“อ่านหนังสือ” หนึ่งในงานอดิเรกสลายเครียด

การอ่านหนังสือก่อนนอนช่วยผ่อนคลายความอ่อนล้าของทั้งร่างกายและจิตใจ รวมถึงช่วยให้หลับง่ายขึ้น นอกจากนี้ ยังช่วยจำได้ไม่ลืมมากขึ้น แถมยังมีผลการวิจัยหนึ่งระบุเอาไว้ว่าการอ่านหนังสือเพียง 6 นาที จะทำให้ความเครียดลดลงถึง 60% ที่สำคัญการอ่านหนังสือยังช่วยได้ดีกว่าการฟังเพลง และการดื่มชาเสียอีก แม้ว่าการอ่านจะไม่ใช่ยารักษาความเครียด แต่ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เรารู้สึกดีขึ้นได้

การอ่านจะช่วยทำให้เห็นอกเห็นใจมากขึ้น คนที่มีความเครียดจะมี 2 ลักษณะ เครียดแล้วยิ่งท้อแท้ กับเครียดแล้วไม่ยอมแพ้ต่อปัญหา การอ่านเรื่องราวของคนอื่นบ้าง อาจจะทำให้เห็นประสบการณ์ของคนอื่นมากขึ้น เมื่อเราเห็นปัญหาและรู้วิธีที่จะจัดการกับมันได้แล้ว ก็ควรแบ่งปันเรื่องราว เป็นที่ปรึกษา เพื่อเป็นวิทยาทานให้กับผู้อื่นเช่นกัน แถมมันยังทำให้เราได้มองโลกในมุมใหม่ๆ อีกด้วย ยังไม่หมดค่ะ การอ่านหนังสือเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันให้ตัวเอง เพราะ เมื่อเห็นเรื่องราวและปัญหาของคนอื่นมากขึ้น จะทำให้มุมมอง ความคิด แม้กระทั่งการใช้ชีวิตของตัวเองเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น หากในครั้งต่อไปเกิดปัญหาใดๆ ขึ้นมา ก็คงไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่จะผ่านมันไปได้อีกครั้งครั้ง

ผลการศึกษาชี้ว่า การอ่านหนังสือทำให้คนรู้สึกว่าคุณมีความคิด ความอ่าน และฉลาด ซึ่งนำไปสู่ความคิดที่ว่าคุณมีเสน่ห์มากกว่า ซึ่งเป็นหนึ่งในคุณลักษณะเด่นๆ ที่ผู้หญิงส่วนมากมองว่าผู้ชายเซ็กซี่เลยล่ะ ยิ่งใครที่ชอบอ่านหนังสือที่เกี่ยวกับชีวิตคนที่ประสบความสำเร็จ มักส่งผลให้เกิดแรงบันดาลใจให้คนที่อ่าน อยากทำตาม ดำเนินรอยตาม และตั้งเป้าชีวิตของตนเองเช่นกัน

ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดเจนระหว่างคนที่อ่านหนังสือกับคนที่ไม่อย่างหนังสือคือ “ทักษะด้านภาษา” การอ่านและเขียนให้มาก เป็นวิธีเดียวที่จะช่วยให้เก่งเรื่องภาษาได้ ซึ่งทักษะด้านภาษานี้เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในยุคอินเตอร์เน็ต หนังสือส่งผลอย่างมากต่อชีวิตของเราและบางครั้งมันอาจถึงกับช่วยเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของเราได้เลยทีเดียว ตอนนี้เราหาหนังสือแห่งโชคชะตาพบหรือยัง?

ถ้ารู้ว่าควรเลือกหนังสืออย่างไร เราจะได้หนังสือที่ตอบโจทย์ชีวิตเรา การได้พบกับหนังสือที่ตอบโจทย์ คือทางลัดที่ทำให้เราเก่งขึ้นได้เร็วที่สุด การอ่านหนังสือให้ได้มากไม่ช่วยให้เกิดความเปลี่ยนแปลงเสมอไป แม้ว่าการอ่านหนังสือให้ได้มากจะถือเป็นหนึ่งในวิธีเพิ่มโอกาสการเจอหนังสือที่ตอบโจทย์ แต่เราสามารถเเลือกหนังสือที่เหมาะกับระดับความรู้ของตัวเองในขณะนี้ได้

อนึ่ง จากความใส่ใจและให้ความสำคัญของการ”อ่านหนังสือ” ทำให้สองยักษ์ใหญ่แห่งสองวงการอย่างอมรินทร์ และไทยเบฟเวอเรจ ได้จับมือกันสานต่อโครงการ “ส่งความรู้ สร้างความสุข ปีที่ 2” เพื่อร่วมปลูกฝังให้เด็กไทย มีนิสัยรักการอ่าน สู่การพัฒนาการศึกษาของประเทศ โดยได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมเครือข่ายพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชนให้การสนับสนุนเป็นอย่างดี ซึ่งถือเป็นนิมิตหมายอันดี ที่จะส่งเสริมให้เด็กไทย” รักการอ่าน” มากขึ้น

จากผลสัมฤทธิ์ของโครงการ “ส่งความรู้ สร้างความสุข” ปีที่ ในการคัดเลือกหนังสือที่มีคุณภาพเหมาะกับความสนใจและพัฒนาการตามแต่ละช่วงวัยของเด็กและเยาวชน พร้อมชั้นวางหนังสือ  จัดส่งไปยัง  52  โรงเรียน ใน 29 จังหวัด และสนับสนุนให้โรงเรียนจัดตั้งชมรม “รวมถึงกำหนดให้มีกิจกรรม “อ่านกันวันละ 15 นาที”  โดยมีการติดตามเก็บข้อมูล มีการประเมินผลจากสมุด “บันทึกรักการอ่าน” ร่วมกับคุณครูบรรณารักษ์ หรือคุณครูผู้ดูแลโครงการ  พบว่า 5 เดือน หลังจากการเริ่มโครงการ  นักเรียนที่เข้าร่วมชมรมรักการอ่าน  64%  มีผลการเรียนดีขึ้น แสดงให้เห็นถึงผลสัมฤทธิ์ที่เกิดขึ้นจริง  จากก้าวแรกของความสำเร็จนี้ ทำให้เกิดการสานต่อโครงการในปีที่ 2 และมีแผนจะขยายโครงการให้ครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วประเทศภายในระยะเวลา  3  ปี

สำหรับโครงการ “ส่งความรู้ สร้างความสุข The Happy Read ปีที่ 2” ได้มีแผนการดำเนินงานระยะยาว ที่สามารถสร้างผลลัพธ์ที่ดีให้เกิดขึ้นได้จริง โดยมีแผนงานขยายพื้นที่ มอบโอกาสให้แก่โรงเรียนเพิ่มเติมอีก 50 โรงเรียน  กระจายไปยังจังหวัดในพื้นที่ใหม่ ให้ครอบคลุมกว่า  80%  ทั่วประเทศในปี  2562   ด้วยการส่งมอบหนังสือ  500  ปก  จำนวน  1,000 เล่ม  พร้อมชั้นวาง มูลค่า 250,000 บาท ต่อโรงเรียน   โดยยังคงสนุบสนับสนุนให้โรงเรียนจัดกิจกรรม “อ่านกันวันละ 15 นาที” และจัดตั้งชมรม “รักการอ่าน”  จัดให้มีการบันทึกคะแนนในสมุด “บันทึกรักการอ่าน”  จัดกิจกรรมสัญจรทุกภูมิภาค โดยมีทูตนักการอ่านที่เป็นศิลปิน ดารา  นักแสดง อาทิ สิงโต-ปราชญา เรืองโรจน์, จุ๋ย-วรัทยา นิลคูหา, เจี๊ยบ-ลลนา ก้องธรนินทร์, ก้อย- รัชวิน วงศ์วิริยะ, โอม ค็อกเทล- ปัณฑพล ประสารราชกิจ  ไปร่วมสร้างแรงบันดาลใจในการอ่านให้กับน้อง ๆ  ในโรงเรียนที่จัดให้มีกิจกรรมพิเศษ หลังจากนั้นคณะกรรมการของโครงการจะทำการคัดเลือก 10 บันทึกการอ่านที่น่าสนใจและนักเรียนที่มีผลการเรียนดี จัดงานมอบรางวัลพร้อมแสดงนิทรรศการ “อ่าน 15 นาที ทุกวัน สร้างมหัศจรรย์แห่งชีวิต” เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับเด็ก ๆ ทั่วไป

ผู้สนใจสามารถติดตามบทความสั้นๆ และเคล็ดลับการอ่าน ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย เฟสบุ๊ค แฟนเพจ “The Happy Read”  และเว็ปไซต์  TheHappyRead.com   รวมถึงประมวลภาพผลลัพธ์ความสำเร็จของการปลุกพลังการอ่านและกิจกรรมการลงพื้นที่โรงเรียนอื่นๆ อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ 

คนสมาธิสั้นควรอ่าน! 3 เทคนิคที่ช่วยให้เราจดจ่อกับงาน มีสมาธิ ทำงาน ไม่ขี้หลง ขี้ลืม

9 เล่ม แรงโดนใจ รวม หนังสือชื่อแซ่บ เผ็ดพริกสิบเม็ด!

วิธี ปล่อยวางความเครียด ก่อนนอน

 

 

Posted in NEWS
BACK
TO TOP
Alternative Text
pant
Writer

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.