ปัญหาความรัก
บทความเกี่ยวกับ ปัญหาความรัก ความขัดแย้งทางด้านความรัก ของการใช้ชีวิตคู่ รวมไปถึงวิธีการปรับตัวเข้าหากัน เพื่อไม่ให้ความสัมพันธ์สั่นคลอน
สาเหตุยอดฮิตที่ทำให้คู่รักต้องเลิกรา ตัดสินใจ “บอกลาความสัมพันธ์”
สาเหตุยอดฮิตที่ทำให้คู่รักต้องเลิกรา ตัดสินใจ “บอกลาความสัมพันธ์” มาดูกันว่าอะไรคือสาเหตุหลักของการตัดสินใจบอกลาความสัมพันธ์ หรืออะไรเป็นสาเหตุยอดฮิตของการเลิกกันมากที่สุด เพื่อที่จะได้เรียนรู้และเตรียมรับมือกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ให้เราสามารถประคับประคองความรักนั้นไว้ได้อย่างยาวนาน 1.ทำตัวเป็นวิญญาณตามติด เชื่อว่าผู้ชายหลายคนก็คงไม่ชอบนักหรอกที่แฟนสาวพยายามตามติดชีวิตของเขามากจนเกินไป ไม่ปล่อยให้เขาได้หายใจ หรือมีเวลาไปทำอย่างอื่น การทำแบบนี้สุดท้ายแล้วจะเปลี่ยนจากความรักกลายเป็นความอึดอัด และทำให้เขาเดินหนีไปในที่สุด 2.ชวนทะเลาะเก่ง การที่เราจะมีความรักทั้งทีมันก็ควรจะมีแต่เรื่องดี ๆ แม้ไม่เข้าใจกันตรงไหนก็ค่อย ๆ พูดคุยปรับความเข้าใจกัน ไม่ใช่เอะอะก็ชวนทะเลาะแม้เป็นเรื่องเล็กน้อยเรื่องนิด ๆ หน่อย ๆ ก็เอามาเป็นประเด็นจนทำให้ปวดหัว ทำให้อีกฝ่ายอยากหนีไปจากจุดนั้น การชวนทะเลาะจึงเป็นอีกสาเหตุหลักที่ทำให้คนเลิกกันเลยหละ 3.ไม่ให้เกียรติกัน ปัญหานี้มักจะเกิดกับคู่รักที่คบกันมาอย่างยาวนาน เพราะทั้งคู่จะมีความสนิทสนมใกล้ชิดจนไม่เกรงใจและไม่ให้เกียรติอีกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นการกระทำหรือคำพูดที่ทิ่มแทงจิตใจ หรืออะไรก็ตามที่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกด้อยค่าลง จนส่งผลต่อความสัมพันธ์ตามมาในที่สุด 4.เรื่องบนเตียง เรื่องบนเตียงกับชีวิตคู่ดูจะเป็นของคู่กัน ถ้าหากมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งรู้สึกไม่พอดีหรือไม่พอใจสุดท้ายก็จะเกิดความห่างเหิน จนกิจกรรมบนเตียงที่เคยทำร่วมกันก็อาจจะลดน้อยลง แม้ว่ารักกันแค่ไหนแต่ถ้าไม่สามารถตอบสนองความต้องการของอีกฝ่ายได้ สุดท้ายก็จะนำมาซึ่งปัญหาในข้อต่อไป 5.นอกใจ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ ทั้งเรื่องบนเตียงหรือนิสัยที่เข้ากันไม่ได้ ถ้าไม่บอกเลิกกันไปตรง ๆ สุดท้ายก็จะนำมาสู่ปัญหานี้ เพราะทั้งคู่ก็จะทนอยู่ด้วยกันต่อไปจนกระทั่งเจอคนใหม่ที่ดีกว่า จากนั้นก็พร้อมจะตีตัวออกห่างโดยอ้างเหตุผลสารพัด อ่านบทความอื่นเพิ่มเติม แฟนเปลี่ยนไป ไม่ซึ้งไม่หวานไม่เอาใจเหมือนตอนแรก ทำไงดี? 13 เรื่องง่ายๆ ที่ คู่รัก ควรทำให้กันในทุกๆ […]
อยากกลับไปคืนดีอีกครั้ง ควรทำอย่างไรดี
อยากกลับไปคืนดี อีกครั้ง ควรทำอย่างไรดี ถูกคนที่รักมากทิ้งไป แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ อยากกลับไปคืนดี กับเขา คนที่มีปัญหาความทุกข์ว่าทำอย่างไรก็ลืมเขาไม่ได้ ลองเริ่มจากการวิเคราะห์ภายในใจตนเองดูว่า ทำไมจึงถูกทิ้ง เขาพูดอะไรตอนที่จะทิ้งไป “เพราะรำคาญความเจ้ากี้เจ้าการน่ะสิ” “เซ้าซี้!” “ชอบคนอื่นแล้ว” “ตอนนี้ทำงานสำคัญมาก จึงอยากเว้นระยะระหว่างเรา” “งานอดิเรกไม่ตรงกัน” “ไม่สามารถคิดเรื่องแต่งงานได้” “ถ้าไม่แต่งหน้าก็กลายเป็นอีกคนเลย เหมือนถูกหลอก…” ลองคิดดูว่า ตนเองคิดอย่างไรกับเหตุผลที่ถูกเขารังเกียจเหล่านั้น และตนเองคิดอย่างไรกับผู้ชายที่พูดอย่างนั้น ขั้นตอนการคืนดีที่ 1 : ลองเขียนความรู้สึกที่แท้จริงที่มีต่อเขาออกมา ด้วยความที่จู่ ๆ ก็รู้สึกเหงาขึ้นมาและยังมีความอาลัยอาวรณ์อยู่ จากความยึดมั่นถือมั่นที่มีทั้งหมดจึงอาจทำให้ตอนกลางคืนอยากส่งอีเมลหรือโทรศัพท์หาเขา… แต่เดี๋ยวก่อน!! ลองเขียนความรู้สึกที่แท้จริงของตนเองออกมาดูว่า ก่อนหน้านี้เราคิดอย่างไรกับเรื่องของเขา ลองเขียนออกมาเยอะ ๆ ทั้งข้อดีและข้อเสียของเขา พอทำแล้ว บางคนอาจคิดว่า “คงจะไม่ชอบเขาแล้วอย่างสิ้นเชิง!” ไม่ชอบ เพราะเขาถูกคนอื่นเอาไปแล้ว หรือเพราะไม่สบายใจว่าเขาเปลี่ยนเป็นคนใหม่ได้แล้วหรือยัง หรือเพราะถ้าคนรอบข้างรู้ว่าเราถูกทิ้ง ตัวเองจะน่าสมเพชและไม่ชอบเขาเพราะความเห็นแก่ตัวและความยึดมั่นถือมั่นของตัวเอง จึงไม่อยากแยกทางกับเขา เป็นอย่างไรบ้างคะ เมื่อเรามีสติขึ้นเล็กน้อยและรู้ตัวว่า “อะไรเนี่ย ฉันคงจะไม่ได้ชอบเขาขนาดนั้นแล้วมั้ง” “มองเห็นจุดที่น่ารังเกียจมากขนาดนี้เลย” ก็จะเกิดช่องว่างที่เว้นไว้เพื่อตนเองขึ้นมา ขั้นตอนการคืนดีที่ […]
รักอย่างไรไม่ให้เป็นทุกข์ ธรรมะเติมใจจาก แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต
รักอย่างไร ไม่ให้เป็นทุกข์ ธรรมะเติมใจจาก แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต ไม่มีใครอยากทุกข์เพราะความรัก แต่จะทำอย่างไรไม่ให้ความรักเป็นทุกข์ รักอย่างไร ไม่ให้เป็นทุกข์ ต้องเป็นความรักแบบไหนกัน ธรรมะจากแม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุตอาจช่วยเติมเติมหัวใจของคุณได้ไม่มากก็น้อย ถ้าจะพูดเรื่องความรักก็ต้องเริ่มต้นจากรักตัวเองให้เป็น ไม่มีอะไรมีค่าเท่ากับชีวิต เมื่อคุณรู้ว่าชีวิตเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุด คุณก็ต้องรักสิ่งที่มีค่าที่สุด จะใช้ชีวิตอย่างไร อย่างรักตัวเอง ไม่เบียดเบียน ถ้าเราเริ่มต้นได้จากการรักตัวเอง อย่างเคารพสิ่งที่ดีที่สุด เราก็ไม่ใช้ชีวิตชุ่ย ไม่ใช้ชีวิตเป็นไปเพื่อเบียดเบียนตัวเอง ไม่เบียดเบียนคนอื่นซึ่งจริง ๆ แล้วเป็นความโก้ เป็นความรักที่โก้มาก ตลอด 2600 ปี เราก็ได้รับการเล่าขานกันมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล ว่าพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงมีความรักต่อครอบครัว แต่ไม่รักแค่เพียงเป็นพระมเหสี หรือเป็นพระราหุลคือลูกของพระองค์เท่านั้น หรือไม่รักพระเจ้าสุทโธทนะแค่เพียงเป็นพระบิดาของพระองค์เท่านั้น แต่พระองค์คิดว่าถ้าพระองค์จะรักได้มากกว่าที่รักครอบครัวตัวเองคือรักมนุษยชาติ หมายความว่า ถ้าเรารักสิ่งที่เรารัก เราต้องทำให้สังคมของคนที่รักปลอดภัย พระองค์จึงพัฒนาความรักของพระองค์อยู่เหนือเงื่อนไขของการเข้าไปครอบครอง เมื่อพระองค์ไม่มองว่า ความรักต้องเข้าไปครอบครอง พระองค์ก็ต้องศึกษาว่า รักอย่างไรให้เป็นจะได้ไม่เป็นทุกข์ ความรักที่มีต่อมวลมนุษยชาติที่พระองค์ได้ค้นคว้าอยู่ใน 6 ปี ก็ทำให้พระองค์กลับไปรักครอบครัวได้ ไม่ว่าจะมีสมมติฐานตอนนั้นเป็นพระสวามี เป็นพระโอรส หรือเป็นพระบิดา บทบาทสมมตินั้นถูกรับใช้ด้วยความรักของพระองค์ที่ไม่มีเงื่อนไข รักมนุษยชาติ มนุษย์ทั้งผองเป็นพี่น้องกัน พระองค์ได้พิสูจน์ว่ามนุษย์พ้นทุกข์ได้ […]
ประสบความสำเร็จเรื่องความรัก ด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า
ประสบความสำเร็จเรื่องความรัก ด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า แต่ยังไม่เชี่ยวชาญก็ไม่เป็นไร ! เมื่ออยาก ประสบความสำเร็จเรื่องความรัก สิ่งที่คุณควรทำอย่างเป็นรูปธรรมอันดับแรกโดยไม่ต้องคิดว่าเป็นเรื่องยาก คือ การลองจินตนาการว่าหลังจากประสบความสำเร็จเรื่องความรักแล้วตัวเองจะเป็นคนแบบไหนนะ ตอนนั้นคงจะเป็นคนที่มีใบหน้าฉาบไปด้วยรอยยิ้มเสมอ มีเสน่ห์และดูท่าทางความสุขแน่ ๆ เลย นี่คือขั้นตอนในการสร้างความสำเร็จเรื่องความรัก กล่าวคือ (ตัวเองหลังจาก) สมหวังในเรื่องรัก = รอยยิ้ม/ เสน่ห์/ ความสุข (รอยยิ้มจะทำให้กลายเป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์เป็นอย่างมาก) คนที่บอกว่า การจินตนาการภาพขณะที่กำลังสมหวังเรื่องความรักเป็นเรื่องยาก ก็อาจจินตนาการภาพตัวเองที่มีใบหน้าฉาบไปด้วยรอยยิ้มเสมอ มีเสน่ห์ และท่าทางมีความสุขแทนก็ได้ ดังนั้น ลงมือทำตอนนี้เลย ทำให้ตนเองมีรอยยิ้มเสมอ มีเสน่ห์ และท่าทางมีความสุข การสร้างรอยยิ้มนั้นสามารถทำได้ทันทีโดยข้ามขั้นตอนการจินตนาการภาพได้เลย แม้จะเป็นรอยยิ้มที่ไม่เป็นธรรมชาตินัก แต่ก็ให้ลองยิ้มไปก่อนเดี๋ยวนี้เลย เมื่อทำเช่นนั้น ก็จะไม่ได้เกิดขึ้นแค่ภาพจินตนาการ (ความคิด) เท่านั้น แต่ความจริงก็จะเกิดขึ้นด้วยทันที แค่ยกมุมปากขึ้นก็ได้นะคะ ลองควบคุมรอยยิ้มซึ่งปกติเราเคยทำไปโดยไม่รู้ตัวอย่างมีสติด้วยตนเองกันเถอะ เวลาที่สนทนากับคนอื่นก็ “ยิ้ม” ก่อนเริ่มพูดและทุกครั้งที่พูดจบก็ “ยิ้ม” เวลาหันหน้าเข้าหาคอมพิวเตอร์หรือเวลามองโทรศัพท์มือถือ หากรู้สึกตัวให้ลอง “ยิ้ม” เวลาไปร้านสะดวกซื้อที่ไปเป็นประจำก็เช่นกัน ถ้าพนักงานคิดเงินที่เคาวน์เตอร์บอกว่า […]
ทำไมต้องเลิกกับแฟนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไขความลับแห่งใจที่เชื่อว่ายังหารักแท้ไม่เจอ
ทำไมต้อง เลิกกับแฟนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไขความลับแห่งใจที่เชื่อว่ายังหารักแท้ไม่เจอ เรื่องของความรักเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนเกินที่จะเข้าใจได้ง่าย หากไม่ได้สัมผัสด้วยตนเอง เคยสังเกตไหมว่าเรามีเพื่อนหรือคนใกล้ตัวที่เปลี่ยนแฟนบ้าง หรือคบกันไม่กี่เดือนก็เลิกลากันเสียแล้ว อะไรคือปัญหาที่ต้อง เลิกกับแฟนซ้ำแล้วแฟนเล่า วันนี้ซีเคร็ตจะพาทุกท่านไปไขความลับแห่งใจ โดยคุณริวโนะสุเกะ โคะฮิเกะ พระอาจารย์ชาวญี่ปุ่นที่สามารถเทศนาธรรมะได้เข้ากับคนรุ่นใหม่ได้อย่างเข้าอกเข้าใจ ใครที่มีความคิดแบบนี้ขึ้นมาว่า “หมู่นี้เวลาอยู่กับแฟนแล้วรู้สึกเบื่อจัง อยากตื่นเต้นเหมือนตอนจีบกันใหม่ ๆ “ หรือ “เวลาแฟนเย็นชาใส่ เรารู้สึกคลั่งไคล้ แต่พอแฟนหันมาเอาใจ เรากลับรู้สึกเฉย ๆ” คนที่รู้สึกแบบนี้ขอให้ระวังไว้ว่า คุณอาจเป็นพวก “เสพติดความรัก” ที่ต้องการสิ่งเร้า ความรู้สึกตื่นเต้นเวลามีความรัก บางคนอาจมองว่าเป็นสิ่งสวยงาม แต่ตัวตนที่แท้จริงของความตื่นเต้นคือสิ่งกระตุ้นเร้าที่เรียกว่า “ความกังวล” ที่เรารู้สึกตื่นเต้น นั่นเพราะเรากังวลใจไปเองว่า “ถ้าเกิดไปกับเขาไม่ได้จะทำอย่างไรดี” พอความสัมพันธ์เริ่มมั่นคงจนหมดความกังวลแล้ว ความรู้สึกตื่นเต้นก็จะค่อย ๆ หายไป จริง ๆ แล้วการไม่มีความกังวลน่าจะเป็นเรื่องดี แต่สำหรับคนที่โหยหาสิ่งเร้าจากความรักตลอดนั้น น่าเศร้าที่ว่า ยิ่งความรักไปได้สวยเท่าไร ยิ่งรู้สึกเบื่อหน่ายมากขึ้นเท่านั้น บางคนอยากได้ความรู้สึกตื่นเต้นแบบใหม่ ๆ ก็ทำเป็นหึงหวงโดยไม่จำเป็น หรือแกล้งสร้างปัญหาขึ้นเพื่อสร้างความกังวลเรื่องการเลิกรา แต่ถ้าคนไหนอาการหนักก็อาจจะคบฟาคนใหม่แทน […]
” แก้ไขปัญหา ความรักติดขัด ” ที่คู่รักควรต้องทำความเข้าใจ
” แก้ไขปัญหา ความรักติดขัด ” ที่คู่รักควรต้องทำความเข้าใจ คงไม่มีความรักของใครที่จะราบรื่น หรือสมหวังไร้อาการสะดุดไปเสียหมดทุกอย่าง ถูกต้องมั้ยคะ เพราะไม่ใช่ว่าคู่รักทุกคู่นั้น จะสมบูรณ์แบบและเพียบพร้อมจนถึงขนาดที่ไม่เคยเจอปัญหา ความรักติดขัด บ้างเลย ดังนั้น วิธีการแก้ไขสิ่งกวนใจเหล่านี้ของแต่ละคนก็ย่อมแตกต่างกันออกไปด้วย GoodLifeUpDate จึงอยากขอเชิญชวนคู่รักหลายๆ คู่ตามมาฟัง เทคนิคและวิธีการแก้ไขปัญหาข้อหลักๆ ที่คนมีความรักควรหันมาปฏิบัติ และให้ความใส่ใจกันและกันมากยิ่งขึ้น พูดคุยกันให้มาก ยิ่งมีปัญหายิ่งจำเป็นต้องรับฟังกัน ยังมีคู่รักอยู่อีกหลายคู่เช่นกันนะคะ ที่มักชอบใช้ความเงียบเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหา ซึ่งจะว่าไปแล้วเจ้าความเงียบนี้ ก็คงสามารถใช้ได้กับแค่ในบางสถานการณ์เท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สถานการณ์ที่คู่รักจำเป็นต้องหันหน้าปรับความเข้าใจกัน การใช้ความเงียบเข้ามาพูดคุย อาจไม่ได้ช่วยทำให้เกิดความเข้าใจในตัวตนของกันและกันมากขึ้นแต่อย่างใด ทางที่ดี ยิ่งไม่เข้าใจกัน ยิ่งต้องใช้คำพูดเพื่อช่วยในการอธิบาย เพราะมันถือเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สามารถช่วยจับน้ำเสียงและแววตาของฝ่ายตรงข้ามได้ว่าเขารู้สึกอย่างไร และเราเองควรที่จะเริ่มต้นแก้ไขปัญหาเหล่านี้จากตรงไหนให้มันสมบูรณ์แบบมากขึ้น พยายามอย่าทำตัวเป็นคนในแบบที่อีกฝ่ายไม่ชอบ ว่ากันว่า ความรักในรูปแบบที่แสดงออกถึงความเป็นตัวตนของตนเองอย่างแท้จริงนั้น ถือเป็นเรื่องที่ดีค่ะ เพราะมันจะช่วยให้คนทั้งคู่ได้เรียนรู้นิสัยของกันและกันอย่างถ่องแท้ว่า สามารถเข้ากันได้ หรือจะอยู่ร่วมกันต่อไปในอนาคตได้อีกหรือไม่ แต่อีกนัยหนึ่ง การเป็นตัวของตัวเองที่มากเกินไป ก็นับเป็นดาบสองคมที่สามารถเชือดเฉือนหัวใจของคนทั้งคู่ให้พังลงได้อีกเหมือนกัน เนื่องจากมันอาจทำให้คุณและเขา เผลอแสดงสิ่งที่ต่างฝ่ายต่างไม่ชอบออกมา ทางที่ดี การพูดคุยอย่างตรงไปตรงมา ว่าคุณไม่ชอบสิ่งนี้หรือเขาไม่ชอบสิ่งนั้น ก็จะสามารถช่วยให้เราทั้งคู่ทราบข้อบกพร่องของกันและกัน และพยายามไม่ทำในสิ่งที่ก่อให้ความรักเกิดปัญหาขึ้นด้วยนั่นเอง >>คลิกอ่านต่อหน้าถัดไป<<
4 เรื่อง ที่ทำให้คนเรารู้สึกว่า ถ้ามี รักไม่ดี ยอมไม่มีน่าจะดีกว่า
4 เรื่อง ที่ทำให้คนเรารู้สึกว่า ถ้ามี รักไม่ดี ยอมไม่มีน่าจะดีกว่า ขึ้นชื่อว่า ‘ความรัก’ บางครั้งก็ไม่ใช่สิ่งที่สวยงามเสมอไป คนบางคนโชคดีได้เจอกับรักที่ดี แต่คนบางคนก็กลับโชคร้ายได้เจอกับ รักไม่ดี จนทำให้รู้สึกว่า การอยู่คนเดียวเหมือนเดิมนั้นน่าจะโอเคกว่า แล้วจะมีเรื่องอะไร ที่สามารถส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของชีวิตคู่ได้บ้างนะ ? เดี๋ยวตามมาฟังพร้อมกันเลยค่ะ รักที่ทำให้เราไม่เป็นตัวเอง ว่ากันว่าความรัก คือสิ่งที่สามารถทำให้คนเราได้แสดงถึงความเป็นตัวเองออกมามากที่สุด คนเราจะอ่อนโยน อ่อนหวาน หรือมีนิสัยเกรี้ยวกราด ก็มักดูได้จากตอนมีความรัก แล้วถ้าหากต้องเจอกับคนรักที่ทำให้เราไม่เป็นตัวของตัวเองล่ะ คุณจะทำอย่างไร ? แน่นอนล่ะว่า มันคงเป็นสิ่งที่สร้างความอึดอัดใจให้คุณได้ไม่น้อย ซึ่งสุดท้ายแล้ว ความรักครั้งนี้ก็คงจะไม่ยืนยาวอย่างที่หวังไว้ นั่นก็เพราะคุณไม่มีความสุข และไม่ได้แสดงออกถึงตัวตนที่แท้จริงเลยแม้แต่นิดเดียว รักที่ทำให้เราต้องใช้ความอดทน “เปลือง” มากเกินไป ทุกสิ่งบนโลกใบนี้ล้วนมีขีดจำกัดในตัวของมันเองเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ‘ความอดทน‘ ของมนุษย์เรา ซึ่งจะว่าไปแล้ว การมีรักที่ดี ต้องไม่ใช่ความรักที่ใช้ความอดทนมากมายอะไรขนาดนั้น ซึ่งถ้าคุณกำลังยืนอยู่ในจุดที่ต้องอดทน จนแทบจะทนไม่ไหว ฟังดูแล้วมันคงไม่ใช่ความรักที่ดีแน่ๆ หากต้องแลกด้วยความอดทนทั้งหมดที่มี ไปกับการรักษาความสัมพันธ์ครั้งนี้เอาไว้ หากเป็นอย่างนั้น ก็ควรลองปล่อยให้หัวใจได้ชั่งน้ำหนักดูเอาเถอะว่า มันสมเหตุสมผลที่จะแลกจริงๆ หรือเปล่า >>คลิกอ่านต่อหน้าถัดไป<<
ผิดหวังจากความรัก จนคิดอยากฆ่าตัวตาย แล้วจะช่วยให้พ้นทุกข์หรือเปล่า
ดิฉันคบกับแฟนมา 7 ปีแล้ว วันหนึ่งเขามาบอกเลิกไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัว รู้สึกเหมือนโลกถล่มทลายลงตรงหน้า ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกแล้ว อยากฆ่าตัวตายให้พ้นๆ จะได้ไม่ต้องจมปลักอยู่กับความทุกข์อย่างนี้ กรุณาช่วยดิฉันด้วยค่ะ
เผยเคล็ดลับ วิธีทำให้รักกันนาน ๆ คบกันยาว ๆ และความรักไม่จืดจาง
เผยเคล็ดลับ วิธีทำให้รักกันนาน ๆ คบกันยาว ๆ และความรักไม่จืดจาง หลายสาเหตุที่ทำให้ทุกคู่ไปสู่จุดจบของความสัมพันธ์อย่างน่าเสียดายคือ นิสัยที่ไม่ดีที่อีกฝ่ายรับไม่ได้ สาเหตุนี้อาจเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้คบกันไม่นาน ต้องโบกมืออำลาซึ่งกันและกันไป เหตุการณ์ที่ยกมานี้ จะทำให้คุณเห็นถึง วิธีทำให้รักกันนาน ๆ ความรักไม่จืดจาง ที่มีความล้ำลึกมาก คุณผู้ชายไม่ชอบและไม่อยากอยู่กับคุณผู้หญิงที่ขี้บ่น เพราะฉะนั้นต้องปรับตัวเองให้สามารถพูดคำว่า “เข้าใจแล้วค่ะ” ออกมาจากใจจริง ๆ สมมติว่าแฟนของคุณสัญญาว่าจะโทร.มาหาคืนนี้ แต่รอเท่าไรก็ไม่โทรมาเสียที พอโทรกลับก็ไม่รับสาย วันรุ่งขึ้นก็ไปถามเจ้าตัว เขาบอกว่า “ไปกินข้าวกับเพื่อนที่ออฟฟิศ ดื่มนักไปหน่อยเลยหลับไป” ถ้าคุณผู้หญิงได้ยินคำตอบนี้ คงตกใจปนเสียใจไม่น้อย ถ้าคุณผู้หญิงตอบกลับไปด้วยอารมณ์ “ว่าไงนะ แค่โทร.หาครั้งเดียว มันไม่น่าลำบากอะไรเลย รู้ไหมว่าฉันรอรับสายคุณทั้งคืน…” หากหลุดประโยคนี้ออกไป จะกลายเป็นการทะเลาะกันขึ้นก็ได้ สิ่งที่ไม่ทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้นคือฝ่ายคุณผู้หญิงต้องทำเป็นตลก เพื่อเปลี่ยนเรื่อง เช่น “เมื่อคืนฉันก็รอคุณ แต่พอดึกมาก ๆ เข้า ฉันก็ชิงหลับไปเข้าเฝ้าพระอินทร์เหมือนกัน (หัวเราะ) ” บรรยายกาศที่เหมือนมีเชื้อที่จะทะเลาะ จะกลายเป็นเรื่องตลกไปในทันที ฝ่ายคุณผู้ชายก็จะรู้สึกดีไม่น้อย ที่ผู้หญิงของเขาไม่เป็นคนเจ้าอารมณ์ หรือเราอาจแสดงความห่วงใยนิดนึง “คุณคงไม่เมาจนถึงเช้าใช่ไหมคะ” เขาก็จะรู้สึกสำนึกได้ว่า เขาน่าทำแบบนี้กับคนรักเลย […]
ที่ใดมีรักที่นั่นมีทางพ้นทุกข์ บทความธรรมะที่จะทำให้เข้าใจความรักดียิ่งขึ้น
ที่ใดมีรักที่นั่นมีทางพ้นทุกข์ บทความธรรมะที่จะทำให้ เข้าใจความรัก ดียิ่งขึ้น ที่ใดมีรักที่นั่นมีทางพ้นทุกข์ ส่วนมากมักเข้าใจว่า ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์ แต่ทำไมคราวนี้กลับตรงกันข้าม ความรักพาให้พ้นทุกข์ได้จริงไหม ลองมาหาคำตอบเพื่อทำความ เข้าใจความรัก ให้ดียิ่งขึ้นกันเถอะ ขึ้นชื่อว่า“ความรัก”น้อยคนที่จะกล้าปฏิเสธว่า ไม่ต้องการรับรัก หรือไม่เคยมอบความรักให้แก่ใคร เพราะความสุขจากความรักนั้นช่างหอมหวาน ในขณะเดียวกันความทุกข์ที่เกิดจากความรักก็สุดแสนทรมานเช่นกัน เมื่อความรักเป็นดั่งดาบสองคมเช่นนี้ พุทธศาสนาจะมีวิธีการจัดการกับความรักอย่างไร พระอาจารย์คะ พระพุทธศาสนาให้ความสําคัญกับความรักไหมคะ ให้ความสําคัญสิ พุทธศาสนาเป็นศาสนาแห่งความรักที่บริสุทธิ์เชียวละ ความรักที่บริสุทธิ์ในที่นี้คือการให้ พระพุทธเจ้าทรงให้ในสิ่งที่ดีที่สุดแก่มนุษย์ เป็นการให้เพียงฝ่ายเดียว ให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน แม้กระทั่งคําขอบคุณหรือความรักตอบ สิ่งที่ดีที่สุดที่พระพุทธเจ้าทรงมอบให้มนุษย์ทุกคนไม่ใช่ทรัพย์สมบัติหรือแก้วแหวนเงินทองใดๆ แต่ท่านทรงให้ในสิ่งที่มนุษย์พึงได้รับเมื่อเกิดมาชาติหนึ่ง นั่นคือ การหลุดพ้นจากวัฏสงสาร การเวียนว่ายตายเกิด ท่านปรารถนาให้เราพ้นทุกข์เข้าสู่นิพพาน ซึ่งจะทําให้มนุษย์เกิดปัญญา ตื่น เบิกบาน มีอิสระปล่อยวาง ปลอดโปร่ง โล่ง เบาสบาย ไม่เวียนวน ไม่มีทุกข์และได้สัมผัสถึงความสงบร่มเย็น ในสังคมปัจจุบันมีข่าวฆาตกรรมหรือคดีความสืบเนื่องจากความรักฉันท์หนุ่มสาวมากมาย พระอาจารย์มีข้อคิดเตือนใจอย่างไรบ้างคะ คดีความต่างๆโดยมากเกิดขึ้นเพราะคนส่วนใหญ่มีเจตนาในการมอบความรักในวงจํากัด เป็นต้นว่า ความสุขของเขาคนนั้นจะต้องเกิดจากฉันเท่านั้น ห้ามเกิดจากคนอื่น อย่างนี้เรียกว่าเป็นความรักที่มีราคะมาเจือปน มีอกุศล มีความเป็นเจ้าของ ยึดครองถือครอง […]
Dhamma Daily : พระอาจารย์มอง ค่านิยมการมีกิ๊ก อย่างไรขอรับ
Dhamma Daily : พระอาจารย์มอง ค่านิยมการมีกิ๊ก อย่างไรขอรับ พระอาจารย์มานพครับ ผมสงสัย ในมุมมองของพระ พระอาจารย์มอง ค่านิยมการมีกิ๊ก อย่างไรขอรับ ตอบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความสัมพันธ์แค่ทางกาย ถาม: พระอาจารย์มองค่านิยมการมีกิ๊กอย่างไรบ้างขอรับ ตอบ: ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความสัมพันธ์แค่ทางกายหรือเพียงมีใจให้ และไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิงก็ตาม การทำผิดกฏธรรมชาติที่วางเอาไว้ ก็ถือว่าเป็นการผิดศีลที่ทุกคนไม่ควรละเมิดทั้งสิ้น เพราะไม่ว่าจะเริ่มด้วยความสุขหรือรูปแบบความสัมพันธ์เป็นอย่างไร สุดท้ายมันก็จบลงด้วยความทุกข์ทั้งนั้น ปัญหาที่เกิดจากเรื่องกามานั้น ล้วนเกิดจากการไม่สำรวม ไม่สังวรณ์ อาจเกิดจากสื่อต่างๆ ที่ส่งผลทำให้คนเราขาดความสำรวม คนเราทุกคนจึงต้องรักษาน้ำใจ โดยเฉพาะคนรักกันก็ไม่ควรจะนอกใจกัน ไม่ควรจะทำร้ายจิตใจกัน พระอาจารย์มานพ อุปสโม พระอาจารย์ผู้ไขปัญหาธรรม อย่า “แก้ปัญหา” ด้วยการ “เพิ่มปัญหา” เมื่อ สามีนอกใจ โดย แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต “จับได้ว่า สามีนอกใจ ค่ะ แอบไปมีอะไรกับคนที่ออฟฟิศ ดิฉันรู้สึกแย่มากที่ต้องเจอเหตุการณ์อย่างนี้ เรารักกันมาก เลยไม่เคยคิดมาก่อนว่าเขาจะกล้า พอถาม เขาก็ให้เหตุผลว่าหลังๆ มานี้ดิฉันขี้บ่น […]
ความทุกข์ที่มาพร้อมกับ ชีวิตหลังแต่งงาน
ความทุกข์ที่มาพร้อมกับ ชีวิตหลังแต่งงาน บางคนเชื่อว่า ชีวิตหลังแต่งงาน คงจะมีความสุขมาก เหมือนกับการเริ่มต้นชีวิตใหม่ ปัญหาที่เคยมีในชีวิตจะต้องหมดไปอย่างแน่นอน หากแต่งงานไปด้วยความคิดเพ้อฝันเช่นนั้น ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะต้องประสบความล้มเหลวในชีวิตการแต่งงาน ยิ่งเป็นคนที่ไม่มีความสุขและไม่พอใจกับชีวิตที่ผ่านมาเท่าไร ก็จะยิ่งคาดหวังกับการแต่งงานมากเท่านั้น แต่ความจริงไม่หอมหวานเช่นนั้น ลองมาดูกันว่า ปัญหาชีวิตหลังแต่งงาน ที่หลายคนต้องเจอมีอะไรบ้าง เขาไม่ใจดีเหมือนตอนที่เพิ่งเจอกัน ทางแก้ น่าเสียดายว่า ในตัวมนุษย์นั้นมีกิเลสที่เป็น “ความเบื่อ” อยู่ ซึ่งมีข้อเสียคือ เมื่อคบหากันนานไป ก็จะเริ่มเบื่อและใส่ใจกันน้อยลง ดังนั้นเมื่ออีกฝ่ายมีกิเลสที่เป็นความเบื่ออยู่มาก ความใจดีที่มีให้จึงค่อยๆ ลดน้อยลง จึงถือเป็นเรื่องธรรมดา ส่วนฝ่ายหญิงเองก็ถูกกิเลสเข้าครอบงำเช่นกันจึงปฏิบัติกับเขาเหมือนตอนที่เพิ่งเจอกันไม่ได้ ปัญหาคือ ความเบื่อของทั้งสองคนมีปริมาณไม่เท่ากัน หากฝ่ายชายมีความเบื่อมากกว่า ความใส่ใจของฝ่ายชายก็จะลดลงเร็วกว่า ลหากเราทำสีหน้าไม่พอใจ ใจที่เป็นแง่ลบนั้นก็จะทำลายเสน่ห์ในตัวเราไปเสีย และอาจทำให้เราลุกขึ้นมาเรียกร้องอย่างไม่สมเหตุสมผลว่า “ถึงฉันจะทำตัวไม่เหมือนกับตอนที่เพิ่งเจอกัน แต่เธอควรจะใจดีกับฉันเหมือนตอนนั้นสิ” ฝ่ายชายเองก็ไม่ได้รู้สึกดีต่อฝ่ายหญิงที่มีความรู้สึกแง่ลบเช่นนั้น กิเลสที่เป็นโทสะจึงเกิดขึ้นในใจของฝ่ายชาย และส่งผลให้ทำใจดีกับฝ่ายหญิงไม่ได้ยิ่งกว่าเดิม เมื่อคิดเช่นนี้แล้ว การที่ฝ่ายชายไม่ใจดีด้วย จึงไม่ใช่ความผิดของกิเลสที่เป็นความเบื่อของเขาแต่เพียงอย่างเดียว เพราะสิ่งที่ทำให้เขาเบื่อคือ กิเลสของฝ่ายหญิงที่ไปกระตุ้นกิเลสของเขา จนทำให้ฝ่ายชายใจดีด้วยน้อยลง ความคิดที่ว่า “ถ้าไม่ใจดีด้วย ฉันไม่ยอมนะ” เอง ก็ไม่ใช่ความใจดีเช่นกัน ดังนั้นจึงขอแนะนำให้ฝ่ายหญิงใจดีให้มากขึ้นเพื่อไม่ให้ความใจดีของเราเองสูญหายไป […]
Dhamma Daily: เมื่อ คนรักเปลี่ยนไป ยังฝังใจ ยากจะลืม
แม้ความรักจะสร้างความสุข แต่ก็ไม่เคยหยุดสร้างทุกข์ให้คนเรา โดยเฉพาะในยามที่อีกฝ่ายเปลี่ยนไป หรือมีปัญหาจนต้องเลิกรามักตามมาด้วยความเจ็บปวดเสมอ
Q : ถูกทิ้งเพราะดีเกินไป จะเริ่มแก้ไขที่ตรงไหนดี ?
ถูกทิ้งเพราะดีเกินไป หนึ่งในคำถามโลกแตก ที่คิดเท่าไรก็คิดไม่ตก ขบเท่าไรก็ขบไม่แตก สาวๆ หนุ่มๆ ที่ดีแสนดี เหมือนตัวละคร พระรอง – นางรอง ทั้งหลาย ที่สุดท้ายแล้ว ก็ไม่อาจได้สมหวังกับบรรดาพระเอกนางเอก ทั้งที่เราไม่เคยทำตัวเเย่ๆ ช่วยอะไรได้ก็ช่วย เรียบร้อย น่ารัก อยู่ในกรอบ คนรักที่ดี และเพียบพร้อมเสมอมา แล้วมันเพราะอะไรกันละ ที่ทำให้เราต้องอกหักดังเป๊าะ มันจะต้องมีสาเหตุ และวิธีแก้ไขบ้างละ ! Q : ถูกทิ้งเพราะดีเกินไป จะเริ่มแก้ไขที่ตรงไหนดี ? :: ลองเปลี่ยนมามองมุมอื่นบ้าง :: ก่อนอื่นขอให้ลองย้อนกลับมาตีความคำว่า ‘ดีเกินไป’ ให้รอบด้านเสียก่อน ในมุมมองของเรา เราอาจมองว่า สิ่งที่เราทุ่มเทนั้น เป็นสิ่งที่ดีมากแล้ว เขาควรจะรู้สึกดีกับความตั้งใจของเราสิ แค่นี้มันยังไม่พอเหรอ? ความจริงคือ ไม่ใช่ไม่พอ แต่บางอย่างก็ไม่จำเป็นสำหรับบางคนค่ะ ไม่ได้หมายความว่าสิ่งที่เราทำนั้นไม่ดี แต่อยากให้ลองมองมุมของอีกฝ่ายบ้าง เขาต้องการการดูแลเอาใจใส่ระดับนั้นจริงหรือ? ความรักความหวังดีครั้งนี้ของเรา มันกำลังทำให้เขารู้สึกฝืนเกินไปหรือเปล่า? มันก็มีนะ คนที่ชอบคนดีๆ […]
6 ความเชื่อเรื่องชีวิตคู่ ที่ดูเหมือนว่าใช่
6 ความเชื่อเรื่องชีวิตคู่ ที่ดูเหมือนว่าใช่ 6 ความเชื่อเรื่องชีวิตคู่ ที่ดูเหมือนว่าใช่ ความเชื่อมีพลังอันยิ่งใหญ่ที่จะผลักดันชีวิตไปสู่ทิศทางใดก็ได้ ดังนั้นก่อนจะเชื่ออะไรเราจึงต้องไตร่ตรองให้ดี เพราะบางเรื่องแม้จะจำฝังใจ ว่า “เป็นความจริง” มาตั้งแต่อ้อนแต่ออก แต่ในที่สุดประสบการณ์ชีวิต ก็อาจจะทำให้เรียนรู้ว่าทุกสิ่งไม่ได้เป็นไปอย่างที่เราคิดทุกครั้ง ความเชื่อเกี่ยวกับชีวิตคู่ก็เช่น บางเรื่องอาจจะดูเหมือนใช่แต่ก่อนจะปักใจ คุณควรไตร่ตรองให้ดีเสียก่อน 6 ข้อต่อไปนี้ คือความเชื่อเกี่ยวกับ ชีวิตคู่ ที่อยากชวนคุณมาทบทวนความแน่ใจอีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยคำว่า ฟันธง! 1 อยู่ก่อนแต่งเป็นเรื่องธรรมดา การอยู่ร่วมกันโดยไม่ได้จดทะเบียน และไม่มีการแสดงความเป็นสามีภรรยา ให้สังคมรับรู้อย่างเป็นทางการฝ่ายหญิงย่อมเป็นฝ่ายเสียเปรียบเต็มประตู ถ้าหากรักครั้งนี้จบลงนอกจากนี้ การอยู่ก่อนแต่งยังเพิ่มความเสี่ยงในการเลิกรากันอีกด้วย เพราะแต่ละฝ่ายต่างได้เรียนรู้ข้อเสีย และตัวตนที่แท้จริงของกันและกันโดยที่ไม่มีอะไรผูกมัด ทำให้สามารถเดินจากไปเมื่อไรก็ได้ถ้าเจอที่หมายที่ดีกว่า แน่ใจแล้วหรือว่า คุณพร้อมรับความจริงทั้งหมดนี้หากความสัมพันธ์ล้มเหลว 2 ชีวิตคู่ต้องเปิดเผยจริงใจ หลายต่อหลายคู่คิดว่าการแต่งงานคือการยินยอมให้แต่ละฝ่าย แสดงความคิดเห็นของตนอย่างอิสระ เลิกเกรงใจกันอีกต่อไปรวมทั้งการพูดถึงข้อบกพร่องของอีกฝ่ายหนึ่งบ่อยๆอย่างตรงไปตรงมา เช่น แก่ อ้วน ดูไม่ดีหรือทำไมไม่ทำอย่างนั้นอย่างนี้ […]
5 สาเหตุที่ทำให้ แฟนมีกิ๊ก ผู้หญิงต้องอ่าน ! ไม่อ่านคือพลาด
ซีเคร็ตขอแนะนำ 5 สาเหตุที่อาจจะทำให้ ผู้ชายมีกิ๊ก พร้อมทั้งเลิฟทริค ในการแก้ปัญหา เพียงเท่านี้ปัญหานี้ก็คงไม่ใช่เรื่องยากที่จะรับมืออีกต่อไปแล้ว
True story: ” รักร้าย ” เรื่องจริงหญิงที่ถูกความรักทำร้ายและกลายเป็นคนทำลายความรัก
เรื่องราว รักร้าย ของฉัน เริ่มต้นจากฉันมีแฟนคนแรกตอนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ถือว่าเร็วทีเดียวเมื่อเทียบกับสังคมไทยสมัยสิบกว่าปีที่แล้ว ซึ่งวัยรุ่นในยุคนั้นยังจีบกันด้วยการอัดเพลงรักใส่เทปคาสเส็ต หรือไม่ก็ส่งข้อความหวาน ๆ หากันทางเพจเจอร์ ยิ่งนานวันรักแบบปั๊ปปี้เลิฟของฉันก็ยิ่งก่อตัวกลายเป็นความรักที่จริงจังมั่นคง ตอนนั้นฉันเรียนจบแล้ว และเพิ่งเริ่มทำงาน ส่วนแฟนของฉันเพิ่งจบจากโรงเรียนนายร้อย ฉันและแฟนรวมทั้งครอบครัวของเราทั้งคู่วางแผนร่วมกันว่า เมื่อเขาสังกัดกรมกองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราก็จะแต่งงานกันทันที แฟนฉันไม่ใช่คนโรแมนติก ฉันเองก็ยิ่งไม่ใช่คนโรแมนติกเข้าไปใหญ่ ฉันจะได้ดูแลเอาใจใส่เขามากหน่อยก็ตอนที่เข้าไปทำความสะอาด ปัดกวาดเช็ดถูคอนโดให้เขา ฉันคิดว่าถ้าเขาได้กลับมานอนในห้องที่สะอาด หรือถ้าฉันได้เตรียมอาหารอร่อย ๆ ไว้ให้เขาบ้าง เขาคงจะมีความสุขไม่น้อย…ฉันจึงขอปั๊มกุญแจห้องเอาไว้ เผื่อจะได้ไขเข้ามาวางแผนเซอร์ไพร้ส์เขาได้สะดวก แต่แล้ววันหนึ่ง คนที่เซอร์ไพร้ส์กลับเป็นตัวฉันเอง! ฉันยังจำได้ติดตาติดใจ วันนั้นเป็นเช้าวันเสาร์ ประมาณเก้าโมง ฉันไขกุญแจเปิดประตูห้องเข้าไปตามปกติ แต่ภาพที่อยู่ตรงหน้าทำเอาฉันแทบล้มทั้งยืน! เปล่า…ห้องไม่ได้ถูกรื้อค้น ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม…แต่บนเตียงนอนที่ฉันแสนจะคุ้นตา ผู้ชายที่ฉันรักนอนหลับใหลอยู่ ร่างทั้งร่างเปลือยเปล่า และข้างกายเขาคือหญิงสาวแปลกหน้าที่ฉันไม่เคยรู้จัก! ฉันหูอื้อ ตาพร่ามัวไปหมด เสียงหายไปจากลำคอ ฉันอยากจะกรีดร้องออกมาดัง ๆ แต่ร้องไม่ออก…สิ่งเดียวที่ทำได้คือ ค่อย ๆ ปิดประตูอย่างเงียบ ๆ รู้สึกราวกับว่าตัวเองได้รุกล้ำเข้าไปในที่ส่วนตัวของคนอื่น แต่ก่อนที่ประตูจะปิดลง ฉันเห็นด้วยหางตาว่าแฟนฉันลืมตาขึ้นมองอย่างงัวเงีย ขณะเดินลงบันไดมา ฉันก็ยังอุตส่าห์หวังว่าเขาจะวิ่งตามมางอนง้อ ขอโทษหรือขอร้องให้ฉันให้โอกาสเขาอีกสักครั้ง แต่…เปล่าเลย! ฉันไม่รู้เลยว่าตัวเองลงมายืนอยู่ริมฟุตปาธได้อย่างไร ไม่รู้สึกด้วยซ้ำว่าแขนที่กำลังยกขึ้นโบกรถแท็กซี่เป็นแขนของตัวเอง “ไปไหนก็ได้พี่ ขับไปก่อน” ฉันบอกโชเฟอร์ได้เพียงเท่านั้น น้ำตาก็ไหลทะลักออกมา อย่าถามเลยว่าตอนนั้นฉันคิดอะไร เพราะฉันไม่รู้จริง ๆ ในใจมีแต่คำว่า “ทำไม…ทำไม…ทำไมถึงทำกับเราแบบนี้” วันนั้นทั้งวันฉันได้แต่เวียนขึ้น - ลงแท็กซี่คันแล้วคันเล่าพอรถจอด ฉันก็เดินไปเรื่อย ๆ อย่างไม่มีจุดหมาย พอเดินไปได้สักพัก ก็เรียกแท็กซี่คันใหม่ คนขับเห็นสีหน้าท่าทางของฉันแล้วคงอดไม่ได้ที่จะถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า ฉันก็บอกว่า “ไม่มีอะไรหรอกพี่ ทะเลาะกับแฟนน่ะ” และดูเหมือนว่าคำตอบของฉันจะได้ผล เพราะมันทำให้คนถามหยุดความสงสัยไปได้และไม่ซักไซ้กวนใจฉันอีกเลย คืนวันนั้นฉันกลับถึงบ้านเกือบเที่ยงคืน เพราะไม่อยากเจอหน้าพ่อแม่ ไม่อยากให้ท่านต้องเห็นหน้าช้ำ ๆ และตาบวมปูดของฉัน พอเข้าห้องได้ ฉันก็พยายามข่มตานอน ฉันไม่ได้กินข้าวกินน้ำมาตลอดทั้งวัน ฉันร้องไห้จนแทบไม่เหลือน้ำตาแต่ถึงจะรู้สึกเพลียมากแค่ไหน ฉันก็นอนไม่หลับ จนกระทั่งตีสาม ฉันจึงหยิบยานอนหลับที่เพื่อนซึ่งเป็นเภสัชกรแบ่งมาให้ด้วยความหวังดี ฉันตัดสินใจกลืนยานอนหลับรวดเดียว 5 เม็ดหวังจะหลับให้เร็วและนานที่สุด แม้ฉันจะรู้ว่าการกินยานอนหลับคราวละมาก ๆ อาจทำให้ตายได้ และแม้สติที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดจะบอกว่า “กลัวตาย” แต่ความเจ็บปวดและความผิดหวังก็มีมาก…มากเสียจนนาทีนั้นฉันไม่รู้สึกกลัวอะไรอีกต่อไป! ขอเพียงให้ผ่านเวลานี้ไปก่อน…อย่างอื่นเอาไว้ทีหลัง ฉันค่อย ๆ กลืนยาลงคอไปอีก 5 เม็ด ใจหวนรำลึกถึงความทรงจำระหว่างฉันและเขา …คอลเล็กชั่นเพลงรักที่เขาอัดใส่เทปมาให้ …ของขวัญวันเกิดที่มอบให้ไม่เคยลืม ดอกไม้ช่อโตทุกวันวาเลนไทน์ ฯลฯ “อยากขอบคุณที่โลกสร้างเธอขึ้นมา” “ฝันดีนะครับ” ฯลฯ ข้อความหวาน ๆ ที่ทำให้ฉันยิ้มแม้ในยามหลับ…ทุกอย่างจบสิ้นลงแล้ว ฉันกลืนยาลงไปอีก 5 เม็ด “เมื่อไรจะพาเราเข้าบ้านสักที” ครั้งหนึ่งฉันถามเขาและวันหยุดปลายสัปดาห์นั้นเอง เขาก็ขับรถพาฉันไปกินข้าวถึงพัทยา และที่นั่นคุณพ่อคุณแม่ของเขานั่งรอเราอยู่ในร้านอาหารมื้อนั้นเขาแนะนำตัวฉันในฐานะคนรัก…เป็นเซอร์ไพร้ส์ที่ฉันยังจำได้ไม่ลืม ความคิดของฉันวนเวียนอยู่แต่อดีตระหว่างเรา…ยานอนหลับอีก 5 เม็ดถูกกลืนลงคอตามไป แหวนวงเล็กดีไซน์เรียบง่ายที่นิ้วนางข้างซ้าย คือแหวนที่เขาสวมให้ต่างแหวนหมั้น ฉันสวมแหวนวงนี้มากว่าครึ่งปีแล้ว… ร่างกายของฉันอ่อนเพลียเต็มที ภายในเหมือนหลับแต่นัยน์ตาของฉันยังคงเบิกโพลง ข่มตาเท่าไรก็ไม่ยอมหลับฉันเลยกรอกยาเข้าปากไปเรื่อย ๆ…เรื่อย ๆ ในตัวของฉันมียานอนหลับรวม 30 เม็ดเห็นจะได้ และแล้วเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เพื่อนที่เป็นเภสัชกรของฉันนั่นเอง พอเธอรู้ว่าฉันกินยานอนหลับไปร่วม 30 เม็ดเธอก็รีบบึ่งมาหาฉันทันที เธอไม่ได้พาฉันไปส่งโรงพยาบาลเพราะฉันไม่อยากให้พ่อแม่รู้เรื่องนี้ ประกอบกับปริมาณยาที่กินไปยังพอเยียวยาได้ ไม่จำเป็นต้องล้างท้อง เธอคอยดูแลฉันซึ่งนอนไม่ได้สติอย่างใกล้ชิด เธอปลุกให้ฉันดื่มน้ำบ่อย ๆเพื่อให้ร่างกายขับยาออกมาให้มากที่สุด ฉันนอนไม่ได้สติอยู่ราวหนึ่งคืนกับหนึ่งวัน จึงโงหัวลุกขึ้นมาได้ ในที่สุดความรักครั้งแรกของฉันก็จบลง ในลักษณะที่ฉันยอมหลีกทางให้เขา ฉันคืนแหวนเขาไป และพยายามใช้ชีวิตโดยไม่มีเขาให้ได้ ภายนอกฉันอาจดูเข้มแข็งเหมือนปกติแต่ฉันรู้ตัวเองดีว่าภายในฉันรู้สึกบอบช้ำและว้าเหว่เหลือเกิน ซ้ำร้ายคือ “ผู้หญิงคนใหม่” ของแฟนเก่าก็ยังคอยโทร.มารังควานฉันไม่หยุด ฉันอยากจะไปเสียให้พ้น ๆ สุดท้ายจึงตัดสินใจบอกทางบ้านว่า ฉันจะไปเรียนภาษาที่ประเทศออสเตรเลีย การอกหักครั้งนี้ทำให้ฉันเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ฉันกลายเป็นคนกล้ามากขึ้น เมื่อก่อนฉันค่อนข้างจะเรียบร้อยขี้กลัว แต่พอไปอยู่เมืองนอก ฉันกล้าพูด กล้าคิด กล้าทำหลายสิ่งหลายอย่าง ตอนนั้นฉันคบเพื่อนต่างชาติเป็นส่วนใหญ่ทำให้ฉันสามารถพูดภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่วภายในเวลาเพียง 6 เดือน ทั้ง ๆ ที่เดิมฉันฟังภาษาอังกฤษไม่กระดิกหูพูดก็ไม่เป็นเลยสักคำ ที่สำคัญคือ มุมมองความรักของฉันเปลี่ยนไปจนหมดสิ้น จากคนที่จริงจังกับความรัก คบใครก็คบเพียงคนเดียว ฉันเริ่มคิดว่าไม่มีหรอกความรักที่แท้จริงมีแต่คนโง่เท่านั้นที่จริงจังยึดมั่นอยู่กับใครเพียงคนเดียว ช่วงเวลานั้น ฉันเห็นผู้ชายเป็นของเล่น ฉันเฟลิร์ตกับผู้ชายทุกคนที่เข้ามาจีบ ไม่ว่าจะเป็นฝรั่ง จีน ญี่ปุ่น (แต่ไม่ใช่คนไทยแน่นอน เพราะไม่มีอะไรที่ฉันจะรังเกียจมากเท่าผู้ชายไทยอีกแล้ว!!) ฉันกลายเป็นสาวมั่นและเป็นผู้หญิงที่ออกจะดูก๋ากั่นในสายตาคนไทยด้วยกัน ตั้งแต่อยู่เมืองนอกจนกลับมาเมืองไทย เวลาเพื่อน ๆ อยากไปเที่ยวที่ไหน หรืออยากกินอะไร ขอให้บอก…ฉันจะจัดแจงนัดผู้ชายที่ตามจีบฉันอยู่ให้เป็นสารถีขับรถพาฉันและเพื่อน ๆ ไปเที่ยว บางวันฉันยกขบวนพาเพื่อนไปกินอาหารแพง ๆ พอใกล้อิ่ม ฉันก็จะโทร.เรียกกิ๊กคนใดคนหนึ่งให้มาจ่ายค่าอาหาร ทั้งที่เขาไม่ได้กินด้วยสักหน่อย หรือถ้าวันไหนอยากแด๊นซ์ ฉันก็จะให้บรรดากิ๊กผลัดเวรกันมารับมาส่ง ไม่ก็ช่วยจ่ายค่าเปิดเหล้า และเมื่อจบงานแล้วก็แล้วกัน…ครั้งหน้าฉันก็อาจไม่เรียกใช้บริการอีก! เพื่อน ๆ เตือนฉันว่า “สงสารเขาจัง…แกไม่สงสารเขาเหรอ” ขอบอกตามตรงเลยว่า ฉันไม่สงสารผู้ชายพวกนี้เลย ฉันคิดแค่ว่าผู้ชายยังเห็นผู้หญิงเป็นของเล่นได้ แล้วทำไมผู้หญิงจะเห็นผู้ชายเป็นของเล่นไม่ได้ ถ้ามีใครที่ทำท่าจะคิดจริงจังฉันก็จะหลบฉากทันที อย่าหวังว่าใครจะเข้ามาใกล้หัวใจฉันได้อีกต่อไป โชคยังดีที่ฉันเล่นกับไฟโดยที่ไม่ได้ถูกไฟแผดเผา แต่ฉันไม่รู้ตัวเลยว่า ฉันกลายเป็นเชื้อไฟที่เผาไหม้คนอื่น วันหนึ่งมีคนมาบอกฉันว่า “รู้ไหม กิ๊กเธอเข้าโรงพยาบาลเพราะกินยานอนหลับเกินขนาด” ตอนที่ได้ยิน ฉันแข้งขาสั่น ภาพที่ตัวเองเคยกินยานอนหลับเมื่อหลายปีก่อนย้อนกลับมาเป็นฉาก ๆ ฉันไม่กล้าไปเยี่ยมผู้ชายคนนั้นที่โรงพยาบาล แต่ตอนหลังเมื่อทราบว่าเขาปลอดภัยแล้ว ฉันก็ใจชื้นขึ้น ตั้งแต่นั้นฉันก็เริ่มบอกปัดบรรดากิ๊กที่หมั่นมาส่งดอกไม้และมาขายขนมจีบไปทีละคนสองคน หลายเดือนต่อมา เมื่ออาการเขาดีขึ้น ฉันจึงโทรศัพท์ไปนัดพบเขา เพื่อจะเคลียร์เรื่องระหว่างเราไม่ให้ค้างคาใจกันอีกเขาบอกว่า เรื่องของฉันเป็นเพียงหนึ่งในหลาย ๆ เรื่องที่เป็นปัญหาส่วนตัวของเขา และคืนนั้นเขาเมามากจึงกินยานอนหลับเข้าไปโดยไม่รู้ตัว แม้จะรู้ว่าตัวฉันไม่ใช่สาเหตุโดยตรง แต่ฉันก็ยกมือไหว้ขอโทษเขาด้วยความสำนึกผิดอย่างที่สุด และขอให้เขาอโหสิกรรมให้ฉันด้วย…ทั้งเขาและฉัน เราทั้งคู่ถูกความรักทำร้ายและต่างก็ตกเป็นเหยื่อของความรักเหมือน ๆ กัน ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่า การแก้แค้นคนคนหนึ่งด้วยการทำร้ายคนอีกคนหรืออีกหลายคนที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วย ไม่ได้ทำให้ชีวิตเราดีขึ้นเลย หนำซ้ำยังเป็นการสร้างกรรมเวรต่อกันไปไม่มีที่สิ้นสุด เรื่อง: การันต์ ภาพ: สรยุทธ พุ่มภักดี […]
True Story : ความรักที่สมบูรณ์แบบ แต่ต้องแลกด้วย “ทุกข์” ทั้งชีวิต
True Story : ความรักที่สมบูรณ์แบบ แต่ต้องแลกด้วย “ทุกข์” ทั้งชีวิต ความรักที่สมบูรณ์แบบ เกิดขึ้นเมื่อ สามีของฉันเป็นหนุ่มตี๋หน้าตาดี จบปริญญาโทด้านบริหารวิศวกรรมศาสตร์จากสหรัฐอเมริกาครอบครัวทำธุรกิจร้านทอง เหล้าไม่กิน บุหรี่ไม่สูบ ไม่เล่นการพนัน ไม่เจ้าชู้แถมยังตามใจฉันอีกต่างหาก…ฟังดูเหมือนฉันน่าจะเป็นภรรยาที่มีความสุขที่สุดในโลกเลยใช่ไหม เรื่องของฉันเริ่มต้นในวัย 27 ปีผู้ใหญ่ที่นับถือท่านหนึ่งแนะนำว่า อยากให้ฉันรู้จักลูกชายเจ้าของร้านทอง เขานิสัยดีมาก และจบปริญญาโทจากเมืองนอกด้วยความเกรงใจฉันจึงยอมไปดูตัว ครอบครัวของเขาเดินทางจากหาดใหญ่ เพื่อมาพบฉันและครอบครัวที่กรุงเทพฯ อาจเป็นเพราะบรรยากาศหรูหราของร้านอาหารใจกลางเมือง หรืออาจเป็นเพราะเวรกรรมที่เคยทำร่วมกันมา ทำให้ฉันรู้สึกประทับใจเขาตั้งแต่แรกพบ ในขณะที่ครอบครัวของเราทั้งคู่ก็ดูจะยินดีที่ได้พบกันด้วย เราใช้เวลาสองปีคบหาดูใจกัน เขาตามใจฉันทุกเรื่อง ซื้อของทุกสิ่งที่ฉันแค่เปรยว่าอยากได้ แม้กระทั่งโคมไฟธรรมดา ๆ ที่ราคาตั้งหลายหมื่นบาท เราชอบอะไรหลายอย่างคล้ายกันทั้งดูหนังและเดินป่า ในที่สุดเราก็ตัดสินใจแต่งงานกัน พ่อเห็นว่าฉันรักเขามาก จึงไม่ได้เรียกร้องค่าสินสอดอะไรในวันแต่งงาน เขามอบสินสอดจำนวนสองแสนสองหมื่นบาทพร้อมทองคำหนักสิบบาทและแหวนแต่งงาน ซึ่งญาติฝ่ายฉันหลายคนกระซิบกันว่า ค่าสินสอดดูจะน้อยไปหน่อยสำหรับลูกสาวร้านขายเพชรอย่างฉัน แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ไม่ได้ใส่ใจ แค่เรารักกันก็พอ หลังแต่งงาน ฉันย้ายเข้าไปอยู่เรือนหอที่เขาซื้อไว้ในกรุงเทพฯ เขาขอให้ฉันเป็นแม่บ้าน ไม่ต้องทำงานให้เหนื่อย ฉันรู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้หญิงที่มีความสุขที่สุด เพราะนอกจากสามีจะเป็นห่วงแล้ว พ่อฉันก็ยังรักและยกเงินค่าสินสอดทั้งหมดกว่าสามแสนห้าหมื่นบาทให้ฉันเป็นของขวัญอีกด้วย สองเดือนผ่านไป ชีวิตแต่งงานดูเหมือนจะราบรื่นดี เขากลับบ้านตรงเวลาทุกวัน แถมไม่มีเรื่องชู้สาวให้ระคายใจยกเว้นแต่เพียงเขาไม่พูดเล่นหยอกล้อเหมือนข้าวใหม่ปลามันคู่อื่น เขาให้เงินฉันไว้ใช้จ่ายเพียงเดือนละสามพันบาทและมักโทร.หาแม่ทุกครั้งที่มีปัญหาก็เท่านั้น ฉันพยายามบอกตัวเองว่าอย่าคิดมาก ไม่นานเขาบอกว่างานที่ทำได้เงินเดือนน้อย ตอนที่เขายื่นธนาคารเพื่อกู้เงินซื้อเรือนหอหลังนี้ก็ได้แค่ 1.5 ล้านบาท ในขณะที่ราคาจริงคือ 2.6 ล้านบาท ตอนนีขาดอีกเพียง 5 แสนบาทเท่านั้น เขาอยากให้ฉันช่วยหาเงินจำนวนนี้ให้ เพราะรู้ว่าพ่อคงมอบเงินค่าสินสอดให้ ด้วยความรักและคิดว่าปัญหาของสามีก็คือปัญหาของฉันฉันจึงตกลงยกเงินแต่งงานทั้งหมดให้กับเขา ไม่กี่เดือนต่อมา เขาก็บอกว่าช่วงนี้ไม่มีเงินให้ เพราะต้องจ่ายค่าผ่อนบ้านหนักเดือนก่อนเงินก็ไม่พอต้องโทร.ไปขอยืมแม่ และขอให้ฉันเอาเงินส่วนตัวมาใช้จ่ายในบ้านไปก่อนฉันรับปากเขาด้วยรอยยิ้มเพื่อกลบเกลื่อนความจริงที่ว่า ฉันแทบไม่เหลือเงินติดตัวเลยแม้จะพยายามออกไปช่วยงานพ่อเพื่อเพิ่มรายได้แล้ว แต่ก็ยังไม่พอ เพราะค่าใช้จ่ายในบ้านสูงมาก ไหนยังจะต้องผ่อนรถยนต์และผ่อนบ้านหลังน้อยที่ซื้อไว้ตั้งแต่ก่อนแต่งงานด้วย ตอนนั้นฉันไม่รู้จะทำอย่างไรได้แต่เก็บความทุกข์ไว้ในใจคนเดียว หนึ่งปีผ่านไปฉันเริ่มมองเห็นความจริงว่า ชีวิตแต่งงานของฉันไม่ได้เพอร์เฟ็กต์เหมือนที่คิด เรามักทะเลาะเพราะมีความเห็นไม่ตรงกัน สามีชอบพูดจาเหน็บแนม ไม่พูดหยอกล้อ ไม่แสดงความรัก ไม่สวมกอดไม่แม้แต่จะพาฉันออกไปเดินเล่นในห้างสรรพสินค้าเลยสักครั้ง สิ่งที่เขาสนใจที่สุดคือต้นไม้ใบหญ้า เขาสามารถตัดแต่งกิ่งต้นมะม่วงได้ทั้งวัน โดยไม่สนใจว่าฉันกำลังนั่งร้องไห้เพราะเครียดเรื่องปัญหาการเงินอยู่ เขาจะพูดคำว่ารักก็ต่อเมื่อต้องการความช่วยเหลือเท่านั้น แม้แต่เรื่องสำคัญฉันสามีภรรยาอย่างเรื่องบนเตียงเขาก็ไม่สนใจ ฉันนอนร้องไห้เสียใจทุกวันแต่ลึก ๆ ก็ยังหวังให้เขากลับใจ จนวันหนึ่ง ฉันก็คิดขึ้นมาว่า ถ้าเรามีลูกด้วยกันอาจช่วยขจัดปัญหาทั้งหมดได้ ฉันจึงตัดสินใจบอกเขาว่าอยากมีลูก เขาเห็นด้วย และยอมมีอะไรกับฉัน จนไม่กี่เดือนต่อมาฉันก็ตั้งท้องและคลอดลูกชายคนแรกสมใจ เขากลับมาเฉยชากับฉันเหมือนเดิม แต่แสดงออกว่ารักลูก และเพิ่มเงินให้เป็นเดือนละห้าพันบาท ซึ่งแน่นอนว่าไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่ายของแม่ลูกอ่อนที่มีอาการเบบี้บลู หรือเป็นโรคซึมเศร้าอย่างฉัน ทุกครั้งที่เงินเพิ่ม เราก็จะทะเลาะกันและจบลงด้วยการที่เขาเดินหนีไป ฉันตัดสินใจแก้ปัญหาด้วยการขายบ้านที่ซื้อเองกับมือ เพื่อนำเงินมาใช้ยามฉุกเฉินและจ่ายค่าจ้างพี่เลี้ยงช่วยดูแลลูก ผ่านไปเกือบสองปีฉันสังเกตว่าลูกไม่สบตาและมีพัฒนาการช้ากว่าเด็กอื่น จึงตัดสินใจพาลูกไปหาหมอและได้รู้ว่า ลูกรักของฉันเป็นออทิสติก ฉันยอมรับความจริงแต่โดยดี พร้อมตั้งใจจะทำทุกทางให้ลูกดีขึ้น เราเข้าออกโรงพยาบาลเอกชนกันเป็นว่าเล่น โชคดีที่สามียินดีจ่ายทุกบาททุกสตางค์เพื่อลูกโดยไม่อิดออด ฉันอ่านหนังสือทุกเล่ม เข้ารับการอบรมแทบทุกคอร์ส เพื่อช่วยให้เข้าใจและสอนลูกได้ดีขึ้น เราสองแม่ลูกตัวติดกันแทบตลอดเวลา ฉันสอนลูกทุกเรื่อง ไม่เว้นแม้แต่เรื่องง่าย ๆ อย่างการกอด เพราะลูกของฉันไม่ชอบกอด และจะร้องไห้เสียงดังทุกครั้งที่มีใครถูกเนื้อต้องตัว ในช่วงที่ลูกนอนกลางวันฉันจะออกไปสวนสาธารณะใกล้บ้านเพื่อสังเกตพัฒนาการของเด็กปกติคนอื่น แล้วก็เอากลับมาสอนและฝึกลูกของตัวเอง ตกเย็นก็เปิดบ้านชวนเด็ก ๆมากินขนมและเล่นกับลูก เพราะเชื่อว่าเด็กปกติเหล่านี้คือครูชั้นเยี่ยมที่จะช่วยให้ลูกมีพัฒนาการที่ดีขึ้น ฉันตัดสินใจบอกสามีอีกครั้งว่าอยากมีลูกอีกคนจะได้ดูแลกัน ซึ่งสามีก็เห็นด้วย ไม่นานฉันก็ตั้งท้องและคลอดลูกสาว ฉันอุทิศเวลาทุกวินาทีให้ลูก ผลของความพยายามทำให้พัฒนาการของลูกชายดีขึ้น ดูแลตัวเองได้ และเข้าโรงเรียนในวัย 4 ขวบ ลูกช่วยสอนให้ฉันรู้ว่า ถ้าตั้งใจจริงจะพิชิตได้ทุกสิ่ง ไม่เว้นแม้แต่อาการออทิสติกที่ใคร ๆ ก็บอกว่าไม่มีทางรักษาหาย หลังจากที่มั่นใจว่าลูกทั้งสองคนดูแลกันและกันได้แล้ว ฉันก็เบาใจ แต่ก็ต้องเผชิญกับความจริงที่ว่า การมีลูกไม่ได้ช่วยให้ความสัมพันธ์ของฉันและสามีดีขึ้น เขายังคงเฉยชาและเห็นแก่ตัวเหมือนเดิมวันหนึ่งเขาบอกให้ฉันรีบเก็บข้าวของ เพราะเขาตัดสินใจว่าจะพาครอบครัวย้ายกลับไปอยู่กับแม่ที่หาดใหญ่ โดยไม่สนใจคำคัดค้านของฉันเลย ความอดกลั้นที่สะสมมาเกือบสิบปีจึงถึงขีดสุด ฉันตัดสินใจในวินาทีนั้นว่า “พอกันที…ฉันจะขอหย่า!” หลังหย่ากัน ฉันจำเป็นต้องยกลูกให้เขา พร้อมเซ็นข้อตกลงว่า เขาจะได้รับสิทธิ์เลี้ยงลูกเพียงผู้เดียว เพราะตามกฎหมายฉันไม่มีความสามารถที่จะเลี้ยงดูลูกได้ ไม่มีรายได้และไม่มีสมบัติเหลือเลย ได้แต่โทษตัวเองว่า ฉันมันโง่! ขายสมบัติตัวเองทุกอย่าง เพราะคิดว่าถ้าทุ่มเทให้เขามาก ๆอาจเปลี่ยนใจเขาได้ กว่าจะรู้สึกตัวก็ไม่เหลืออะไรแล้ว…แม้แต่ลูก! ฉันกินไม่ได้นอนไม่หลับ จมกองทุกข์เพียงลำพัง สองสัปดาห์ต่อมาก็มีอาการเจ็บหน้าอกรุนแรง เมื่อพบแพทย์จึงได้รู้ว่า ฉันป่วยเป็นมะเร็งเต้านมขั้นที่ 3 แล้ว แต่น่าแปลกที่ฉันไม่รู้สึกกลัวตายเลย การรักษาด้วยเคมีบำบัดทำให้ฉันเพลียและผมร่วง แต่ขณะเดียวกัน ฉันกลับมีความสุขอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนเพราะโรงพยาบาลทำให้ฉันได้พบและสนิทกับหนังสือธรรมะ…ทางพ้นทุกข์ที่ฉันเพิ่งได้รู้จัก ฉันมีกำลังใจดีขึ้น เริ่มดูแลตัวเองโดยการใส่วิกผมและแต่งตัวสวยทุกวันทั้งที่ตลอดชีวิตการแต่งงาน ฉันไม่เคยคิดอยากสวยเลยสักครั้ง กัลยาณมิตรหลายคนให้กำลังใจว่าฉันคงหายในเร็ววัน เพราะถูกกับเคมีบำบัด หลังรับการรักษาแล้วผิวพรรณของฉันกลับขาวผ่อง มีน้ำมีนวลในขณะที่คนส่วนใหญ่จะโทรมและผิวดำเกรียม หลังพักฟื้นจากการผ่าตัดแล้ว ฉันรู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่า อยากออกไปขี่จักรยานทุกวัน ภายหลังเข้ารับการรักษาเพียงหนึ่งปีฉันก็หายจากโรคมะเร็งเต้านม ตลอดเวลาที่ป่วย อดีตสามีก็ยังโทร.มาตามไปช่วยเลี้ยงลูก เพราะกลัวว่าลูกจะเป็นเด็กมีปัญหา ฉันปฏิเสธ บอกว่าป่วยเป็นมะเร็งเต้านม เขาไม่เชื่อ และคิดว่าฉันสร้างเรื่องเพื่อเรียกร้องเงินชดเชย กระทั่งวันที่หมอลงความเห็นว่าฉันหายแล้วด้วยความที่คิดถึงลูกเหลือเกิน ฉันจึงหอบเสื้อผ้าไปอยู่กับอดีตสามีอีกครั้ง เมื่ออยู่ด้วยกันฉันพบว่า อดีตสามียังคงใจแคบ เฉยชา แถมยังพูดกรอกหูฉันทุกวันว่า มีลูกน่ารัก มีบ้านให้อยู่ มีเงินให้ใช้แล้วเธอยังต้องการอะไรอีก! นอกจากนี้เขาก็ยังเผลอพูดว่า เรือนหอที่ฉันเคยให้เงินสินสอดไปช่วยจ่ายนั้น เขานำไปขายได้เงินมาก้อนโต ทันทีที่ได้ยิน ฉันรู้สึกเหมือนถูกหักหลัง เจ็บปวดจนไร้เรี่ยวแรง ทรุดลงไปกองบนพื้นโดยไม่รู้ตัว ชีวิตแต่งงานพรากทุกสิ่งไปจากฉัน ทั้งลูก เงิน บ้าน เวลากว่าค่อนชีวิต และความรักบริสุทธิ์ วินาทีนั้นฉันเครียดจนเริ่มมีอาการทางประสาท แต่ทันทีที่ได้สติ ฉันก็รีบหนีออกมา อาการเจ็บปวดรุนแรงที่หน้าอกกลับคืนมาด้วยแพทย์ระบุว่าฉันกลับมาเป็นมะเร็งเต้านมอีกครั้ง ฉันตัดสินใจสู้ด้วยการเข้ารับการรักษามะเร็งอีกครั้ง และลงทุนเปิดร้านขายเสื้อผ้าเล็ก ๆ เพื่อหารายได้ดูแลตัวเอง กิจการร้านเสื้อผ้าดีขึ้นเรื่อย ๆ ฉันพยายามหาเงินมาลงทุนเพิ่ม แต่ไม่อยากรบกวนพ่อ เพราะท่านเองก็มีครอบครัวใหม่ […]