ระดับของการออกกำลังกายแต่ละคนไม่เท่ากัน!

>> ออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ <<  

การออกกำลังกายที่ดีนั้นคล้ายคลึงกับการเรียนที่ต้องเรียนอย่างสม่ำเสมอและใส่ใจ หากคุณออกกำลังกายก็จริงแต่เป็นการออกแบบออกบ้างไม่ออกบ้าง นึกจะออกก็ออกนึกเบื่อขึ้นมาก็หยุดเสียอย่างนั้น ย่อมไม่ได้รับผลเต็มเม็ดเต็มหน่วยจากการออกกำลังกายแน่ ร่างกายที่ทำท่าว่าจะแข็งแกร่งก็เกิดอาการกระตุกหยุดชะงัก เมื่อกลับมาออกกำลังอีกทีก็เหมือนกับต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ เพราะร่างกายจดจำอะไรไม่ได้และไม่แข็งแรงเช่นเมื่อตอนที่ออกกำลังแล้วนั่นเอง

>> ห้ามดื่ม ห้ามสูบ <<

ห้ามดื่มในที่นี้คือ ห้ามดื่มชา กาแฟ เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ขณะออกกำลังกาย เพราะนอกจากจะทำให้ออกกำลังแบบติดๆ ขัดๆ แล้ว ยังจะทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น ซึ่งการออกกำลังก็ทำให้หัวใจเต้นเร็วอยู่แล้ว หากเป็นเครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์ก็จะทำให้มึนเมาและเสียการทรงตัวหรือการควบคุมร่างกายได้ สามารถทำให้เกิดอันตรายได้มากหากคุณออกกำลังกายประเภทการว่ายน้ำ การขี่จักรยาน การวิ่ง

ห้ามสูบ คือ ห้ามสูบบุหรี่ เพราะบุหรี่จะกระตุ้นให้หัวใจเต้นเร็วขึ้นเช่นกันนั่นเอง ทางที่ดีที่สุดคือออกกำลังกายโดยไม่ใส่ใจกับการดื่ม การสูบ หากเลิกได้ก็ควรเลิกซะเพราะมีแต่โทษไร้ประโยชน์ค่ะ

>> หายใจอย่างถูกต้อง <<

ในการหายใจขณะออกกำลังกายนั้นมีความสำคัญอย่างมาก เพราะจะทำให้คุณออกกำลังได้นานขึ้น เหนื่อยช้า และมีความสุขกับการออกกำลัง วิธีการคือให้หายใจเข้าช้าๆ ลึกๆ แล้วค่อยผ่อนอย่างช้าๆ เช่นกัน

>> เตรียมพร้อมก่อนการออกกำลังกาย ด้วยหลัก 5 ประการ <<  

ประการที่ 1 เลือกระยะเวลา:  ระยะเวลาที่ใช้ในที่นี้คือจำนวนเวลาในการออกกำลังกายของคุณว่าควรอยู่ที่กี่นาที กี่ชั่วโมง ซึ่งโดยปกติแล้วคนหนุ่มสาวหรือผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรงควรออกกำลังกายครั้งละประมาณ 1 ชั่วโมง ส่วนผู้สูงอายุ ผู้ที่เป็นโรคประจำตัว ผู้ที่มีสุขภาพไม่แข็งแรงหรือความอดทนของร่างกายมีน้อย ควรออกกำลังกายครั้งละประมาณ 30 นาที สำหรับความถี่ในการออกกำลังกายนั้นก็จะอยู่ที่ 2-4 ครั้งต่อสัปดาห์ แล้วแต่สภาพร่างกายของบุคคลและเวลาที่พอจะมี แต่โดยเฉลี่ยแล้วขอแนะนำให้ออกกำลังเป็นประจำสัปดาห์ละ 3 ครั้ง และถ้าจะให้ดีที่สุดควรเลือกออกกำลังในตอนเช้าตรู่หรือตอนเย็นๆ เพราะอากาศดี ไม่ค่อยมีมลพิษ และยังมีคนมาออกกำลังกายเป็นเพื่อนอีกด้วยค่ะ

ประการที่ 2 เลือกสถานที่: เลือกสถานที่คือ สถานที่ในการออกกำลังกายของคุณว่าที่ใดจึงจะเหมาะที่สุด และสะดวกสำหรับตัวเอง ซึ่งหลักการมีอยู่ว่า ควรเป็นสถานที่ที่ปลอดภัย ไม่เสี่ยงต่ออันตรายหากต้องออกกำลังหรือใช้เวลาในสถานที่นั้นๆ เป็นชั่วโมง, เป็นที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก, เป็นที่ที่สะอาดปลอดจากมลพิษต่างๆ, เป็นที่ที่เดินทางไปกลับสะดวก รวดเร็ว จึงไม่เป็นอุปสรรคในการออกกำลังกายเป็นประจำ, เป็นที่ที่สวยงาม มีสิ่งงแวดล้อมน่าเจริญหูเจริญตา เช่น สวนสาธารณะ สนามมเด็กเล่นในหมู่บ้าน, เป็นที่เอื้อต่อประเภทในการออกกำลังกายของตนเอง เช่น หากเลือกการวิ่ง สถานที่ควรมีเนื้อที่กว้างๆ มีทางให้วิ่งได้สะดวก ไม่มีสิ่งกีดขวางหรือมีการจราจรทั้งคนทั้งรถที่ขวักไขว่

 

ประการที่ 3 เลือกอุปกรณ์ให้เหมาะ: หมายถึงการเลือกอุปกรณ์การออกกำลังกายให้เหมาะกับตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเสื้อผ้า รองเท้า อุปกรณ์กีฬาต่างๆ เพราะอุปกรณ์เหล่านี้จะช่วยเสริมการออกกำลังให้มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และสนุกสนานขึ้นหากไม่ใส่ใจ ประหยัดโดยใช่เหตุก็อาจทำให้การออกกำลังมีอุปสรรคได้ เช่น ใช้รองงเท้าผ้าใบธรรมดาในการวิ่งที่ไม่รองงรับแรงกระแทกเมื่อวิ่งไปนานๆ จะทำให้เจ็บขา เจ็บข้อ หรือเท้าบวมได้

ประการที่ 4 รู้จักอบอุ่นร่างกาย: การอบอุ่นร่างกายคือ การออกกำลังกายเล็กๆ น้อยๆ ประมาณ 5-10 นาที ด้วยการกายบริหารหรือการทำท่าต่างๆ ก่อนการออกกำลังกายทุกครั้งเราต้องอบอุ่นหรือวอร์มร่างกายเสียก่อน เนื่องจาก เป็นการเตรียมความพร้อมของงร่างกาย เหมือนเป็นการบอกร่างกายว่าได้เวลาที่จะออกกำลังกายแล้วนั่นเอง ซึ่งจะเป็นการเตรียมสภาพกล้ามเนื้อ หัวใจ และปอดให้พร้อมใช้ได้จริงก่อน, ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ คือ ช่วยให้กล้ามเนื้อได้เคลื่อนไหว ไม่ตึงตัว ตัวแข็ง มีความยืดหยุ่นพร้อมที่จะออกกำลังกายที่หนักขึ้นได้, ลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บ การอบอุ่นร่างกายจะช่วยลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บต่างๆ ที่เกิดจากการออกกำลังกายได้ เพราะเราได้ทำให้ร่างกายมีความพร้อมมากขึ้นแล้วหากไม่อบอุ่นร่างกายแล้วออกกำลังกายเลย อาจทำให้ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เอ็นพลิก เอ็นฉีกได้

ประการที่ 5 รู้จักดูแลตัวเองทั้งขณะออกกำลังกายและหลังออกกำลังกาย: การดูแลตัวเองขณะออกกำลังกายและหลังออกกำลังกายมีความสำคัญต่อควาปลอดภัยและประสิทธิภาพของการออกกำลังกายด้วย ไม่แพ้การอบอุ่นร่างกายเลย ซึ่งคุณต้องใส่ใจและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เช่น

  • หยุดทันทีเมื่อมีอาการ คุณควรหยุดออกกำลังกายทันทีเมื่อร่างกายส่งสัญญาณอันตรายดังต่อไปนี้เพราะนั่นหมายถึงร่างกายทนต่อการออกกำลังอีกไม่ไหว อยากพักหรืออยากหยุดแล้ว เช่น หายใจไม่ทัน แน่นหน้าอก เป็นตะคริว วิงเวียนศีรษะ หน้ามือเป็นลม เมื่อยล้าหรือเจ็บปวดกล้ามเนื้อบริเวณต่างๆ มาก หรือหัวใจเต้นแรงและเร็วผิดปกติ
  • อย่าหยุดออกกำลังทันที ก็เหมือนกับการขับรถที่ควรเหยีบคลัตช์เพื่อชะลอรถก่อนที่จะเหยียบเบรก เพราะหากเหยียบเบรกดังเอี๊ยดจะหยุดกะทันหันเสียจังหวะได้ การออกกำลังกายก็เช่นกันควรเริ่มต้นด้วยการอบอุ่นร่างกาย ออกกำลังกายจริง แล้วค่อยปิดท้ายด้วยการผ่อนคลายร่างกายอีกครั้งด้วยการออกกำลังกายเบาๆ ก่อนหยุดทันที 5-10 นาที คล้ายกับการอบอุ่นร่างกายนั่นเอง ก็จะทำให้ร่างกายค่อยๆ ผ่อนคลายทั้งร่างกายแบบค่อยเป็นค่อยไป การหายใจและหัวใจจะเต้นช้าลงจนเข้าสู่สภาวะปกติที่ทำให้ร่างกายไม่ได้รับอันตรายได้

>>อ่านต่อที่หน้าถัดไป<<

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.