การบ่นคนในออฟฟิศมันไม่ได้สร้างประโยชน์ให้ใครเลย!!

“บ่น” คำนี้ทุกคนย่อมต้องเคยทำ แต่เชื่อว่าคงไม่มีใครอยากโดนบ่นใช่มั้ยคะ การบ่นเนี่ยถือเป็นปัญหาระดับชาติเลยก็ว่าได้เพราะผู้นำประเทศบางประเทศก็ชอบบ่นนะ (ฮา) ลองมานั่งคิดดู การบ่นก็ไม่ได้สร้างประโยชน์ให้ใครเลยจริงๆ แม้แต่คนที่เป็นคนบ่นเองก็ตาม และรู้หรือไม่ว่าการบ่นเป็นปัญหาของหลายๆ  องค์กร มีผลการสำรวจออกมาว่าคนที่ทำงานในออฟฟิศใช้เวลากว่า 10 ชั่วโมงต่อเดือน ในการบ่นหรือฟังคนอื่นบ่น โดยเฉพาะเรื่องหัวหน้า  และกว่า 33% ใช้เวลาเกิน 20 ชั่วโมงต่อเดือนในการบ่น คิดเป็น 12.5% ของเวลาทำงานทั้งหมด!

และ “การบ่น” นอกจากทำให้เราเสียเวลาแล้ว ยังทำให้เราเสพติดด้วย เพราะเมื่อเราได้บ่นออกมาใช่ค่ะ มันทำให้เรามีความสุข รู้สึกสบายใจขึ้น แต่มันก็แค่ชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น แล้วก็ต้องกลับไปสู่จุดเดิมอีก ก็จะวนอยู่อย่างนี้ไปเรื่อยๆ และเชื่อเถอะการบ่นส่วนใหญ่จะเป็นการบ่นให้คนอื่นฟัง ไม่ค่อยจะบ่นคนที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้เราบ่นโดยตรงฟัง จริงมั้ยคะ

การบ่นเป็นการเสริมพลังลบให้กับตัวคนบ่นเอง ใครที่ชอบบ่นมากๆ ก็จะถูกมองว่าไม่ดี ทั้งจากเจ้านายและเพื่อนร่วมงาน แต่เจ้าตัวคนที่บ่นเองอาจไม่รู้ตัว แล้วจะทำอย่างไรดีล่ะ เอาแบบนี้ค่ะ!! มันอาจไม่ง่าย แต่ก็ไม่ได้ยากเกินไปที่จะขจัดนิสัยขี้บ่น เราลองมาทำดูมั้ย มาควบคุมอารมณ์ตัวเองให้ดี และเลือกคำพูดให้รอบคอบขึ้น หรือทันทีที่เราเกิดความรู้สึกอยากบ่นขึ้น ก็ลองทำแบบนี้ดูค่ะ

>> ทันที่ที่เราเกิดความรู้สึกไม่พอใจ อละอยากบ่นอะไรออกมาด้วยความโกรธ ไม่พอใจ ให้นึกถึงที่มาของสิ่งที่ทำให้เราโกรธ นึกไว้ก่อนอย่าเพิ่งพูดอะไร แล้วเราจะมีสติขึ้น

>> จากนั้นหายใจเข้าลึกๆ แล้วให้จับอาการของตัวเองไม่ให้ความรู้สึกมันล้นหรือเยอะไปจนคุณทำอะไรล้นๆ ออกมา หรือนิ่งทำอะไรไม่ออกเลย รักษาอาการให้นิ่งให้ได้มากที่สุด

>> ทำความเข้าใจกับปัญหาของเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่เหมารวม ไม่พาล ไม่เอาคนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องมารวมในเรื่องนั้นด้วย และพูดออกไปตรงๆ กับคนที่เป็นต้นเหตุนั้นเลยว่า เหตุการณ์น่าจะดีกว่านี้ถ้า…… คือพูดกับเจ้าตัวตรงๆ ไปเลยค่ะ ไม่ต้องไปบ่นให้คนอื่นฟัง เชื่อสิว่าถ้าทำได้ สุขภาพจิตของทั้งคนบ่น และคนฟัง น่าจะดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่แน่นอน

ทีนี้เราลองมาดูเหตุผลกันว่า เพราะอะไรเราควรเลิกบ่น คนในออฟฟิศเสียที เพราะบ่นไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น เปล่าประโยชน์เปล่าๆ

>> บ่นแล้วก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือดีขึ้น

คนเรามักจะบ่นแต่เรื่องอะไรที่ไม่เป็นเรื่อง โดยเฉพาะการบ่นเพื่อนร่วมงานซึ่งมันไม่มีประโยชน์อะไร เพราะบ่นไปแล้วคนคนนั้นก็ไม่ปรับหรือเปลี่ยนอะไร นั่นแสดงว่าพูดไปก็เท่านั้น ซึ่งการบ่นส่วนใหญ่จะเป็นแต่เรื่องลบๆ ที่เรามีแต่คนนั้น ทำให้เราพูดไปเรื่อย ไม่พอใจอะไรก็บ่นจนอาจติดเป็นนิสัยและเปล่าประโยชน์โดยใช่เหตุค่ะ

>> ไม่มีใครชอบคนขี้บ่น

ลองสังเกตดีๆ การบ่นมักจะเป็นเรื่องเดิมๆ บ่นแล้วบ่นอีก ไม่ค่อยมีเรื่องอะไรใหม่ๆที่ต่างจากเดิม แถมมีแนวโน้มว่าดีกรีการบ่นจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก็อาจทำให้ไม่ค่อยมีใครอยากให้คนขี้บ่นมาอยู่ข้างๆ นอกจากจะสร้างความรำคาญไม่รู้จบแล้วยังทำให้บรรยากาศไม่น่าอยู่อีกด้วยค่ะ

>> อคติไม่มีที่สิ้นสุด

จงจำไว้ว่าความอคติไม่เคยทำให้อะไรดีขึ้น ถ้าคุณไม่ชอบเรื่องที่คนในออฟฟิศบางคนทำอยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว อคติก็จะบังทุกสิ่งทุกอย่าง แม้แต่เรื่องดีๆ เมื่อคุณมีอคติกับการกระทำของเพื่อนร่วมงานคนนั้นแล้ว ต่อให้คนที่ถูกบ่นจะพัฒนาตนเองขึ้นแล้วก็ตาม แต่ยังไงก็ไม่มีทางถูกใจหรือเป็นอย่างที่คุณต้องการได้อยู่ดี เพราะคุณมีอคติกับคนคนนั้น หรือสิ่งนั้นๆ ไปแล้วนั่นเอง

>> บ่นกับไม่บ่นก็ไม่เห็นต่างกันตรงไหน

การบ่นกับการไม่บ่นแตกกันมากแบบชัดเจนเลยค่ะ สิ่งแรกเลยก็เรื่องการมองโลก เพราะคนที่บ่นมักจะคิดแต่ในแง่ลบ อคติจะบดบังทุกสิ่งทำให้จิตใจขาดการชื่นชมยินดี ดีไม่ดีอาจทำให้สุขภาพร่างกายแย่ไปด้วย ที่สำคัญคนที่ชอบบ่นมีแนวโน้มที่จะทำงานได้เสร็จช้ากว่าคนอื่นอีกด้วย เพราะเอาเวลามานั่งคิดถึงเรื่องที่เราบ่นอยู่ เลยไม่ได้ลงมือทำงานสักที

อ่านจบแล้วเห็นได้ชัดเลยใช่มั้ยคะว่าการบ่นคนในออฟฟิศไม่ได้มีอะไรดีขึ้นมาเลย มันได้ไม่คุ้มกับเสียไม่คุ้มเอาเสียเลยคุ้มจริงๆ สู้เอาเวลามาตั้งใจทำงานของตัวเองให้ดี หรือหากมีเรื่องที่ทำให้ไม่สบายใจกับใครสักคนก็พูดหรือเผชิญหน้ากับปัญหาแบบตรงๆ ไปเลยดีกว่าค่ะ

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

จงเลือกคบเพื่อน ที่คอยเปลี่ยนให้เรา “เป็นคนดีขึ้น”

อยากมีชีวิตดี๊ดี ลองเริ่มแบบนี้ดูสิ

พูดให้พอดี ไม่เสียงาน ไม่เสียเพื่อน

Posted in MIND
BACK
TO TOP
Alternative Text
pant
Writer

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.