จึงเป็นที่นิยมนำมาให้กันในวันพิเศษ โดยเฉพาะวันวาเลนไทน์ นอกจากนี้ เมื่อวิเคราะห์สารอาหารที่ได้จากช็อกโกแลต ช่วยลดฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งเป็นหนึ่งในฮอร์โมนที่ก่อให้เกิดความเครียด ความวิตกกังวล ความเจ็บปวด และเพิ่มฮอร์โมนแห่งความสุข และสงบ อย่างเอ็นโดรฟินและเซโรโทนิน นอกจากนี้ ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่สูงอีกด้วย
>> ช่วยป้องกันฟันผุ <<
คุณรู้หรือไม่ว่าโกโก้ในช็อกโกแลตมีสารต้านแบคทีเรียที่ช่วยป้องกันฟันผุอยู่ด้วย แบบนี้กินช็อกโกแลตก็หมดห่วงเรื่องฟังผุไปได้เลย แต่กินแล้วก็ต้องทำความสะอาดฟันให้ดีเหมือนขนมชนิดอื่นๆ นั่นแหละค่ะ ยิ่งกินช็อกโกแลตแบบดาร์กด้วยแล้วเป็นอาหารที่มีความหวานต่ำ เพราะมีสารคาเฟอีนให้ความขมที่เรียกว่าธีโอโบรมีน (Theobromine) อยู่ในปริมาณสูง ดังนั้นกินแล้วจึงไม่ต้องกังวลว่าฟันจะผุจากการสะสมของแบคทีเรียค่ะ
>> เพิ่มความยืดหยุ่นให้กับเส้นเลือด <<
ในช็อกโกแลตมีสาร Flavanoid ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับเส้นเลือดได้เป็นอย่างดี ทั้งยังช่วยบำรุงหัวใจได้อีกด้วย เพราะจากผลการวิจัยของประเทศสวีเดนเผยว่า การกินดาร์กช็อกโกแลตอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งช่วยลดความเสี่ยงจากการเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจได้สูงถึงร้อยละ 44 ทั้งนี้เ ป็นเพราะปริมาณสารฟลาโวนอยด์ในดาร์กช็อกโกแลตนั้นช่วยปรับสมดุลความดันโลหิต เพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปหล่อเลี้ยงหัวใจมากขึ้น ช่วยขยายหลอดเลือด ป้องกันหลอดเลือดแข็งตัวที่จะทำให้เกิดภาวะหลอดเลือดตีบตันได้
>> ช่วยให้กินอาหารได้น้อยลง <<
การดื่มช็อกโกแลตร้อนหนึ่งแก้วก่อนมื้ออาหารทำให้กินอาหารได้น้อยลง เพราะช็อกโกแลตจะช่วยลดความอยากอาหารได้ จึงเหมาะสำหรับคนที่ต้องการควบคุมน้ำหนักได้เป็นอย่างดี จากผลการวิจัยของมหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก เผยว่า รสขมของดาร์กช็อกโกแลตช่วยยับยั้งความอยากอาหารได้ดี โดยเฉพาะอาหารที่มีรสหวาน รสเค็ม และมีไขมันสูง ไม่ใช่ว่าช็อกโกแลตทุกแท่งจะทานแล้วอ้วนเสมอไป ลองเลือกรับประทานช็อกโกแลตแบบไม่มีน้ำตาลหรือมีน้ำตาลต่ำดูค่ะ คาเฟอีนในช็อกโกแลตจะช่วยกระตุ้นระบบการเผาผลาญพลังงานภายในร่างกายได้ และการรับประทานช็อกโกแลตแบบที่มีน้ำตาลต่ำ ๆ ประมาณชิ้นหรือสองชิ้นต่อวัน จะช่วยให้ความอยากรับประทานของหวานลดน้อยลงด้วย นอกจากนี้การออกกำลังกายเพื่อเพิ่มการเผาผลาญพลังงานก็มีส่วนสำคัญอย่างมาก หากยังไม่อยากอ้วนลงพุง
>> กินแต่พอดีไม่ทำให้เกิดสิว <<
ผลเสียจากการรับประทานช็อกโกแลต ที่หลายคนเข้าใจอาจยังไม่ถูกต้องมากนัก ยกตัวอย่าง ในด้านการเกิดสิวที่หนุ่มสาววัยรุ่นมักเป็นกังวลกันมาก ว่าหากรับประทานช็อกโกแลตในปริมาณมากจะทำให้หน้าเห่อไปด้วยเม็ดสิว ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ช็อกโกแลตไม่ใช่ตัวการสำคัญในการเกิดสิวและไม่ได้ทำให้สิวที่เป็นอยู่แล้วเลวร้ายลงแต่อย่างใด
