การไม่ขัดขวางคนอื่น ก็คล้ายๆ การยอมรับและยินดีที่จะเห็นคนอื่นได้ดี ยกตัวอย่างให้เห็นง่ายๆ เช่น ปัจจุบันคนเรามักมีพฤติกรรมการใช้ ใช้ Social media ในการโพสต์เรื่องราว โพสต์สิ่งที่อยากให้คนอื่นรู้จักตัวเอง และมักจะโพสแต่ด้านดีๆ ของตัวเองแบบ Perfectionist ทำให้เกิดความจริงที่หลอกลวง ซึ่งจะจริงหรือเราไม่อาจรับรู้ได้ แต่นั่นเป็นความพอใจของเขาที่จะทำ ตัวเขาเองรู้ดีที่สุด เราไม่ควรไปขัด หรือไปโต้แย้งเพื่อให้คนอื่นรู้ว่าสิ่งที่คนนั้นทำมันไม่จริง ไม่ควรทำกับคนคนนั้นเลย เพราะมันไม่ได้อะไร
“ไม่” คิดแทนคนอื่น
หลายๆ ครั้งที่เราพลาด เพราะไปคิดแทนคนอื่น หลายครั้งที่เราผิดหวัง เพราะเราคิดว่า เขาทำได้ และก็มีหลายครั้งที่เราไม่สมหวังเพราะเราคาดหวังกับเขามากจนเกินไป ดังนั้น เราไม่ควรคิดแทนคนอื่น เพราะเราอาจจะพลาด เราอาจจะผิดหวัง และไม่สมหวัง นี่เป็นเรื่องความคิดของคนที่ใจไม่กว้าง และไม่กล้าเสี่ยงกับ เรื่องที่เกิดขึ้น แต่หากเราเพียงแค่ เก็บมาคิดในมุมเล็กๆ ของความคิดว่าเราต้องชั่งใจไว้บ้าง อย่าไปคิดแทนใครเลย
คุณเคยไหมที่ขับรถไปบนถนน แล้วคิดว่าเขาจะเลี้ยว ทั้งๆ ที่เขา เปิดไฟเลี้ยว แต่สุดท้ายเขาไม่เลี้ยว และเราก็ชนท้ายของเขาจังเบ้อเร่อ เพราะเราคิดแทนเขาว่าเขาจะเลี้ยว อย่างนี้เป็นต้น ดังนั้น ทำอย่างไรที่จะไม่ให้คิดแทนเขา ก็ต้องตอบว่าให้พยายามคิดว่าการคิดแทนคนอื่นนี่ล่ะ อาจทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายมากมายในสังคม ปกติแล้วคนเราเวลาทำอะไร เรามักจะไม่รู้ หรือคิดไม่ถึงหรอกค่ะ ว่าคนอื่นเขามองเราอย่างไร เราเองก็เคยเป็นคนที่ชอบคิดแทนคนอื่น ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องดี แม้จะหาข้ออ้างกับตัวเองว่า กลัวเขาจะมองอย่างนั้น กลัวเขาจะคิดแบบนี้ บางทีคิดว่าการคิดแทนเหมือนการแคร์คนอื่น แต่จริงๆแล้วการคิดแทนคนอื่น กังวลแทนคนอื่น มันไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องเลย แถมความคิดที่คิดแทนนั้น กลับคิดผิดไปจากความเป็นจริงเสียอีก
“ไม่” อิจฉาคนอื่น
ในบางครั้งความขี้อิจฉาถูกเรียกว่าเป็นอาการของคนที่ทนไม่ได้เมื่อเห็นผู้อื่นได้ดี อยากจะมี อยากจะเป็นเช่นนั้นบ้าง แต่รู้หรือไม่ ความอิจฉาเป็นอุปสรรคสำคัญต่อความสำเร็จ ยิ่งคุณพอใจในสิ่งที่ตัวเองมีมากเท่าไหร่ คุณก็จะมีความสุขและมีโอกาสประสบความสำเร็จได้มากขึ้นเท่านั้น หากจะพูดให้ถูก ความอิจฉาเป็นเพียงเรื่องมายาเท่านั้น เพราะแม้คนอื่นจะรวย จะเรียนเก่ง หรือจะโชคดีมากแค่ไหน สิ่งเหล่านั้นก็ไม่สามารถพรากอะไรไปจากคุณได้ ความอิจฉานั้น เปรียบเสมือนไฟ ที่เผาไหม้จิตใจของคนที่อิจฉานั้น ให้ร้อนรน ทุรนทุราย คิดร้าย มุ่งทำลาย หวังแต่จะเอาชนะแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกับผู้อื่นอยู่ตลอดเวลา จนหาความสงบสุขในชีวิตไม่เคยเจอ
อารมณ์ความ รู้สึกเช่นนี้ เกิดจากสัญชาตญาณของมนุษย์ที่พยายามปกป้องตัวเอง ด้วยการฝังกลบความบกพร่องและความรู้สึกไม่ปลอดภัย ไม่มั่นคง ไว้ภายในจิตใจ แต่จะมีประโยชน์อะไรกับการทำเช่นนั้น เพราะไม่เพียงแต่ความรู้สึกอิจฉาริษยาจะไม่ส่งผลดีต่อการสร้างความสัมพันธ์ และการติดต่อสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพกับคนรอบข้างแล้ว มันยังทำให้ตัวเราเองรู้สึกแย่ด้วย และอาจส่งผลร้ายต่อเนื่องไปยังร่างกาย เช่น ทำให้รู้สึกอึดอัด แน่นท้อง หากเป็นเช่นนี้ เหตุใดยังปล่อยตัวเอง
>>อ่านต่อหน้าถัดไป<<
