สัญญาณของความร่วงโรย! รู้ได้อย่างไร? ว่าวัย “ร่วงโรย” ถามหาแล้ว

Alternative Textaccount_circle
event

สาวๆ เคยสงสัยกันหรือไม่คะว่าเราจะรู้ได้อย่างไรว่าตัวเองเข้าสู่วัย “ร่วงโรย” แล้ว? ให้ลองนับอายุตัวเองดูว่าคุณอายุเกิน 25 ปีไปกี่ปีแล้ว เพราะวัยแห่งความร่วงโรยนั้นเราเริ่มนับกันตั้งแต่อายุ 25 ปีเป็นต้นไป ซึ่งหลายคนอาจจะคิดว่าแค่ 25 เนี่ยนะก็ถือว่าแก่แล้วหรือ น่าจะเริ่มนับเอาตอน 30-40 ปีมากกว่า ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะวัย 25 ปี นี่ล่ะค่ะถือเป็นวัยแห่งการเริ่มต้นของความร่วงโรยเลยล่ะสังเกตได้ไม่ยาก แม้ว่าอาการจะยังไม่ปรากฏชัดเจนนัก แต่หากเรายอมรับความจริงและพินิจพิเคราะห์สภาพร่างกายของตัวเองดูจะรู้ว่าร่างกายของเราเริ่มต้นที่จะร่วงโรยแล้ว แม้ว่าหลายคนจะรู้สึกกระฉับกระเฉง มีไฟในตัวเอง แต่เรื่องของวัยที่มากขึ้นทุกวันๆ ย่อมเป็นอุปสรรคและเตือนให้เรารู้ว่าร่างกายของเราเหลือเวลาใช้งานได้แบบมีประสิทธิภาพน้อยลงแล้ว

ดังนั้นหากคุณเข้าสู่วัย 25 ปีไปแล้ว ต้องเริ่มหันมาสำรวจร่างกายของตัวเองแล้วล่ะค่ะ สำรวจทั้งร่างกายและจิตใจตัวเองดูว่าเรามีระดับความร่วงโรยมากน้อยแค่ไหน เพื่อที่จะได้เร่งหันมาดูแลตัวเองให้ความร่วงโรยทำร้ายเราให้ช้าที่สุด ซึ่งสัญญาณที่จะบอกว่าเราเริ่มเข้าสู่วัยร่วงโรยมีอะไรบ้างนั้น ไปเช็คพร้อมๆ กันเลยค่ะ  

>> สัญญาณว่า…แรงตก <<  

แรงตกในที่นี้คือเรี่ยวแรงและกำลังที่เคยมีแบบเต็มพิกัด ตอนนี้ได้ลดน้อยถอยลงจนแทบจะเรียกได้ว่าหมดเรี่ยวหมดแรงกันเลยทีเดียว เช่นเมื่อสมัยที่อายุประมาณ 20 ปี เคยเดินออกกำลังกายได้วันละ 4-5 กิโลเมตร ก็ไม่รู้สึกเหนื่อย แต่พอตอนนี้เดินไปได้นิดหน่อยเริ่มต้องควักยาดมดมขึ้นมาดมแล้ว หรือเมื่อก่อนเคยวิ่งตามรถประจำทางทัน แต่ตอนนี้ไม่ทันและไม่สนแล้วเพราะเท้ามันวิ่งไม่ไหว แม้ใจจะสู้ก็ตามที เรียกว่าเรี่ยวแรงตกลงไปเกินครึ่ง ทำอะไรนิดอะไรหน่อยก็เหนื่อยง่ายหรือทำได้ก็ไม่สำเร็จเท่าที่ควรเหมือนแต่ก่อนค่ะ

>> สัญญาณว่า…ความจำไม่ดี <<  

ความจำเริ่มไม่ดีนี่ไม่ถึงกับว่าความจำเสื่อมนะคะ แต่หากเทียบกับตอนเป็นวัยเด็ก วัยหนุ่มสาวแล้ว เทียบกันไม่ได้จริงๆ เช่น เคยเป็นคนความจำดี จำได้ในเวลาอันรวดเร็ว และแม่นยำ จำได้นาน พออายุเริ่มมากขึ้นก็เปลี่ยนไป คือจำได้น้อยลง จำได้เป็นบางอย่าง จำได้ไม่จบเรื่องจบตอน จำได้รางๆ เหมือนเคยผ่านหูผ่านตามาก่อน แต่นึกเท่าไรก็นึกไม่ออก จำไม่ได้เลยทั้งที่เมื่อก่อนเคยจำได้แม่น หรือแม้แต่การจำเรื่องนั้นมารวมกับเรื่องนี้จนกลายเป็นเรื่องใหม่ก็มีเช่นกัน

>> สัญญาณว่า…ร่างกายไม่ค่อยยืดหยุ่น <<  

ตอนที่เราอายุยังน้อยร่างกายจะมีความยืดหยุ่นสูง แต่พอเริ่มเข้าสู่วัย 25 ปี ไปแล้วละก็ ร่างกายจะเริ่มแข็งขืน ความยืดหยุ่นที่มีลดลง ตัวเริ่มจะแข็งเพราะร่างกายขาดความยืดหยุ่นตามวัยและการไม่ดูแลรักษาตัวเอง เช่น เคยเอื้อมมือไปแตะปลายเท้าได้ง่ายๆ แต่ตอนนี้เอื้อมได้แค่หัวเข่าก็ถือว่าดีแล้ว แคยทำท่าสะพานโค้งได้ มาตอนนี้สะพานน่าจะหักเสียก่อนเพราะหลังและมือยืดลงปไม่ไหว และมีความรู้สึกว่าตัวแข็ง ทำอะไรได้ไม่เต็มที่ เหมือนตอนอายุยังน้อยๆ นั่นเอง

>> สัญญาณว่า…ผิวพรรณหยาบกร้าน <<  

เมื่อเริ่มเข้าสู่วัย 25 ปีขึ้นไป ผิวพรรณก็เริ่มที่จะหยาบกร้านเป็นธรรมดา จากผิวที่เคยเรียบเนียน ตึงเปรี๊ยะก็เปลี่ยนมาเป็นผิวที่หยาบขึ้น แม้จะสังเกตได้ไม่ชัดเจน แต่ก็ต้องยอมรับในความเปลี่ยนแปลงว่าเป็นแบบนั้นจริงๆ ซึ่งจะสังเกตได้ชัดบริเวณผิวใบหน้า ผิวมือ ผิวเท้า ที่จะดูหยาบกร้านมากขึ้น

>> สัญญาณว่า…หย่อนยานเป็นบางส่วน <<

แม้จะมีวัยเพียง 25 ปี หรือมากเกินกว่านี้ไม่เท่าไร แต่ความหย่อนยานในบางส่วนก็เริ่มจะถามหาแล้ว แม้จะเห็นไม่ค่อยชัดมากก็ตาม เช่น ช่วงใต้คางที่หย่อนลงมาเล็กๆ ที่เรียกว่าเหนียงนั่นเอง, ช่วงท้องแขนที่ห้อยและหย่อนลงมาจนเห็นได้ชัด, ช่วงก้นที่หย่อนและดูไม่ตึงกระชับเหมือนเมื่อก่อน, ช่วงหน้าอกที่เริ่มสังเกตได้ถึงความคล้อยต่ำลงมาหรือหากใครมีมากก็ดูหย่อนมาก และช่วงหน้าท้องที่แม้จะเป็นคนไร้ไขมัน แต่จะเห็นได้ว่าหน้าท้องหย่อยคล้อยลงมาเหมือนคนอ้วนเลยล่ะค่ะ

>> สัญญาณว่า…มีจิตใจด้านลบมากขึ้น <<  

จิตใจด้านลบที่ว่านี้มีหลายประการ ซึ่งล้วนเป็นด้านที่ไม่ดี นอกจากจะทำให้รู้สึกแย่แล้ว ยังส่งผลเสียต่อไปยังร่างกายอีกด้วย เช่น จิตใจหดหู่หมองเศร้าทั้งๆ ที่เป็นเรื่องไม่น่าเศร้าเลยแท้ๆ, เครียด คิดมาก กับเรื่องไร้สาระหรือเรื่องที่ไม่ควรเครียด, เหนื่อยง่ายกับสิ่งรอบๆ ตัว ทั้งที่เมื่อก่อนเคยเป็นเรื่องที่ตัวเองชื่นชอบ อย่างการชอปปิ้ง การดูหนัง ฟังเพลง การจับกลุ่มเม้าท์กับเพื่อนสาว เป็นต้น

>> สัญญาณว่า…หลับไม่ลง <<

เมื่ออายุเริ่มมากขึ้นแทนที่จะอยากพักผ่อนมากขึ้น แต่เปล่าเลย ร่างกายกลับเล่นตลกกับเราด้วยการไม่ยอมหลับยอมนอน หรือถึงแม้หลับตาแต่จิตใจและร่างกายก็ยังตื่นอยู่ จะสังเกตได้ว่าคนที่อายุเริ่มมากขึ้นมักจะบ่นว่านอนไม่ค่อยหลับ ถึงจะนอนไปแล้วหลายชั่วโมงก็เหมือนคนไม่ได้นอน ซึ่งสาเหตุหนึ่งก็มาจากวัยที่มากขึ้น และจากความเครียด ความกังวล การกินอยู่ ประกอบกันหลายๆ อย่าง หลายคนถึงขั้นนอนไปตั้งนานตื่นมายังรู้สึกอ่อนเพลีย เมื่อยตามเนื้อตัว เหมือนได้นอนไม่กี่ชั่วโมง บางรายหลับไปตั้งหลายชั่วโมงก็เป็นการนอนที่หลับๆ ตื่นๆ ซึ่งถือเป็นการนอนที่ไร้ประสิทธิภาพค่ะ

>> สัญญาณว่า…ผมหงอก <<  

ผมหงอกในที่นี้คือผมหงอกที่ได้รับอานิสงส์มาจากความร่วงโรยแห่งวัยนะคะ ไม่ใช่เกิดจากกรรมพันธ์ หรือมรดกตกทอดจากคุณพ่อคุณแม่ที่เราไม่สามารถปฏิเสธได้ พูดง่ายๆ ก็คือเมื่ออายุมากขึ้นผมของเราจะเริ่มเปลี่ยนสีอ่อนลง จนกลายเป็นผมขาวหงอกไปทั้งศีรษะแต่หากอายุยังไม่มาก แล้วผมหงอกน่าจะเกิดจากกรรมพันธ์ การได้รับยาบางชนิด การถูกพิษของแมลงบางชนิด หรือจากความเครียด เป็นต้นค่ะ ไม่ใช่จากวัยที่ร่วงโรยแต่อย่างใด

เอาล่ะค่ะ ทั้งหมดนี้คือสัญญาณที่บ่งบอกว่าเราเริ่มก้าวเข้าสู่วัยแห่งความร่วงโรยแล้ว แม้จะเคยมีคำกล่าวของคนในสมัยโบราณที่บอกว่า “คนเราจะฝืนอะไรก็ฝืนได้ แต่ไม่สามารถฝืน ความร่วงโรย และความตายได้” ก็ตามที แต่สมัยนี้ถ้าเรารู้ทันและมีการป้องกันเพื่อให้ความร่วงโรยนั้นมาเยือนเราได้ช้าที่สุด ถึงแม้จะฝืนไม่ให้แก่ได้ แต่เราสามารถดูแลให้แก่ลงช้าที่สุดได้นะคะ ด้วยคำแนะนำดีๆ ที่เราเคยนำเสนอไปมากมาย ลองเอาไปทำตามดูนะคะ แต่ก่อนอื่นอย่าลืมสำรวจร่างกายของตัวเองก่อนว่าเรามีสัญญาณเตือนหรือยัง เพื่อที่เราจะได้รับมือกับความแก่และความร่วงโรยให้มากร้ำกรายได้ช้าที่สุดค่ะ

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

มาสร้างเสน่ห์ตั้งแต่หัวจรดเท้าไปพร้อมกันเถอะ!!

ดูแลผิวหน้า ผิวกาย ให้เหมาะสมกับวัยของตัวเอง

Make to body …มารีเซ็ตร่างกายให้ห่างไกลคำว่า “อ้วน”

keyboard_arrow_up