จงจำไว้ว่า ถ้า “ล้ม” แล้ว จง “ลุก” ให้เร็ว

หากถามว่าคนเราทุกคนที่เกิดมาในโลกนี้มีใครที่เดินได้โดยที่ไม่เคยล้มเลยจะมีไหม? คำตอบคงได้ว่า “ไม่มี” เพราะถึงแม้ไม่ได้ล้มตอนเติบโตขึ้นมาอย่างน้อยๆ เมื่อครั้งยังเป็นเด็กน้อย ตอนกำลังตั้งไข่เกาะฝาผนังอยู่ เดินไปก้าวสองก้าวก็ล้มแผละแล้วก็ลุกขึ้นมา เดินต่อไปอีกหน่อยก็อาจล้มลงอีก จนสุดท้ายก็เดินได้คล่อง หรือถ้ามีใครอยากจะค้านแล้วพูดว่ามีเด็กที่ล้มลงแล้วไม่ยอมลุกขึ้นอีกเลยก็มี นั่นแสดงว่าเด็กคนนั้นเป็นคนพิการค่ะ เพราะหากเขาเป็นเด็กปกติเมื่อล้มแล้วยังไงก็ต้องลุกขึ้นมา จะลุกช้าหรือลุกเร็วอันนั้นก็ต้องแล้วแต่รายบุคคลไป

ที่พูดมาข้างต้นเป็นเรื่องของกายภาพตามกระบวนการทางร่างกายของมนุษย์ที่ล้มแล้วยังไงก็ต้องลุกขึ้นมา แล้วก็เดินต่อ ล้มแล้วก็ลุกอีก แต่ละครั้งก็จะเดินได้ยาวขึ้น เดินได้แข็งแรงและมั่นคงขึ้น แต่ถ้าให้มองในมุมกว้างกว่านั้น ลองดูคนที่เขาประสบความสำเร็จทั้งหลายดูสิ ลองไปเช็คประวัติดูจะพบว่าแต่ละคนกว่าจะยืนหยัดมาถึงวันนี้ได้เชื่อเถอะว่าบาดแผลเต็มตัวทั้งนั้น ทุกคนเคยล้มมาแล้วทั้งนั้น จะน้อยบ้างมากบ้างก็ว่ากันไป แผลเล็กแผลใหญ่แตกต่างกัน แต่ทุกคนก็อดทนล้มแล้วลุกขึ้นยืนสู้ จนประสบความสำเร็จได้ตรงนี้สิสำคัญ

จงอย่าลืมว่าความล้มเหลวไม่ใช่จุดจบของชีวิต ผู้ที่ประสบความสำเร็จทุกคนต่างผ่านพ้นความล้มเหลวมาแล้วทั้งสิ้น ที่แตกต่างคือเขา “ล้มเหลว” แต่ไม่ “ล้มเลิก”  แน่นอนว่าวันที่เราล้มเราอาจเจ็บตัวบ้างแต่หากไม่รีบลุกขึ้นจะเป็นการทำตัวเองให้เจ็บแบบถาวร แต่ถ้าลุกให้ไวความเจ็บก็จะผ่านไปอย่างรวดเร็ว ฉะนั้น ลุกขึ้นเถอะค่ะ อย่ามัวท้ออยู่เลย เคยได้ยินสุภาษิตมั้ยคะว่า “คนที่ท้อเป็นได้แค่ถ่าน แต่คนที่ผ่านจึงจะเป็นเพชร” เราลองมาหาวิธีคิดที่จะทำให้เมื่อเราล้มลงแล้วรีบพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นได้เร็วที่สุดไปพร้อมๆ กันดีกว่าค่ะ

>> เปลี่ยนโฟกัส <<

ตามปกติคนเราถ้าเรามองหรือโฟกัสไปที่อะไร เราก็จะเห็นแต่สิ่งนั้นจริงมั้ยคะ ถ้าเราโฟกัสปัญหาที่เกิดเราก็จะเห็นแต่ปัญหา ไม่เห็นทางออกหรือทางแก้ ถ้าแบบนี้ลองเปลี่ยนโฟกัสดีกว่า หันมาโฟกัสที่วิธีการแก้ปัญหา อย่าไปโฟกัสที่ตัวปัญหา เช่น เรามีปัญหาเรื่องการเงิน มีหนี้สิน แทนที่จะมัวมานั่งวิตกอยู่ว่าเรามีหนี้สินอยู่นะเราเครียดนะ วิธีการที่ควรทำมากที่สุดคือควรคิดว่าจะหาวิธีไหนที่จะหาเงินมาชำระหนี้นั้นจะดีกว่า อย่ามัวนั่งวิตกอยู่เลย เปลี่ยนมาเป็นหาวิธีเพิ่มรายได้เพื่อนำมาสะสางปัญหา (หนี้) แล้วฝ่าฟันวิกฤตเรื่องนั้นไปให้ได้ เชื่อแน่ค่ะว่าถ้าเรามองหาทางออก เราก็ต้องเจอทางออก

>> อย่าให้ความผิดหวังอยู่กับเรานาน <<

เมื่อชีวิตของเราต้องเผชิญความล้มเหลว ความเศร้า ความท้อแท้ หมดหวัง เกิดขึ้นจงบอกตัวเองว่าลุกขึ้นให้ไว อย่าปล่อยให้ความรู้สึกเหล่านี้อยู่กับเรานาน เพราะมันเป็นความรู้สึกด้านลบ หันไปเอาความรู้สึกด้านบวกกลับมาให้ไวที่สุด พยายามนึกถึงแต่ว่าเป้าหมายที่เราวางไว้อยู่ตรงไหน เราอยากทำตามความฝันเหล่านั้นอยู่ไหม ถ้าคำตอบคือ “ใช่” ก็เอาพลังที่เหลืออยู่ทั้งหมดมาทำให้ตัวเองไปสู่จุดนั้น อาจเอาวิธีการที่ทำแล้วเราล้มลงเป็นบทเรียนเพื่อไม่ให้เดินไปล้มซ้ำอีก ถือว่าได้เรียนรู้เส้นทางที่ไม่ใช่ แล้วมองหาวิธีการที่ใช่และเหมาะสมเพื่อให้ไปถึงเป้าหมาย ฉะนั้นรีบลุกเลยค่ะแล้วเดินหน้าไปหาวิธีใหม่ๆ กันต่อเลย

>> ขอบคุณทุกเหตุการณ์ <<

ฝึกให้ตัวเองเป็นคนคิดบวก (positive thinking) โดยเริ่มจากการขอบคุณในทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเรา ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ที่ดี หรือเหตุการณ์ที่เลวร้าย เพราะทุกสิ่งล้วนเป็นประสบการณ์ให้กับชีวิต ขอบคุณทุกสิ่งทั้งสถานการณ์ สถานที่ หรือตัวบุคคล ทั้งที่มีบุญคุณ และเคยทำร้ายเรา เพราะถือว่าเขาเป็นเหมือนครูที่สอนให้เราได้รู้จักคนหลากหลายประเภท เป็นการสร้างความแข็งแกร่งให้จิตใจของเราเอง และก้าวข้ามผ่านเหตุการณ์ต่างๆ เหล่านั้นมาได้ พยายามคิดไว้เสมอว่าทุกสิ่งคือบทเรียน และอุปสรรคต่างๆ ที่เกิดขึ้นจะเป็นตัวผลักดันให้เราก้าวไปสู่สิ่งที่ดีกว่า และในที่สุดก็ต้องไปถึงจุดที่ดีที่สุดแน่นอน

>> หยุดคิดในด้านลบ <<

ถ้าคนเราเอาเวลามานั่งคิดอะไรที่เป็นด้านลบกับชีวิตอยู่ล่ะก็ เชื่อว่าชีวิตก็จะเจอแต่เรื่องลบๆ แน่นอน เพราะการที่เรามานั่งคิดว่าตัวเรานี่แย่จัง ไม่มีความสามารถ ไม่เก่งเอาซะเลย เหล่านี้เป็นการบั่นทอนความคิดด้านบวกของเราได้ ฉะนั้นต้องหยุดความคิดลบๆ เหล่านี้ให้หมด แล้วปรับทัศนคติและความคิดเสียใหม่ จงจำเอาไว้นะคะว่าเราคิดอย่างไรก็จะได้อย่างนั้น ลองเริ่มจากตื่นเช้ามาให้พูดกับตัวเองว่า วันนี้ต้องมีอะไรดีๆ เกิดขึ้นกับตัวเราแน่ๆ การคิดแบบนี้จะทำให้เรารู้สึกว่าทุกอย่างที่เจอเป็นเรื่องดี หรือหากิจกรรมอะไรก็ได้ที่ขัดจังหวะความคิดลบๆ แล้วจะทำให้เรามีความคิดบวก ถ้าเกิดว่าเราคิดลบแล้วเราก็ยังจมอยู่กับมัน มันก็ขยายใหญ่ขึ้นๆ จนเรามองไม่เห็นทางออก

>> ช่างสังเกตและมองให้กว้าง <<   

พยายามมองดูตัวอย่างเป้าหมายที่ยากๆ แล้วรู้จักตั้งคำถามและหาคำตอบให้กับตัวเองให้ได้  โดยเฉพาะคนที่ประสบความสำเร็จมากๆ ควรจะสังเกตเทคโนโลยี หรือความเป็นไปของบ้านเมืองที่เจริญก้าวหน้า แล้วคิดว่าคนที่ประสบความสำเร็จเขาคิดอย่างไร เขามีมุมมองอย่างไร ในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เจอ แล้วเราก็พยายามจะแก้ปัญหาตามแนวคิดนั้นๆ อย่าลืมว่าทุกความสำเร็จย่อมทิ้งร่อยรอยไว้เสมอ มองให้กว้าง แกะรอยให้ถูก เชื่อเถอะว่าสักวันเราจะลุกขึ้นมาสำเร็จได้เหมือนเขา

>> อย่าไปท้อ ให้ฮึดสู้ <<

ต้องท่องเอาไว้เสมอว่าคนเราขอให้ล้มแล้วสู้อย่าไปท้อ ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่มีโอกาสรอเราอยู่ข้างหน้า เพราะฉะนั้นเมื่อเจออุปสรรคหนักเท่าไรก็ตามอย่าไปท้อ ให้ฮึดสู้ วิธีการจะฮึดสู้ได้ หัวใจสำคัญที่สุดก็คือให้รักษาเป้าหมายชีวิตของเราเอาไว้ให้ดี เราต้องการเป็นอะไรก็เขียนลงไปในกระดาษแล้วแปะติดข้างฝา หรือแปะไว้ที่หัวเตียงเอาไว้ดูทุกวัน ยืนหยัดในการรักษาเป้าหมายนั้นไว้ อย่าไปคิดว่ามันไกลเกินเอื้อม หรือไกลเกินฝัน จงรักษาความฝันนั้นเอาไว้เถอะ แล้วค่อยๆ ก้าวเดินไปทีละก้าว จะยากเท่าไร อุปสรรคมากแค่ไหน หากไม่ท้อซะอย่างสักวันก็ต้องเดินไปถึงจุดหมาย หรือหากเจอเรื่องหนักๆ ถามโถมเข้ามาระหว่างทาง ต้องพยายามรักษาหัวใจของเราไว้ให้ดี ให้หัวใจเราเต็มเปี่ยมไปด้วยเรื่องราวดีๆ ตามที่บอก เชื่อสิ อะไรก็ทำลายหัวใจที่แข็งแกร่งของเราไม่ได้

อย่างไรก็ตามเราก็ยังเชื่อเสมอค่ะว่าความสำเร็จของชีวิตของคนเราไม่มีใครที่มีติดตัวกันมาตั้งแต่เกิด แต่เกิดขึ้นจากการทำงานหนัก เกิดขึ้นจากโอกาส หรือบางคนอาจมีโชคช่วย แต่โชคที่ช่วยก็ไม่ได้มีมาตั้งแต่เกิดเช่นกัน ต้องสร้างมันขึ้นมา ซึ่งใครก็สามารถทำได้ คุณเองก็ทำได้เช่นเดียวกัน ดังนั้น อย่ามัวนั่งท้อเมื่อเจอปัญหาหรืออุปสรรค ล้มแล้วจงลุกขึ้นให้ไว อุปสรรคใดๆ ที่เจอมาให้ถือเป็นเรื่องเล็กน้อย ลุกขึ้นมายืนหยัดแล้วก็เดินหน้าต่อไปให้ไวที่สุดจะดีกว่า จะได้ไม่เสียเวลาและโอกาสดีๆ ที่จะเข้ามาในชีวิตยังไงล่ะคะ!!

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

การหาความสุขด้วยตนเอง ไม่ซับซ้อน…แต่ได้ผล!

ถ้าอยากมีชีวิตที่สุข หยุดทำสิ่งเหล่านี้เถอะ

ความสุขไม่ใช่สิ่งที่จะต้อง “มี” แต่คือสิ่งที่จะต้อง “รู้สึก”

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.