน้าต่างบานนี้เสีย ไปปลูกดอกไม้กลบมัน หรือไปเปิดหน้าต่างบานอื่น พอตื่นเช้าขึ้นมา เราก็จะสดชื่น” วิธีคิดอย่างนี้จึงจะเป็นการให้สติเพื่อน การให้สติเป็นสุดยอดของกัลยาณมิตร    Photo by Joshua Sazon on Unsplash

keyboard_arrow_up