“กรดไหลย้อน” แม้ไม่ใช่โรคอันตราย แต่ก็รบกวนการใช้ชีวิตคนเราได้พอสมควร!

โรคกรดไหลย้อนจะมีอาการแตกต่างจากโรคกระเพาะอาหารนะคะ โดยผู้ป่วยที่เป็นโรคกระเพาะอาหารมักมาพบแพทย์ด้วยอาการ ปวดแน่นท้อง แสบท้องบริเวณใต้ลิ้นปี่ ท้องอืด ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีการถ่ายอุจจาระเป็นสีดำ หรืออาเจียนเป็นเลือดได้ผู้ป่วยโรคกระเพาะอาหารมักไม่มีอาการแสบร้อนหน้าอกขึ้นมาถึงคอ เหมือนผู้ป่วยโรคกรดไหลย้อน ผู้ป่วยบางรายอาจมีเรอบ่อย และมีน้ำขย้อนขึ้นมาได้บ้างหลังทานอาหารอิ่มใหม่ๆ ทำให้เกิดความลำบากในการวินิจฉัยแยกโรคในผู้ป่วยบางราย

>> คนวัยไหนบ้างที่เสี่ยงกับโรคนี้ <<

โรคกรดไหลย้อนนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย โดยกลุ่มผู้ที่มีความเสี่ยงได้แก่ ผู้ที่มีน้ำหนักเกินมาตรฐาน ผู้ที่ดิ่มสุรา ผู้ที่สูบบุหรี่ สตรีตั้งครรภ์ ผู้ป่วยโรคเบาหวาน รวมถึงคนอ้วนมากๆ ที่มีพฤติกรรมการกินอาหารแบบผิดๆ ตามที่กล่าวมาแล้วข้างต้น นอกจากนี้การใช้ยาบางชนิดก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่เพิ่มปัจจัยเสี่ยงได้เช่นกัน อาทิยาลดความดัน (บางชนิด) ยาแก้โรคซึมเศร้า สำหรับในเด็กเล็กๆ นั้นสามารถพบได้ตั้งแต่วัยทารก โดยอาการของเด็กเล็กๆ จะมีอาการอาเจียนหลังดูดนม โลหิตจาง น้ำหนักและการเจริญเติบโตไม่สมวัย ไอเรื้อรัง ปอดอักเสบ เด็กเล็กๆ บางรายอาจมีอาการหยุดหายใจไปเลยก็มีค่ะ

>> ควรปฏิบัติตัวอย่างไรเมื่อเป็นโรคกรดไหลย้อน <<

เมื่อรู้ตัวว่ามีอาการกรดไหลย้อยเกิดขึ้นแล้ว ทางที่ดีควรไปพบแพทย์เพื่อรับยามารับประทานเพื่อบรรเทาอาการ แต่ทั้งนี้ก็ควรรู้วิธีปฏิบัติตัวเพื่อให้อาการที่เป็นบรรเทาลง นั่นคือการเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต ดังนี้ เริ่มจากหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ ชา กาแฟ น้ำอัดลม อาหารเผ็ดจัด, ระวังน้ำหนักร่างกายไม่ให้เกินมาตรฐาน โดยหมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ, ไม่ควรรับประทานอาหารแล้วนอนทันที ควรเดินขยับร่างกายอย่างน่อย 3 ชั่วโมง เพื่อให้อาหารย่อย, สวมใส่เสื้อผ้าที่พอดีกับรูปร่าง ไม่รัดแน่นจนเกินไป ที่สำคัญอย่าปล่อยให้เกิดอาการเครียด ซึ่งอาจไปกระตุ้นการหลั่งกรดในกระเพาะอาหารให้มากขึ้นนั่นเองค่ะ

อาการกรดไหลย้อนนี่ห้ามละเลยอย่างเด็ดขาดนะคะ เพราะในบางกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการหนัก แพทย์จะไม่อนุญาตให้ทานอาหารที่มีไขมันเลย และงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างเด็ดขาด อาจจะฟังดูทรมานสักหน่อยสำหรับคนที่ชอบดื่มและชอบทานของมัน แต่หากไม่ลดหรือเลิกของเหล่านี้ ความทรมานจากอาการกรดไหลย้อนอาจจะมีมากกว่าได้ และหากว่าอาการหนักเกินกว่าจะเปลี่ยนพฤติกรรมแล้วหายได้ ก็ควรรับประทานยา ซึ่งเป็นยาเคลือบกระเพาะอาหารรักษาแผล และยาลดกรด ในกรณีการผ่าตัด ซึ่งจะพิจารณาเป็นรายบุคคลไป โดยส่วนใหญ่พิจารณาจากการทานยา หากการทานยาได้ผลก็ไม่จำเป็นต้องผ่าตัด แต่ในกรณีที่ทานยาแล้วอาการไม่ดีขึ้น และในผู้ที่ไม่สามารถทานยาได้ในระยะยาว หรือมีผลข้างเคียงจากยาจากแพทย์ก็จะแนะนำให้มีการผ่าตัดค่ะ

หลายๆ คนอาจมองว่าแค่เป็นกกรดไหลย้อนก็ไม่ได้น่ากลัวอะไรมากมายนัก จึงปล่อยปละละเลยไว้จนกลายเป็นแผลอักเสบที่หลอดอาหาร บางรายอาจลุกลามกลายเป็นมะเร็งหลอดอาหารได้เลยนะคะ และมีข้อมูลออกมาแล้วว่าสาเหตุการเสียชีวิตในผู้ป่วยที่เป็นโรคกรดไหลย้อน มาจากการเกิดมะเร็งของหลอดอาหารส่วนปลาย และการเกิดมะเร็งกล่องเสียง แต่ก็เป็นสัดส่วนที่น้อยมากและน่าจะเป็นปัจจัยเสริมกับสาเหตุอื่นๆ มากกว่าเป็นปัจจัยหลัก เพราะฉะนั้นถึงแม้โรคกรดไหลย้อนจะดูเป็นเหมือนอาการที่น่ารำคาญ และไม่ร้ายแรงอะไร แต่ก็ไม่ควรปล่อยปละละเลย อย่างน้อยก็ควรจะปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำในการดูแลตัวเองอย่างถูกต้องค่ะ กันไว้ดีกว่าแก้ เดี๋ยวแย่แล้วจะแก้ไม่ทันน๊า

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ 

ตามดูวิธี…ปฏิบัติตัวอย่างไรไม่ให้เกิดโรคในฤดูฝน!

ไขมันพอกตับ ภัยเงียบที่อาจมาเยือนโดยที่เราไม่รู้ตัว

6 พฤติกรรม กินเค็ม เสี่ยงโรคความดัน ไต หัวใจ และอัมพาต

 

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.