ฮาร์เปอร์ส บาซาร์ ประกาศผลผู้คว้ารางวัลสุดยอดดีไซเนอร์หน้าใหม่ ในงาน “Harper’s BAZAAR ASIA NEWGEN FASHION AWARD 2018” รอบชิงชนะเลิศ ชิงทุนการศึกษาสถาบันระดับโลก พร้อมโอกาสอวดฝีมือบนรันเวย์ระดับนานาชาติ
แจ้งเกิดดีไซเนอร์เลือดใหม่ไฟแรงมาประดับวงการแฟชั่นมาเป็นปีที่ 5 แล้ว สำหรับ Harper’s BAZAAR ASIA NEWGEN FASHION AWARD (ฮาร์เปอร์ส บาซาร์ เอเชีย นิวเจน แฟชั่น อะวอร์ด) เวทีประกวดสำหรับดีไซเนอร์รุ่นใหม่ผู้มีความฝันที่จะก้าวสู่การเป็นดาวรุ่งระดับเอเชีย
นิตยสาร ฮาร์เปอร์ส บาซาร์ ประเทศไทย นิตยสารแฟชั่นชั้นนำ ร่วมกับ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี และเครื่องสำอาง NARS มอบโอกาสให้ดีไซเนอร์รุ่นใหม่ ได้พัฒนาความสามารถด้านการออกแบบและเรียนรู้เกี่ยวกับการสร้างแบรนด์
จัดงานประกาศผลค้นหาสุดยอดดีไซเนอร์หน้าใหม่ “Harper’s BAZAAR ASIA NEWGEN FASHION AWARD 2018” รอบชิงชนะเลิศ
พร้อมเกาะติดขอบรันเวย์ชมแฟชั่นโชว์สุดอลังจาก 5 นักออกแบบผู้เข้ารอบสุดท้าย และโชว์พิเศษจาก NARS ณ ชั้น G เซ็นทรัล เอ็มบาสซี
ดวง โปษยานนท์ บรรณาธิการบริหาร นิตยสาร ฮาร์เปอร์ส บาซาร์ ประเทศไทย
เปิดเผยว่า “ในฐานะนิตยสารแฟชั่นระดับโลก ฮาร์เปอร์ส บาซาร์ ให้ความสำคัญกับความคิดสร้างสรรค์ และแรงบันดาลใจเป็นสำคัญ โดยได้สานต่อโครงการ Harper’s BAZAAR ASIA NEWGEN FASHION AWARD 2018 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 ซึ่งได้รับความสนใจอย่างล้นหลามจากเหล่านักออกแบบหน้าใหม่
นับว่าเป็นอีกหนึ่งเวทีที่เหล่าดีไซเนอร์มืออาชีพของไทยต่างจับตามอง เพื่อร่วมสัมผัสพลังสร้างสรรค์และชื่นชมผลงานของคลื่นลูกใหม่ที่เปี่ยมด้วยศักยภาพ
คณะกรรมการได้คัดเลือกผู้ที่มีผลงานยอดเยี่ยมที่สุดจำนวน 5 คน ผ่านเข้ารอบสุดท้าย เพื่อร่วมเวิร์คช็อป เรียนรู้วิธีการทำแผนการตลาด และการขายผ่านสื่อออนไลน์ โดยมี curator ที่เป็นเจ้าของแบรนด์ดังของไทย อาทิ
- ศิริชัย ทหรานนท์ แห่ง THEATRE
- พลพัฒน์ อัศวะประภา แห่ง ASAVA
- พิสิฐ จงนรังสิน แห่ง Tube Gallery
- อรประพันธ์ สุทธินรเศรษฐ์ แห่ง Vickteerut
- เอก ทองประเสริฐ แห่ง Ek Thongprasert
เปรียบเสมือนครูพี่เลี้ยง เป็นผู้ให้คำแนะนำ พร้อมแชร์ประสบการณ์ตรง ซึ่งทุกคนสามารถนำไปปรับใช้และต่อยอดแบรนด์ของตนเองได้ในอนาคต
บรม พิจารณ์จิตร กรรมการผู้จัดการ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี
เผยว่า เซ็นทรัล เอ็มบาสซีรู้สึกยินดีที่ได้ให้การสนับสนุนนิตยสาร ฮาร์เปอร์ส บาซาร์ ประเทศไทย ในโครงการนี้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดที่ต้องการเป็นแพลตฟอร์มให้กับผู้ที่มีความคิดสร้างสรรค์ใหม่ ๆ และมีส่วนช่วยส่งเสริมนักออกแบบรุ่นใหม่ให้มีเวทีแสดงผลงานอย่างเต็มศักยภาพ
โครงการนี้ถือเป็นโอกาสที่ดีในการพัฒนาวงการแฟชั่นของไทยให้เติบโตขึ้นผ่านพลังของคนรุ่นใหม่ แต่การจะประสบความสำเร็จจนกลายเป็นดีไซเนอร์ระดับแถวหน้าได้ ย่อมต้องอาศัยทั้งการทำงานหนักและการเป็นตัวของตัวเองเป็นสำคัญ
สำหรับผู้คว้ารางวัลชนะเลิศ ได้แก่ พงศกร ศรียะ ผู้ออกแบบคอลเล็คชั่น “SUITE 98” ตีความจากผลงานเตียงนอนของเทรซีย์ เอมิน (Tracey Emin) ศิลปินหญิงชาวอังกฤษ มาสร้างเรื่องราวใหม่
“ภาพที่เห็นชัดที่สุดในคอลเล็คชั่นนี้ คือ โครงสร้างของเตียงและเครื่องนอน ไม่ว่าจะเป็น ปลอกหมอน หมอนข้าง ฟูก รวมถึงดีเทลต่าง ๆ สำหรับจุดเด่นที่ทำให้ชนะใจกรรมการคงเป็นเรื่องของโครงสร้างของเสื้อผ้า ซึ่งเป็นเรื่องที่ตัวเองฝึกฝนมาโดยตลอด โดยนำความรู้จากการที่ได้ร่ำเรียนจากคณะศิลปกรรมศาสตร์ ภาควิชานฤมิตศิลป์ เอกวิชามัณฑศิลป์ (แฟชั่นสิ่งทอ) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บวกกับประสบการณ์จากการฝึกงานในแบรนด์ดังต่าง ๆ มาหล่อหลอมเข้าด้วยกัน
รวมทั้งการมีที่ปรึกษาที่ดี จากคิวเรเตอร์ คือ พี่แป้ง อรประพันธ์ สุทธินรเศรษฐ์ จากแบรนด์ Vickteerut ซึ่งได้ให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับการทำเสื้อผ้าผู้หญิงอย่างมากว่าใส่อะไรแล้วเหมาะสมกับสัดส่วนและขนาด
ความสำเร็จที่ได้รับจากเวทีนี้เป็นเสมือนพื้นที่พิสูจน์ตัวเอง รวมทั้งเป็นบันไดขั้นแรกในการก้าวสู่วงการแฟชั่นไทย และตั้งใจนำมุมมองใหม่ ๆ ของดีไซเนอร์ไทยไปนำเสนอให้คนต่างชาติได้เห็นความสามารถของเรา
ส่วนรางวัลรองชนะเลิศ ได้แก่ ธรรมชาติ โชคแสน ผู้ออกแบบคอลเล็คชั่น “MEMORY-XXV” ถ่ายทอดภาพความทรงจำจากการได้ไปเที่ยวเชียงใหม่ ผ่านทัศนียภาพสีน้ำ ด้วยการใช้วัสดุจำพวกเส้นไหมเป็นหลัก เผยแรงบันดาลใจของคอลเล็คชั่นว่า
“ผมต้องการนำเสนอในเรื่องของสีสัน และเท็กซ์เจอร์บนผืนผ้า โดยวัสดุหลักเป็นเส้นไหมย้อมสีธรรมชาติที่มีขนาดแตกต่างกัน เพื่อบอกเล่าความหนาและหนักของเนื้อผ้า ผสมกับการใช้วัสดุที่ทันสมัย เช่น เคลียร์ไฟเบอร์ เส้นใยหางม้า ไนล่อน รวมทั้งการใช้ไหมตีเกลียวกับดิ้น เมทัลลิก เป็นการนำวัสดุแปลก ๆ มาใช้ให้เข้ากับเส้นไหม
สำหรับดีไซน์ของเสื้อผ้าในคอลเล็คชั่นนี้ ได้นำวิธีการสวมใส่ของคนโบราณมาเป็นแนวคิดหลัก เช่น การนุ่ง การผูก มาบวกกับโครงสร้างของเสื้อผ้าสมัยใหม่ อย่างเบลเซอร์ เพื่อให้เป็นงานที่จับต้องได้ สามารถสวมใส่ได้จริง ไม่ดูเป็นอาร์ตพีซมากเกินไป กลุ่มเป้าหมายเป็นเจเนอเรชั่นวายที่ชอบศิลปะ และมองว่าเป็นผลงานศิลปะที่สามารถจับต้องได้
“เวทีนี้ถือเป็นต้นทุนที่ดี และทำให้ได้รับประสบการณ์ที่หาไม่ได้รับจากห้องเรียน ตลอดจนได้รับคำแนะนำที่ดีจากคณะกรรมการทุกท่าน โดยเฉพาะ พี่ยุ่ย พิสิฐ จงนรังสิน จาก Tube Gallery ซึ่งคิวเรเตอร์ที่ให้คำปรึกษาที่ดีมาก และช่วยทำให้ผมพัฒนาตัวเองตลอดเวลา ได้เรียนรู้ทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็น การสเก็ตซ์ การเลือกใช้วัสดุของแต่ละลุค การสร้างคอลเล็คชั่นที่เชื่อมโยงกัน การเลือกใช้เครื่องประดับในการตกแต่งเสื้อผ้า เพื่อให้เข้ากับงานออกแบบมากขึ้น”
ทั้งนี้ ผู้ชนะเลิศระดับประเทศไทยจะได้รับเงินรางวัล 100,000 บาท พร้อมได้ร่วมงานกับนิตยสาร ฮาร์เปอร์ส บาซาร์ ประเทศไทย ส่วนรองชนะเลิศจะได้รับเงินรางวัล 50,000 บาท โดยทั้ง 2 อันดับจะได้เป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วมประกวดรอบไฟนอลกับอีก 3 ประเทศ ได้แก่ สิงคโปร์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย
พร้อมโชว์บนเวที Harper’s BAZAAR Fashion Week 2018 ที่ประเทศสิงคโปร์ ในเดือนตุลาคมนี้
รวมทั้งตีพิมพ์ผลงานการออกแบบในนิตยสาร ฮาร์เปอร์ส บาซาร์ ประเทศไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย
สำหรับรางวัลผู้ชนะเลิศในระดับเอเชียจะได้รับทุนการศึกษาปริญญาโทด้าน Fashion & Luxury Management จากสถาบันแฟชั่นมารังโกนี (Istituto Marangoni) ประเทศอิตาลี เป็นเวลา 1 ปี มูลค่ากว่า 1.3 ล้านบาท
ชื่นชมความสามารถและสนับสนุนให้ดีไซเนอร์คนเก่งของไทยได้แสดงฝีมือ เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมแฟชั่น พร้อมติดตามการประกวดผ่าน Facebook : Harper’s BAZAAR Thailand
