ที่สำคัญอีกอย่างคือไม่ควรพูดไม่เปรียบเทียบประสบการณ์ของตนเองกับผู้อื่น เช่น หากใครสักคนหนึ่งพยายามบอกกับคุณว่าเขาได้สูญเสียสมาชิกในครอบครัวไป ไม่ควรตอบรับการสนทนานั้นด้วยการพูดถึงการสูญเสียของตัวคุณเอง ถึงแม้ว่าคุณอาจจะรู้สึกว่านั่นคือการแสดงให้เห็นถึงความเห็นอกเห็นใจกัน แต่อาจทำให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าถูกละเลยหรือเป็นการปฏิบัติต่อประสบการณ์ของผู้อื่นอย่างไม่ให้ความสำคัญ มองเห็นเรื่องของตนเองสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด ปล่อยให้อีกฝ่ายได้มีช่วงเวลาในการถ่ายทอดความรู้สึก และให้กำลังใจด้วยคำพูดหรือภาษากายแทนจะดีกว่า
>> หยุดพูดเรื่องที่ไม่รักษาหน้าของผู้ฟัง <<
ข้อนี้เป็นเรื่องของจิตสำนึกเพราะเมื่อใดที่คุณเป็นฝ่ายถูก อีกฝ่ายเป็นคนผิดก็ควรเปิดทางให้เขาได้รักษาหน้าด้วยการคล้อยตามคุณได้ โดยที่พูดให้เขาเกิดความอับอายน้อยที่สุด แล้วคนคนนั้นจะชอบคุณมากขึ้นเพราะคุณพูดแบบไว้หน้าเขาค่ะ อีกอย่างการฟังคนอื่นพูดแม้ว่าคุณจะไม่เห็นด้วยกับความคิดเห็นของคนอื่น ไม่ได้แปลว่าคุณมีสิทธิจะดูถูกคนอื่นได้ ทุกคนมีสิทธิและเสียงเท่าเทียมกัน และถ้าคุณไม่เห็นด้วย คุณก็ควรให้เกียรติคนอื่นด้วยการรับฟังความเห็นของคนอื่นให้จบก่อนค่อยโต้แย้งอย่างมีเหตุผล
ถ้าคุณรู้สึกว่าสิ่งที่เขาพูดไม่ถูกต้อง หรือเริ่มไม่เห็นด้วย แทนที่จะพูดหักหน้าไปเลยคุณอาจเลี่ยงไปใช้ประโยชน์ประมาณว่า “ฉันไม่ได้รู้สึกแย่แบบนั้นนะ เพียงแต่ฉันแค่ไม่เข้าใจว่าทำไมคุณถึงทำแบบนั้น ช่วยอธิบายให้ฉันฟังอีกทีสิ” จะเห็นว่าแบบนี้ฟังแล้วดูสุภาพกว่าและดูน่าเชื่อถือกว่าการใช้อารมณ์เอาชนะ หรือหักหน้ากัน อย่างน้อยคุณก็ได้ให้ความสำคัญกับสิทธิและเสียงคนอื่นพอ ๆ กับสิทธิและเสียงของตัวคุณเอง ซึ่งจะนำไปสู่ทางออกที่ดีขึ้น เพราะมีการรับฟังความเห็นกันหลากหลายและเปิดกว้างมากขึ้น ถ้าคุณไม่รู้รายละเอียดของผู้อื่น ไม่รู้ว่าสิ่งไหนควรพูดหรือไม่ควรพูด อย่างน้อยที่สุด dการเอาใจเขามาใส่ใจเรา นึกถึงความรู้สึกของคนฟังอยู่เสมอ การพูดคุยกันไม่ว่าจะสถานการณ์ใดก็ตามจะลงเอยด้วยดีในแบบที่สบายใจทุกฝ่ายแน่นอน
>> อย่าพูดจายกยอผู้ฟังจนเกินไป <<
คำพูด “ยกยอ” กับคำพุด “ชมเชย” นั้นต่างกันแค่เส้นบางๆ คั่นเท่านันค่ะ พูดยกยอมีนัยแง่ลบมากกว่า คือมักโยงกับการเอ่ยปากชมแบบไม่จริงใจเพราะหวังผลหรือหวังประโยชน์ส่วนตัว การชมเชยมีจุดประสงค์เพื่อยอมรับและชื่นชมความสำเร็จของคนอื่น ยิ่งความสัมพันธ์คืบหน้าไป การชมเชยก็ยิ่งมีบทบาททำให้ทั้งสองฝ่ายผูกพันธ์กันมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะมันส่งสัญญาณบอกว่าคนอื่นยังสนใจและชื่นชมเมื่อคุณทำอะไรดีๆ
>>อ่านต่อหน้าถัดไป<<
