เป็นคนใหม่ที่ไฉไลด้วย ทฤษฎี 21 วันเปลี่ยนชีวิต ให้ดีกว่าเดิม
อยากจะปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตให้ดีกว่าเดิม แต่ต้องทำนานแค่ไหนกันถึงจะไม่รู้สึกว่าฝืน หรือทำจนกลายเป็นนิสัยไปแล้ว? เชื่อว่าหลายๆคนเคยได้ยิน ” ทฤษฎี 21 วัน ” ที่ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง การทำงาน การทำให้ติดเป็นนิสัย การปรับพฤติกรรมต่างๆให้เคยชิน หรือแม้แต่การจีบสาว ก็ตาม วันนี้ GL ก็เลยจะขอหยิบยืม ” ทฤษฎี 21 วัน ” มาปรับใช้ให้เราเป็นคนใหม่ที่ไฉไลกว่าเดิม ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข และสร้างคุณค่าให้กับตัวเราเองกันค่ะ
ทฤษฎี 21 วัน คืออะไร ?
ขอเกริ่นนำก่อนว่า เจ้าทฤษฎี 21 วัน เนี้ยมาจากหนังสือเรื่อง “Psycho-Cybernetics” ซึ่งเป็นผลงานของนายแพทย์ชื่อดังสัญชาติอเมริกาอย่าง Dr.Maxwell Maltz โดยในหนังสือเล่มนี้ก็ได้กล่าวถึง ทฤษฎี 21 วัน หรือ 21-Day Habit Theory ว่าคือการที่เราทำสิ่งเดิมๆ จะร่างกายและความคิดความรู้สึกของเราเคยชินกับสิ่งๆนั้นจนกลายเป็นนิสัย หรือสิ่งที่ทำเป็นประจำไปแล้ว ซึ่งร่างกายของเราจะจดจำสิ่งที่ทำนั้นได้จากการที่เรา ลงมือทำสิ่งๆนั้นในทุกๆวัน วันละอย่างน้อย 15 นาที ต่อเนื่องเป็นเวลา 21 วันเป็นอย่างต่ำ นั่นก็แปลว่า หากเราต้องการที่จะปรับพฤติกรรมอะไร ก็ให้อดทนลงมือทำมันไปเรื่อยๆจน 21 วัน แล้วพอเป็นวันที่ 22 เราก็จะเคยชินกับมันไป โดยไม่ได้รู้สึกฝืนที่จะต้องทำเท่าตอนแรกอีกต่อไป
1.เข้านอน และตื่นนอน ให้เป็นเวลา
เริ่มต้นในการเพิ่มเวลาให้แก่เรามากขึ้นด้วยการ ตื่นแต่เช้า อาจจะไม่ต้องเช้าตรู่ก็ได้ในวันหยุดพักผ่อนของเรา แต่เชื่อหรือไม่ว่าการตื่นนอนแต่เช้า และตื่นในเวลาเดิมๆ หรือใกล้เคียงกันทุกๆวัน จะช่วยทำให้ระบบต่างๆในร่างกายของเราสามารถทำงานได้อย่างเป็นระบบ และมีประสิทธิภาพ และยิ่งเราตื่นขึ้นมาตอนเช้า ก็จะทำให้เรามีโอกาสที่จะไปต้อนรับแสงแดดยามเช้า ที่ทำให้เราตื่นตัว กระปรี้กระเปร่า สดชื่นแจ่มใส แถมร่างกายของเรายังได้รับวิตามินดี และอีกสิ่งสำคัญก็คือยังทำให้เรามีเวลาที่จะไปทำอะไรได้มากขึ้น ลองคิดดูว่าหากเรานอนตื่นสายทุกวันๆ เราหมดเวลาไปกับการนอนกี่ชั่วโมง จำนวนชั่วโมงที่เราเสียไป เราอาจจะสามารถทำอะไรมากมายให้สำเร็จก็ได้ เช่นเดียวกันกับการเข้านอนให้เป็นเวลา สำหรับหลายๆคนเชื่อเลยว่าการเข้านอนให้ไวอาจจะเป็นเรื่องที่ยากมาก หรือแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ยิ่งชีวิตคนเมือง ไหนจะเลิกงาน กลับบ้าน กว่าจะได้เข้านอนก็เลยเวลาที่ควรจะนอนไปเสียแล้ว ถ้างั้นเราอาจจะปรับเป็น การเข้านอนให้ได้ในช่วงเวลาเดิมๆ เพื่อให้ร่างกายของเราจดจำว่าเรามักจะเข้านอนเวลานี้นะ แล้วร่างกายจะไปปรับระบบต่างๆเองว่าควรจะทำงานแบบไหนในเวลาไหน แต่ที่สำคัญคือ การนอนของเราจะต้องมีคุณภาพที่ดีด้วย ดังนั้นอย่าละเลยในการจัดสภาพแวดล้อใการนอนให้ดี หรือสำหรับใครที่เลี่ยงไม่ได้ถ้าจะต้องนอนในห้องที่เปิดไฟสว่างๆ ก็อาจจะหาเป็นผ้าปิดตาสักอันมาหลอกร่างกายของเราว่ามันมืดแล้ว เราควรนอนแล้วก็ได้นะคะ ยังไงก็ลองเข้านอน และตื่นนอนในเวลาเดิมๆ ให้เคยชินดูนะคะ ช่วงแรกอาจจะลำบากสักหน่อย แต่หลังจากวันที่ 21 เราก็เคยชินจนเป็นนิสัยไปเอง
2.ดื่มน้ำเปล่าให้เป็นนิสัย
เราทุกคนล้วนรู้กันดีว่า เราควรจะดื่มน้ำเปล่าให้ได้อย่างน้อยวันละ 8 แก้วเพื่อสุขภาพที่ดี ใช่ค่ะไม่ว่ายังไงเราก็๕วรที่จะดื่มน้ำได้มากๆ อย่างน้อย 8 แก้ว แต่เอ้ะ 8 แก้วหรือปริมาณน้ำที่เราควรดื่มในแต่ละวันนี่มันเท่าไหร่กันถึงจะเพียงพอต่อร่างกาย
สูตรคำนวณปริมาณน้ำที่ควรดื่มต่อวัน
น้ำหนัก x 30 =____ ml.
ยกตัวอย่างเช่น เราหนัก 45 กิโลกรัม เราควรที่จะดื่มน้ำ
45 x 30 = 1350 ml.
นั้นแปลว่าเราควรที่จะดื่มน้ำให้ได้ 1350 ml. ต่อหนึ่งวันนั่นเอง
และยิ่งในสมัยนี้มีแอพพลิเคชั่นมากมายที่เข้ามาช่วยเราในเรื่องการดื่มน้ำ เช่นแจ้งเตือนว่าให้จิบน้ำได้แล้วนะ หรือวันนี้เราจิบน้ำไปแล้วเท่าไหร่
3.เสพโซเชียวอย่างพอดี
ต้องยอมรับเลยว่าในปัจจุบันคนจำนวนมากใช้ชีวิตอยู่กับโซเชียวต่างๆมากมาย บางคนถึงกับขั้นติดมากจนไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่น หรือเล่นต่อเนื่องเป็นเวลานาน แล้วไปผลัดวันประกันพรุ่งในสิ่งที่ควรทำแทน แบบนี้ไม่ดีแน่ๆ ดังนั้นเราจึงควรลดการเล่นโซเชียวให้น้อยลง เสพสื่อ แต่พอดี ให้พอรู้ข่าว ทันเทรน และสื่อสารกับเพื่อนๆ และเอาเวลาที่ปกติเราใช้โซเชียวไปทำงาน หรือไปลองทำอะไรใหม่ๆด้วยความตั้งใจแทน จะทำให้เรามีเวลาในการใช้ชีวิตมากขึ้น และอยู่กับคนรอบข้าง หรือสิ่งแวดล้อมรอบข้างมากขึ้น ดังนั้นลองลดโซเชียวดูสักนิด ให้เคยชิน แล้วเราจะมีความอยากในการเสพสื่อน้อยลง
4.ออกกำลังกายเป็นประจำ
เชื่อว่าทุกคนรู้กันดีว่าการออกกำลังกายเป็นสิ่งที่ดีต่อสุขภาพของเราเป็นอย่างมาก ลองจัดแบ่งเวลาดูสักหน่อยว่าเราสะดวกที่จะออกกำลังกายในตอนเช้า ก่อนจะไปทำงาน หรือตอนเย็นๆหลังจากเลิกงานมากกว่ากัน อย่าละเลย หรือคิดว่าเราไม่มีเวลามากพอที่จะไปออกกำลังกายเลย เพราะแค่เพียง 15 นาทีเป็นอย่างน้อย ที่เราจะออกกำลังกาย ก็ช่วยทำให้ร่างกายของเรามีสุขภาพที่ดีขึ้นแล้ว
ทำแบบนี้แล้ว ชีวิตของเราก็คงจะต้องดีขึ้นแน่นอน เพราะการนอนถือเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตที่สดใสนั่นเอง มาทำให้เรามีความสุขในชีวิต พร้อมลุยกับทุกสถานการณ์กันค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : powersmethai.com
ขอขอบคุณรูปภาพจาก : Canva
