บิณฑบาต
ทำไมเทวดาถึงอยากใส่บาตรพระมหากัสสปะ
ทำไมเทวดาถึงอยากใส่บาตร พระมหากัสสปะ พระมหากัสสปะ เป็นพระสาวกที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงยกย่องว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญ (เอตทัคคะ) ในด้านทรงธุดงควัตรและสรรเสริญการธุดงค์ เดิมทีท่านเป็นกุลบุตรในตระกูลพราหมณ์ผู้มั่งคั่งแคว้นมคธ หลังจากได้รับมรดกจากครอบครัวจึงคิดได้ว่าบาปในสมบัติเหล่านี้ย่อมตกแก่ตนจึงสละเรือนออกบวชในสำนักของพระผู้มีพระภาคเจ้า ครั้งพระมหากัสสปะออกจากนิโรธสมาบัติ ได้คิดว่าจะบิณฑบาตโปรดสัตว์ผู้ตกทุกข์ได้ยาก จึงภิกขาจารไปยังตรอกในกรุงราชคฤห์ เทพธิดาทั้ง 500 นาง ซึ่งเป็นข้าบาทบริจาริกาแห่งท้าวสักกะเทวราชได้เลื่อมใสในพระพุทธศาสนาตามจอมเทพแห่งสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เกิดอยากใส่บาตรพระมหากัสสปะ พระเถระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติในธุดงควัตร เพราะได้กลิ่นหอมจากกายของพระเถระฟุ้งไปถึงสรวงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เหล่านางเทพธิดาลงมายังโลกมนุษย์พร้อมกับอาหารทิพย์ที่ประณีตบรรจง รอพระมหากัสสปะผ่านมาตรงที่พวกตนรออยู่ เมื่อพระเถระภิกขาจารมาถึงเหล่าเทพธิดาพากันขอร้องให้พระเถระได้อนุเคราะห์รับอาหารทิพย์ที่พวกนางนำมาถวาย พระมหากัสสปะกล่าวต่อเหล่าเทพธิดาว่า “พวกท่านโปรดกลับไปเถิด บาตรนี้มีไว้สำหรับผู้ที่เข็ญใจเท่านั้น” เทพธิดาตอบพระเถระว่า “ขอพระคุณเจ้าได้โปรดเห็นถึงความมุ่งมั่นและความตั้งใจของพวกดิฉันด้วยเถิดเจ้าคะ” พระมหากัสสปะดีดนิ้วขึ้นพร้อมกับกล่าวว่า “พวกท่านเป็นถึงเทวดา โปรดประมาณตนเถิดว่าสมควรแล้วหรือที่จะทำเช่นนี้ พวกท่านอย่าได้รบกวนเราอีกเลย” เทพธิดาได้ยินดังนั้นก็พากันกลับสวรรค์ ท้าวสักกะเทวราชทรงเห็นเหล่าเทพธิดาก็ทรงแปลกพระทัยจึงตรัสถามว่า “พวกเธอไปไหนกันมา” เทพธิดาทูลว่า “พวกหม่อมฉันตั้งใจนำอาหารทิพย์ไปใส่บาตรพระมหากัสสปะ ซึ่งท่านเพิ่งออกจากนิโรธสมาบัติมา แต่กลับถูกท่านปฏิเสธเพคะ ท่านไม่รับอาหารทิพย์จากพวกเรา เพราะท่านต้องการที่จะโปรดทุกข์ผู้เข็ญใจเท่านั้น” ท้าวสักกะเทวราชทรงถามต่อว่า “แล้วพวกเธอลงไปใส่บาตรท่านด้วยอากัปกิริยาอย่างไร” เทพธิดาตอบว่า “ในรูปลักษณ์นี้เพคะ” ท้าวสักกะเทวราชตรัสขึ้นว่า “พวกเธอต้องไปในรูปลักษณ์นี้” จากนั้นท้าวสักกเทวราชได้จำแลงกายเป็นชายชรา และเนรมิตพระนางสุชาดา พระมเหสีเป็นหญิงชรา จากนั้นก็ทรงชักชวนพระนางสุชาดาลงไปใส่บาตรพระมหากัสสปะ พระมหากัสสปะภิกขาจารมาจนถึงกระท่อมหลังหนึ่งซึ่งมีตายายอยู่ 2 คนกำลังนั่งเย็บและทอผ้าอยู่ภายใน พระเถระกล่าวขึ้นว่า […]
พระภิกษุหากินอย่างไร คำตอบที่น่าสนใจจากพระสารีบุตร
พระภิกษุหากินอย่างไร คำตอบที่น่าสนใจจาก พระสารีบุตร ครั้ง พระสารีบุตร อัครสาวกของพระพุทธเจ้า กำลังบิณฑบาตอยู่ในกรุงราชคฤห์ แล้วแวะฉันภัตตาหารจากบาตรยังเชิงผาแห่งหนึ่ง นางปริพาชิกา (นักบวชหญิงนอกศาสนา) ชื่อว่า “สุจิมุขี” จำพระสารีบุตรได้ว่าท่านได้รับการยกย่องจากพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า เป็นผู้มีปัญญามาก นางจึงเข้าไปหาพระเถระแล้วถามว่า “ท่านก้มหน้าฉันหรือพระคุณเจ้า” พระสารีบุตรตอบว่า “้เราไม่ได้ก้มฉัน น้องหญิง” “เช่นนั้นท่านเงยหน้าฉันหรือ” “เรามิได้เงยหน้าฉัน” “หรือท่านมองทิศใหญ่ฉันเช่นนั้นหรือ” “เรามิได้มองทิศใหญ่ฉัน” “ท่านมองทิศน้อยฉันหรือพระคุณเจ้า” “เรามิได้มองทิศน้อยฉันหรอกน้องหญิง” นางปริพาชิกามึนงงในคำตอบของพระสารีบุตรแล้วกล่าวขึ้นว่า “พระคุณเจ้า ไม่ก้มหน้าฉัน ไม่เงยหน้าฉัน ไม่มองทิศใหญ่และทิศเล็กฉัน แล้วพระคุณเจ้าฉันอย่างไรเจ้าคะ ดิฉันเห็นมานักต่อนักแล้วว่านักบวชทั้งหลายชอบฉัน (หากิน) กับเดรัจฉานวิชา บางพวกพยากรณ์พื้นที่ ดิฉันเรียกว่า ก้มหน้าฉัน บางพวกดูดวงดาว (พยากรณ์ดวงชะตาด้วยดวงดาว) ดิฉันเรียกว่า เงยหน้าฉัน บางพวกชอบเป็นตัวแทนและสื่อสาร (กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ) ดิฉันเรียกว่า ดูทิศใหญ่ฉัน บางพวกชอบพยากรณ์จากอวัยวะ (ตรงกับศาสตร์นรลักษณ์) ดิฉันเรียกว่า ดูทิศน้อยฉัน “ พระสารีบุตรจึงตอบเรื่องการฉัน (หากิน) […]
ทำไมพระต้องบิณฑบาต คลายข้อสงสัยกิจของสงฆ์ที่ปฏิบัติมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล
ทำไมพระต้องบิณฑบาต คลายข้อสงสัยกิจของสงฆ์ที่ปฏิบัติมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล ในตอนเช้าของทุกวัน จะเห็นภาพพุทธบุตรในผ้าเหลือง อันเป็นธงชัยแห่งพระอรหันต์ เดินบิณฑบาตญาติโยม การบิณฑบาตไม่ต่างจากการโปรดสัตว์ เพื่อให้ชนทั้งหลายได้บำเพ็ญทาน สละความตระหนี่ แต่มีใครทราบไหมว่า ทำไมพระต้องบิณฑบาต ครั้งเจ้าชายสิทธัตถะเสด็จออกผนวชเพื่อหาหนทางแห่งการหลุดพ้น ทางฝ่ายศายกวงศ์เกิดความปั่นป่วนเมื่อราชทายาทแห่งพระเจ้าสุทโธทนะหายไปในยามวิกาล จนนายฉันนะนำเครื่องทรงกลับมาถวายพระเจ้าสุทโทธทนะและพระนางมหาปชาบดีโคตมี เครื่องทรงแห่งเจ้าชายไม่ต่างจากคำบอกลา วันเวลาผ่านไปจนกระทั่งเจ้าชายสิทธัตถะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ทรงออกแสดงธรรมโปรดสัตว์สมที่ทรงเป็นพระพุทธเจ้า ที่พึ่งของโลก พระเจ้าสุทโธทนะทรงทราบข่าวการตรัสรู้ของเจ้าชายสิทธัตถะ พระองค์ทรงส่งทูตไปอาราธนาพระพุทธเจ้าให้เสด็จมาเยี่ยมเยือนพระญาติ ไม่ว่าส่งทูตไปกี่คนก็ไม่มีใครพาพระพุทธเจ้าเสด็จกลับมาได้เลย เพราะสุดท้ายจะตัดสินใจบวชเป็นพระภิกษุ จนกระทั่งกาฬุทายีได้รับแต่งตั้งเป็นทูตไปทูลเชิญพระพุทธเจ้า แต่ก็บวชเป็นพระไม่ต่างจากทูตคนอื่น ถึงกาฬุทายีจะบวชเป็นพระภิกษุ แต่ก็สามารถทูลอาราธนาให้พระพุทธเจ้าเสด็จมากรุงกบิลพัสดุ์ได้สำเร็จ พระญาติพากันไม่แสดงความเคารพต่อพระผู้มีพระภาคเจ้า จนกระทั่งพระองค์ต้องแสดงฤทธิ์เหาะขึ้นกลางอากาศให้เหล่าพระญาติประจักษ์ จึงแสดงความเคารพพระพุทธเจ้า เมื่อพระพุทธเจ้าประทับนั่ง อยู่ ๆ ฝนก็ตกลงมาแต่เป็นฝนมหัศจรรย์ ใครที่ไม่อยากเปียกก็จะไม่เปียก ใครที่อยากเปียกก็จะเปียก เรียกว่า “ฝนโบกขรพรรษ” คลิกเลข 2 ด้านล่าง เพื่ออ่านหน้าถัดไป >>>