CHANN Bangkok noi

เปิดแรงบันดาลใจ คุณกระทิง ลุฌาณ สือวงศ์ประยูร เจ้าของโรงแรม CHANN Bangkok noi ฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจในยุคโควิด19

เรามาถึงจุดเปลี่ยนของชีวิต จุดเปลี่ยนที่เราไม่คาดคิดว่ามันจะเกิดนั่นก็คือ เกิดโรคระบาดร้ายแรงที่สุด โรคที่เรียกกันว่า “โควิด 19” เชื้อร้ายที่เข้ามาทำให้ทั่วโลกตกอยู่ในสถานะการณ์ที่เลวร้าย เกิดล้มป่วยและเสียชีวิตเป็นจำนวนมากส่งผลกระทบกับการใช้ชีวิตที่เป็นปกติสุขของผู้คนทั่วโลก ถือเป็นการเกิดโรคระบาดที่ร้ายแรงและกินเวลาต่อเนื่อยาวนานเป็นปี

เมื่อย้อนไปธุรกิจที่เรียกว่าทำเงินให้กับประเทศต่อเนื่องนั่นก็คือ ธุรกิจเกี่ยวกับท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวจากต่างประเทศหลายๆ ประเทศต่างนิยมเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศคึกคักทำให้เศรษฐกิจของประเทศไทยขับมีการขับเคลื่อนไปอย่างราบรื่น หลายๆ ธุรกิจต่างถือกำเนินขึ้นในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจร้านอาหาร ร้านค้าต่าง ๆ รวมไปถึงกิจการโรงแรมที่พักก็มีเพิ่มมากขึ้น

คุณกระทิง ลุฌาณ สือวงศ์ประยูร

คุณกระทิง ลุฌาณ สือวงศ์ประยูร เจ้าของโรงแรม CHANN Bangkok noi

วันนี้เราก็ถือโอกาสได้มาพูดคุยกับ “คุณกระทิง ลุฌาณ สือวงศ์ประยูร” เจ้าของธุรกิจโรงแรม CHANN Bangkok noi ผู้ซึ่งนำพาธุรกิจโรงแรมของเค้าฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจในยุคโควิด 19 จนปัจจุบันโรงแรม CHANN Bangkok noi โรงแรมสวยติดริมแม่น้ำเจ้าพระแห่งนี้ยังยืนหยัดอยู่ได้ คุณกระทิง จะมีแนวคิดหรือแรงบันดาลใจอะไรที่ทำสามารถบริหารธุรกิจโรงแรมของเค้า ที่เรียกว่าไม่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาพักเลย ให้มีรายได้เลี้ยงปากท้องพนักงานในโรงแรมและค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นนี้ได้ หวังว่าเรื่องราวเหล่านี้อาจจะเป็นกำลังใจให้คนที่กำลังประสบปัญหาธุรกิจในยุคโควิด19 ได้เห็นว่ายังมีหนทางที่ทำให้เราผ่านวิกฤตเลวร้ายนี้ได้ เพียงแค่คุณไม่ท้อและลุกขึ้นสู้เท่านั้นเองค่ะ

จุดเริ่มต้นของการทำธุรกิจโรงแรม อะไรที่ทำให้ลุกขึ้นมาดำเนินธุรกิจแนวนี้

“ก็ต้องเรียนตรงๆ ว่า จริง ๆ แล้วเราเป็นเจนเนอร์เรชั่นที่สองแล้วครับ ของบริษัท แต่ผมเป็นลูกชายคนโต เราโตมาจากสิ่งพิมพ์ก่อนพวก Garment แล้วก็มาขยายธุรกิจจริง ๆ ก็ด้วยเรื่องของรถยนต์ กับเรื่องของอสังหา ซึ่งแพลตฟอร์มตรงนั้นคือทางผู้ใหญ่ทุกคนเค้าก็มีทีมที่ซับพอร์ตอยู่แล้ว แล้วเราก็คุยกับทางบ้านว่า เราน่าจะมีธุรกิจสักตัวนึงที่เป็น Passive income น่ะครับ ก็คือได้รายได้ไม่ได้เยอะ แต่ค่อย ๆ มีเข้ามาตลอดอะไรแบบนี้ ก็อันนี้ก็คือพูดย้อนไปประมาณปี 2017 นะครับ ตอนที่ยังไม่มีโควิด เราก็เปิดโรงแรมช่วงนั้น ซึ่งก่อนหน้านั้นเราก็เตรียมการมาตั้งแต่ประมาณปี 2014 คือ ปี2013 เราคุยกันและ ว่าเราจะทำโรงแรม ผมก็โอเค ตัดสินใจเข้าเรียนบริหารโรงแรม แล้วก็คุยกับทางบ้านไว้แบบ โอเค Project นี้ เรามีความตั้งใจเมื่อจบแล้วเข้ามาบริหารเลย มันก็เลยเกิดขึ้นว่าธุรกิจทุกธุรกิจของเรา มันเป็นผลิตมาขาย คือซื้อมาขายไป ซึ่งไม่มีธุรกิจไหนที่จะเป็น Passive income เลย คำตอบมันก็เลยเป็นโรงแรม ว่าโอเคลองมาแนวๆ นี้ดูครับ”

พูดถึงการออกแบบโรงแรม และการเลือกโลเคชั่นของที่นี่ มีหลักอะไรบ้างค่ะแล้วทำไมถึงเลือกที่ดินติดแม่น้ำ

“เบื่องต้นเราเองเป็นคนชอบน้ำ ชอบแม่น้ำ ชอบทะเล ชอบเห็นไม่ได้ชอบลงไปเล่นนะครับ  เราก็เลยคุยกับที่บ้านว่า ถ้าจะทำโรงแรมโรงแรมแรก เราก็ขอคุยไว้แบบเราอยากได้โรงแรมริมน้ำเพราะว่ามันง่าย มันสบาย ต่อผู้พักอาศัย แล้วก็ ambienceเพราะว่ามันให้ความสงบแล้วก็ไม่มีความวุ่นวาย เราก็เลย survey จริง ๆ คือสำรวจมาเยอะมาก ตั้งแต่เจริญกรุง ฝั่งแถวไอคอนสยาม ฝั่งอะไรก็ตาม แต่มันไม่ได้ที่ที่ถูกใจ  คือแม่น้ำตรงนั้นมันก็วุ่นวาย แล้วก็ด้วยราคาตรงนั้นด้วยเราก็สู้ไม่ไหว แล้วก็มีวันนึงมาเดินอยู่ฝั่งตรงข้ามศิริราชนั่นก็คือที่นี่ แล้วก็เห็นว่าที่ดินแปลงนี้ คือถูกใจมากครับเห็นแล้วรู้สึกว่าชอบเลย แต่ชอบ ณ วันนั้นนะแต่ไม่รู้นะว่ามันลึก คิดว่าเออมันต้องมีถนนที่จอดรถอะไรบ้างแหล่ะ แต่ก็ไม่มี ไม่มีอะไรเลยจริงๆ ครับ และต้องเดินผ่านแหล่งชุมชนถึงจะเข้ามาถึงที่นี่ได้

CHANN Bangkok noi

ก็คุยกันกับทีมว่า แต่วิวที่นี่ดีมากๆ แต่ถ้ามีที่จอดรถที่ตรงนี้คือสุดยอดมาก แต่โอเคก็ยอมรับตรง ๆ ว่ามันไม่มี เราก็ปัก Google earth เนี่ยแหล่ะแล้วก็ดูว่าถ้าไม่มีที่จอดรถเราจะแก้ปัญหานี้กันยังไง แต่ด้วยความที่คุณพ่อเองก็เป็นนักพัฒนาที่ดินอยู่แล้ว เค้าก็ไปเสาะแสวงหาทางเข้ามาจนเจอ แล้วเรามาดูกัน พอกลับบ้านไปก็มานั่งคุยกัน มันต้องมาวิเคราะห์กันว่าถ้าจะสวยขนาดนี้ก็ต้องแลกกับว่าต้องเดินเข้าลึก มันเป็น Big Decision มากเลย แต่เราก็ยังมีความเชื่อว่าวันนึงคนไทยจะถูก Educate ให้เหมือนฝรั่งที่กล้าที่จะ ไม่ได้รักความสะดวกสบายขนาดนั้น เราก็เลย ด้วยความคิดเข้าข้างตัวเองเพราะอยากได้ด้วยแหล่ะ ก็บอกไปว่า ไม่เป็นไรเอาแปลงนี้แหล่ะ เราเชื่อว่าเราทำได้ แต่ถามว่ายากไหม บอกตามตรงว่ายากมาก เปิดมาตอนแรกนี่แบบเรื่องทางเข้านี่ค่อนข้างจะเป็นอุปสรรค์ เบอร์ 1 เลยล่ะครับ เพราะคนไทยส่วนมากต้องการความสะดวกสบาย ก็ถือว่าเป็นโจทย์แรกที่ยากพอสมควร”

แนวคิดและการออกแบบของ CHANN คืออะไร

“เราตีความว่า การที่ทำบ้านทรงไทยเนี่ย เรายึดว่าเราเป็นบ้านหลังแรกในคลอง เพราะฉะนั้นการจะเป็นบ้านหลังแรกต้องเป็นตัวอย่างที่ดี เพื่อเวลาฝรั่งนั่งเรือหางยาวจะได้แบบ รู้สึกว่า เออเนี่ยวิถีชีวิตแบบคนกรุงเทพ ฯ สมัยก่อนริมน้ำ ต้องเป็นแบบนี้ มันก็เลยเป็นแนวคิดของการสร้างตรงนี้ขึ้นมา แล้วก็พอเราสร้างตรงนี้ขึ้นมาปุ๊บ ก็เจอกับลูกค้าที่มีทั้งผู้สูงอายุและเด็ก เราก็ค่อนข้างเหนื่อย เพราะว่าเค้าก็ 50 – 60 ทุกคนมีปัญหาเรื่องทางเข้า และต้องการให้รถเข้ามาให้ได้ ซึ่งผมก็หาทางแล้วก็ไม่น่ามีทางจนต้องคุยกับทางวัด ซึ่งตอนแรกวัดก็ไม่เข้าใจว่าเรามาทำอะไร ก็ไม่ให้ลูกค้าจอดรถ เราก็คิดๆ ว่าจะเอายังไงกันดี แต่สุดท้ายก็โอเคดีลกันลงตัว แล้วก็เราไม่ได้ปรับความเข้าใจกับลูกค้า แต่เราเปลี่ยนกลุ่มลูกค้าเลย ในประมาณปีสองปีต่อมา ก็เปลี่ยนกลุ่มลูกค้าเลย กลุ่มที่เป็นเด็กและผู้สูงอายุมากๆ ก็น้อยแทบจะไม่มีเลย ก็เป็นวัยรุ่นล้วน ๆ เพราะว่าเราต้องการคนมีแรงเดินจริงๆ ครับ”

คอนเซปต์หลัก ๆ ของที่นี่คืออะไร

คอนเซปต์จริงๆ ที่นี่รวมกันด้วย 3 เรื่อง จริง ๆ มีแค่ Historical เป็นประวัติศาสตร์ มีเรื่องของชุมชน มีเรื่องของความเป็นธรรมชาติ ก็มีอยู่ 3 เรื่องนี้ ที่เราให้ทางสถาปนิก ออกแบบ ซึ่งสถาปนิกเองเราก็ค่อนข้างสนิทกับเค้า แล้วเค้าก็ขอเลยว่าห้ามแก้แบบ เค้าจะเอาไปประกวด แล้วก็ทีนี้พอไม่แก้แบบไปประกวดเนี่ย ความสวยมันมีอยู่แล้ว แต่ว่าเรื่องงบประมาณก็สูงเหมือนกัน ครับสำหรับที่นี่ เพราะว่าก็ขอใช้ไม้สักทั้งหลังนะ ซึ่งบ้านไม้สักทั้งหลังก็ Cost สุดยอดมาก แล้วก็ได้รางวัลมา เป็นเหมือนไปประกวดของสถาปนิกของเมืองนอกอะไรแบบนี้ครับ ที่นี่ก็ได้รางวัลมา หลังจากนั้นก็กลายเป็นที่ให้เยี่ยมชมของ architect ไปโดยปริยาย ทุกคนก็เข้ามาถ่ายรูปๆ เต็มไปหมด ก็พอคอนเซปต์ตรงนี้มาปุ๊บเราก็บอก จริงๆ โจทย์ลึก ๆ ที่ให้เค้าไปคือทำยังไงก็ได้ให้คนเห็นปุ๊บนะ ไม่เกิน 1 นาทีแรกต้องคิดว่าเป็นบ้านเรือนไทย แต่ถ้าอยู่ไปสักพักขอให้ฟิลลิ่งเปลี่ยนเหมือนสแกนดิเนเวียนมินิมอล เค้าก็ออกแบบมาจนได้เพราะว่าถ้าคนมาอยู่ที่นี่จริง ๆแล้วเนี่ย มันไม่ได้มีความเป็นไทยเลย มันดูเหมือนญี่ปุ่นด้วยซ้ำมันมีความเป็น Minimal มันมีความเป็นญี่ปุ่น แล้วก็ใช้เฟอร์นิเจอร์เป็นแบบสแกนดิเนเวียน คือเค้าก็ทำออกมาได้ค่อนข้าง”

อะไรคือจุดเด่นที่ทำให้ทาง “ชานบางกอก” เป็นที่รู้จัก

“จริง ๆ ชานเป็น ชานเติบโตมาจากการเป็นคนแก่ก่อน เราวางชานว่าเป็นคนแก่ คลานเข้าเข้าหาลูกค้าเมื่อตอนเริ่มเลยนะ คลานเข่าเสิร์ฟน้ำแบบ welcome drink เป็นน้ำสมุนไพร มีขนมชั้นเป็นแบบฟิลนั้นเลย ทีนี้เราก็เริ่มรู้สึกว่าแบบโหถ้าเราจะไปในแนวนั้นเนี่ย แล้วเราแบบตอนนั้นอายุเพียง 23 เข้ามาบริหาร เราเองก็ไม่เก็ทอยู่แล้ว แต่ถูกวางแพทเทิร์นไว้แบบนั้น เราก็มานั่งคุยกับทีมว่าแบบ ทีมนี่ก็คือน้องสาวแบบตอนนั้นก็อายุ 22 แฟนเราก็อายุ 24 คุยกันแบบ เอาไงดี ถ้าทำต่อไปมันค่อนข้างฝืนเรามากๆ เลย ถ้าอย่างนั้น ลบภาพเดิมออกหมดเลย คิดซะว่าเจนเนอรชั่นคุณย่าคุณยายที่เราเคยคุยกันว่าแบบ เหมือนมาพักบ้านปู่บ้านย่าบ้านยายที่ได้เสียไปหมดแล้ว เพราะฉะนั้นต้องเปลี่ยนมุมมองละ กับการตลาด เราก็เลยบอกว่า เราเริ่มการตลาดที่เป็น old school ทั้งหมด เว็บไซด์ผมสั่งให้ลบทิ้งผมไม่เอา ก็เป็นการตัดสินใจที่แบบไม่รู้ถูกรู้ผิดนะ แต่เราตัดสินใจด้วยคนเจน ฯ เราอ่ะ เราไม่เคยจองโรงแรมผ่านเว็บไซด์ แล้ว OTA (Online Travel Agency) ผมก็ตัดเหลือแค่ 2 เจ้า แล้วก็ไม่ได้แคร์ด้วย เพราะว่าผมขายใน OTA แพงมาก ผมเชื่อว่าคนน่ะชอบความคุ้มค่าและการ custom ที่มัน Match กับเค้า ผม OTA ผมก็เปิดราคาสูงเลย ฝรั่งคนไหนอยากจะ OTA ก็ OTA ไป ส่วน Facebook เราก็มาคุยกันแบบ เราไม่ได้ขายของแพง แต่เราขายของคุ้ม ซึ่งถามว่าแพงไหมถ้าดูราคา แพงเมื่อเทียบกับโรงแรมริมแม่น้ำใหญ่ ๆ ราคาจะไปเบียดเค้าเลย คุณจะเอาอะไรไปเบียดเค้าที่จอดรถก็ไม่มี บอกไม่เป็นไร พักที่นี่กินอิ่มนอนหลับ ได้ full option request อะไรเป็นพิเศษได้แทบทั้งหมด เพราะเราว่ารู้สึกว่าไหน ๆ เค้าก็มาแล้ว ลำบากเดินเข้ามาลึกขนาดนี้ เค้าจะขออะไรนิดอะไรหน่อย ให้เค้าไปเถอะ เราก็ปรับการตลาดเป็น Facebook 100% เราใช้ Facebook 100% ผมก็ไปนั่งเทคคอร์สเลย เพราะว่าเราก็เรียน Facebook ว่าแบบ ยิง ad ยังไงทำอะไรยังไง แล้วก็ใส่ความเป็นวับรุ่นเข้าไป ชานจุดพีคที่สุดที่ทำให้คนรู้จักก็คงจะเป็นเรื่องของ Arch x Chann เมื่อโควิดรอบแรก อันนี้คือเราประสบความสำเร็จกับคาเฟ่ Arch ที่ปุณณวิถีมา เราก็คิดอะไรไม่ออกแหล่ะ เพราะเราก็มองมุมที่ต่างจากคนอื่นเช่น โรงแรมจะมาเป็นคาเฟ่ได้ไหม? แล้วทำไมจะเป็นไม่ได้ คนอื่นน่ะเวลาสมัยก่อนเราเข้าโรงแรม เราจะรู้สึกกระอักกระอ่วนใจเวลาเข้าไปนั่งในลอบบี้ทั้ง ๆที่ตรงนั้นเป็นพื้นที่โรงแรม แล้วก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเรา แล้วเราจะไปโรงแรมทำไม ฟิลนั้น แต่ว่าเราก็เลยมองว่า ไม่เป็นไร งั้นก็มองซะว่าคนซื้อกาแฟกับคนมาเข้าห้องพักเนี่ย มีค่าเท่ากันเลย คุณมีสิทธิ์ใช้ facility เหมือนกันเลย เปิดเป็นคาเฟ่ไปเลยแล้วก็โปรโมทขึ้นมาว่าเป็นโปรเจกต์ Arch x Chann ตอนแรกว่าจะทำสั้น ๆ ไป ๆมา ๆ คนวัยรุ่นเริ่มชอบ เริ่มได้มาถ่ายรูปอะไรแบบนี้ ก็เป็นกระแสยาวขึ้นมา แล้วก็ที่จุดพีคจุดนึงที่เรามีนั่งเรือจิบกาแฟ ก็เชื่อว่าเป็นเจ้าแรกของกรุงเทพ ฯ นะเท่าที่เห็น ก็คือจ่ายกาแฟแก้วละ 500 แล้วก็ไปลงเรือแบบ Luxury speed boat 30 นาที อันนี้ก็เป็นไวรัลขึ้นมา หลังจากนั้นก็ completely แล้วว่าเปลี่ยนฐานลูกค้าก็กลายเป็นแบบวัยรุ่นขึ้น

ชานบางกอกน้อย

ช่วงโควิดโรงแรมเกิดผลกระทบมากน้อยเพียงใด และต้องมีการปรับเปลี่ยนอะไรบ้าง

“ช่วงโควิดทางเราโดนหนักกันมากเลยครับ ก็มีการประชุมปรับกันแบบยกใหญ่เลยทีเดียว ว่าการปรับสิ่งเหล่านี้ช่วย work balance ยังไง จะมีการบริหารแบบไหนกันบ้าง คิดเยอะมากเลยครับ เอาปัจจัยภายนอกกับลูกค้าก่อนนะ คือถ้ามันโควิดแล้วไม่ได้ปิดประเทศ ไม่ได้ล็อกดาวน์หรืออะไรก็แล้วแต่เนี่ย เราบอกว่าเราอาจจะมีปัญหาแค่ประมาณ 50% เพราะลูกค้าที่มาที่นี่เราก็รับวันนึงประมาณสองสามห้องอยู่แล้ว แล้วเราก็ไม่เคบรับเกินวันละ 6 ห้อง เพราะว่าเราบอกเลยว่าแบบ เราไม่อยากรับลูกค้าเยอะในแต่ละวัน เว้นแต่ที่ทำห้องมาเยอะ ๆ เว้นแต่เสาร์-อาทิตย์หรือว่าช่วงที่เป็น High Season ที่นี่จะมีห้องทั้งหมด 22 ห้องแต่ว่าเปิดขายจริงอยู่ประมาณ 14 ห้อง  นอกนั้นก็ปรับมาเป็นห้องอาหาร เป็นห้องใช้ส่วนตัวเก็บของอะไรแบบนี้ เพราะว่าจริง ๆ แล้วโรงแรมเราเนี่ยจริง ๆ ถ้าจะมี มี 6 ห้องก็พอ เพราะห้องที่ขายได้ก็มีอยู่แค่ 6 ห้อง ลูกค้าก็จะรีเควสกันอยู่ห้องเดิม ๆ เพราะวิวสวย ก็พอในมุมโควิดเนี่ยถ้าไม่ล็อกดาวน์ไม่มีปัญหา แต่ล็อกดาวน์เมื่อไหร่ คนเกิดความ panic เมื่อไหร่เนี่ย อันนี้เหนื่อย เพราะว่า คนจะเข้าพักก็ไม่กล้าเข้า แต่ว่าก็แปลกใจเหมือนกันว่าแบบโควิดรอบ 1 รอบ 2 เนี่ย 1 กับ 2 คนไม่มาเข้าพักโรงแรมเลยนะ จนต้องตัดสินใจปิดโรงแรม แล้วก็ตอนนั้นมาขายอาหาร กับกาแฟแกลลอน ก็ขายอาหารจานยักษ์ประมาณ แบบกินได้ประมาณ 3 คน จานละสามสี่ร้อย ก็เป็นกระแสอยู่ช่วงหนึ่ง เสร็จแล้วพอเปิดล็อกดาวน์คนก็กลับมาพักปกติ พอมารอบ 2 ก็เริ่ม blank และเพราะไปเริ่มงง ๆ และ ก็กลับมาขายแบบ พอมันเป็นรอบสามมั้งนะ รอบ 3 ก็เลยคิดว่าขายไก่ทอด เพราะว่าเราก็คุยกับทีมว่าแบบ โรงแรมอะไรมันจะขายข้าวเหนียวไก่ทอดกันนะแล้วก็มาเป็น delivery ก็เกิดเป็นไวรัลขึ้นมาอีกว่าแบบ โรงแรมอะไรมาขายไก่ทอด โอเคเราก็รอดได้มาตรงนั้น แล้วมันก็มาล็อกอีก.. เราก็ตัดสินใจ ไอ้ข้าวกล่องเนี่ย ข้าวกล่องที่เกิดขึ้นมาเนี่ย มันเกิดจากการคุยเล่นกัน แล้วก็แบบเออทำไมเราไม่ทำข้าวกล่องล่ะ แม่ครัวก็มี ครัวก็มี โรงพยาบาลก็อยู่ใกล้ ๆ คือเราสามารถเอาอาหารร้อน ๆ ไปเสิร์ฟได้เลยใน 15 นาทีอ่ะ ที่แบบอยู่รอบโรงพยาบาลเลยอ่ะ ตรงนี้ ก็ลองทำดู เจ้าแรกสั่งมาร้อยกล่อง เราก็แบบ โอ้โหเหนื่อยมาก 50 บาท ร้อยกล่อง ปกติขายห้องก็ได้เท่านี้แหล่ะ แต่เราก็คุยกันแบบ ช่างเหอะแบบก็ตัดเรื่องกำไรออกไปเลยแล้วก็ เอาสนุกแล้วกันรอบนี้ เออ ทีนี้พอเอามันเราก็โอเค จบมาก็ จริง ๆโปรเจกต์เราชอบทำช่วงสั้น ๆเพื่อให้เป็นกระแสแล้วจริง ๆ เราไม่ได้ซีเรียสที่จะทำอะไรต่อยาว ๆ พอมันครบประมาณ เราตั้งเป้าไว้ 1,500 กล่อง ว่าเราจะต้องทำให้ได้ภายใน 1 เดือน อ่ะพอคิด 1,500 ในหนึ่งเดือนปุ๊บ เราเปิดคลายล็อกดาวน์พอดี เราก็ไม่โปรโมทและ เปลืองค่า Facebook ใครอยากทำก็ทำต่อ แต่ว่าถ้าลูกค้าไม่ได้อยากทำก็ไม่เป็นไร อาจจะมีโปรยบ้าง เพราะว่าโรงพยาบาลเองก็มีติดต่อมาว่าแบบ ยังไม่พอ ให้ลูกค้าช่วยกันทำเพิ่มอีก เราก็บอกว่าลูกค้าจริง ๆเค้าก็อยากทำเพิ่มแต่บางทีเค้าก็ไม่ไหวแล้วเหมือนกัน “

มีเหตุการณ์อะไรที่ เคยท้อหรือเคยที่แบบไม่อยากทำแล้วบ้างมั๊ย

“อืม.. จริง ๆ ก็เหตุการณ์ที่เคยท้อหรอ ผมว่ามันมีกับโควิช่วงรอบแรกอ่ะ แต่พอมันผ่านมาแบบ..จะสองปีแล้วอ่ะ คือช่วงนั้นเราก็แบบ มันไม่ได้ท้อหรอก มันเหมือนแฟนบอกเลิกมากกว่า ฟีลลิ่งประมาณนั้น คือเหมือนฟ้าผ่าตื่นมาแล้ว เกิดอะไรขึ้น คือจากขายได้วันนึงสี่ห้าหมื่น หกหมื่น เจ็ดหมื่น เหลือวันละแบบสองร้อยสามร้อย แล้วเราก็คิดว่าแบบเฮ้ยมันไม่เป็นไรหรอกมั้ง แล้วมันเริ่มจริงขึ้นเรื่อย ๆ ไง ผ่านห้าวันแรก สิบวันแรก สิบห้าวัน.. ตายแล้วและจะอยู่ยังไงเนี่ย ก็ท้อไหมหรอ? เราก็คุยกับลูกน้องตรงๆ ว่าใครไม่ไหว และรู้สึกว่าเราไม่มั่นคงเราให้ออกเลยไม่เป็นไร สามารถเลือกวันนี้ได้เลยเราจะไม่ยื้อใครทั้งนั้น แต่ถ้าใครไหวเราบอกว่า เรามีให้เลือก 2 ออปชั่น เพราะเราบอกเลยว่าเราไม่ไหวจริงๆ เราก็บอกตามตรงว่า เราเป็นโรงแรมเล็กเราไม่มีเงินจ้างคุณขนาดนั้น เรามีให้เลือก 2 ออปชั่น มาทำงานครึ่งนึง จ่ายครึ่งนึง กับมาทำงานเต็มๆ เลยแต่จ่าย 80% คุณเลือกเอา ก็เค้าก็ต้องไปเลือกเอาเองว่าเค้าจะมาทำงานตามปกติแล้วเงินเดือนถูกลด 30% หรือจะมาครึ่งจ่ายครึ่งก็ได้ ก็คำตอบมันก็มีอยู่ 2 กลุ่มคือ กลุ่มแรกคือออกเลย ไปกันตอนนั้นก็ไปกันครึ่งโรงแรมอ่ะ กลุ่มที่สองคือไม่เป็นไร ลด 30%ก็ได้ มันก็เลยกลายเป็นกลุ่มที่เหนียวแน่นกันจนมาถึงทุกวันนี้ เราก็เลยปรับระบบการบริหารเลยว่าถ้ายังมีโควิดอยู่ 1 คน 1 ตำแหน่ง แล้วอยู่กันไป อยู่ให้ได้ แล้วเอาทุกคนมาวนทำงานให้ได้ในทุก ๆ จุด คือแม่ครัว ช่างเอง หรือว่า front เอง ผัดกับข้าวได้ทุกคน ถ้าออร์เดอร์ไก่ทอดเข้าเนี่ย วิ่งแย่งกันไปทอดเลยเรียกว่าทอดไก่กันได้ทุกคนกระบ้งกระเบื้องหลุดอ่ะ Front มาช่วย ได้หมด ต้องทำได้ เพราะว่าเราบอกแล้วว่า multitasking เป็นเรื่องสำคัญสำหรับยุคนี้ เพราะว่า 1 คน 1 ตำแหน่งอาจจะไม่เหมาะสำหรับโรงแรมเล็ก แต่ว่าถ้าไปโรงแรมใหญ่แล้วคุณจะเป็น Front จะรับแค่ลูกค้า อันนี้ได้นะ ผมก็บอกเค้าตรง ๆ ว่าได้นะ แต่ถ้าอยู่กับผมอ่ะ ผมไม่ไหวว่ะ เพราะว่าผมไม่ได้มีกำลังขนาดนั้น”

อยากให้กำลังใจหรือข้อคิดกับคนที่ธุรกิจแนวนี้บ้างมั๊ย

“จริง ๆ มันก็มีทางเลือกอยู่ 2 ทาง ก็คือจะสู้หรือจะยอมแพ้อ่ะขั้นแรกก่อนเลย คือเราก็ตอบตัวเองมาในวันนั้นนะว่าจะสู้หรือจะยอมแพ้ อ่ะถ้าเราเลือกสู้ สิ่งที่จะให้แนวคิดได้ก็คือ คุณต้องปรับให้เร็วอ่ะ ต้องเปลี่ยนให้ทัน แล้วก็อย่ายึดติดในตัวตนว่าคุณเป็นใคร คือก็ยังเชื่อในสิ่งนี้มาเสมอนะว่าอย่าไปสนใจเลยว่าแบบคุณจะร่ำรวยมาจากไหน จะ success มาจากช่วงไหน วันนึงก็ตกต่ำได้เหมือนกัน แล้วก็อย่าไปกลัวที่จะแบบหาแนวทางใหม่ ๆ ในการสร้างเงินขึ้นมา หลายคนกลัวเพราะว่า กลัวเสีย Brand positioning กลัวเสียภาพลักษณ์ แต่เชื่อเถอะว่าแบบ บางที income มันสำคัญกว่าภาพลักษณ์อ่ะ และเดี๋ยววันนึงคนจะเชื่อในภาพลักษณ์เอง ไม่เป็นไรหรอก ค่อยสร้างใหม่ก็ได้ แล้วก็ไม่ต้องแคร์ว่าคุณจะเป็นธุรกิจอะไร ถ้าบางอย่างโอกาสมันเข้ามา ปรับเลย ทำได้ แล้วก็ต้องไม่ยอมแพ้นะ ยิ่งเจอกับยุคนี้ด้วย ต้องตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาว่ารัฐบาลมันจะประกาศอะไรอีกหรือเปล่า ก็ต้องเข้าใจ บางทีอย่าไปรับงานไกล อย่าไปรับงานล่วงหน้า เอาแค่ week นี้ก่อน และเดี๋ยว week หน้าเดี๋ยวปิดอีกยุ่ง ก็ฟิลนั้น”

เป็นอย่างไรกันบ้างค่ะ เรื่องราวของคุณกระทิง ที่แชร์ประสบการณ์การทำธุรกิจโรงแรมในช่วงยุคโรคระบาด แต่สามารถแก้ปัญหาต่างๆ ได้ด้วยแนวคิดที่ปรับตลอดเวลา ตื่นตัวในทุกสถานการณ์ และที่สำคัญคือไม่หยุดที่จะสู้ สำหรับชาว Goodlife ที่กำลังมีธุรกิจส่วนตัวอยู่ในยุคโควิดนี้ ลองอ่านเรื่องราวที่คุณกระทิงได้เล่าไว้นี้ไปเป็นแรงผลักดันในการต่อสู้กับวิกฤตเศรษฐกิจที่แย่ในยุคนี้กันได้นะ เพราะทุกปัญหามีทางออกเสมอค่ะ อยู่ที่ว่าคุณมีแนวคิดอย่างไร ขอให้สู้ไปด้วยกันแล้วเราจะผ่านมันไปได้ค่ะ

สามารถชมรีวิวโรงแรม CHANN Bangkok noi

โดย Admin Pakkimji
ภาพประกอบโดย คุณคิว

บทความเช็คอินกินเที่ยวแนะนำ

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.