ข้อคิดความรัก

Good Life Good talk : ข้อคิดความรัก เมื่อรักไม่เป็นไปอย่างที่คิด เราจะพิชิตความสัมพันธ์ครั้งนี้ได้อย่างไร

Good Life Good talk : ข้อคิดความรัก จาก เอ๋-มณีรัตน์ & หมอตุ๊ด Wake Up ชะนี เมื่อรักไม่เป็นไปอย่างที่คิด เราจะพิชิตความสัมพันธ์ครั้งนี้ได้อย่างไร

ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ สุขบ้างทุกข์บ้างสลับกันไป ความรักก็เช่นกัน มีสุขบ้าง เศร้าเสียใจบ้างคละเคล้ากันไป หลายคนอาจเคยมีประสบการณ์เศร้ากับความรักที่ไม่เป็นไปอย่างที่คาดหวังไว้ เมื่อสิ่งที่คิด ไม่เป็นไปอย่างที่หวัง เราจึงต้องหาทางรับมือกับความรู้สึกนี้ และก้าวเดินต่อไปอย่างเข้มแข็งให้ได้ รายการ Good Life Good Talk EP.1 ในหัวข้อ “อ้าวเฮ้ย! ไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี่นา” จึงพาทุกคนไปเปิดประสบการณ์ความรัก รับฟังความคิดเห็นและ ข้อคิดความรัก ดีๆ จาก คุณเอ๋-มณีรัตน์ และ หมอตุ๊ด Wake Up ชะนี ว่าเมื่อรักไม่เป็นไปอย่างที่คิด เราจะมีวิธีพิชิตความรู้สึกและความสัมพันธ์ในครั้งนี้ได้อย่างไร

 

::: ต่อให้วันนี้เขามองไม่เห็นความสำคัญ แต่เราก็ยังคง “เป็นเรา” อยู่เสมอ :::

“อยู่ดีๆ ก็หาย ไลน์ไม่ตอบ อยู่ดีๆ เปลี่ยนไป ไม่รู้ทำไม อยู่ดีๆ ก็นก ฉันพลาดตรงไหน ถึงได้เดินจากไป ไม่บอกกันสักคำ” หลายคนอาจรู้สึกโดนใจกับเนื้อเพลงท่อนนี้จากเพลง “อยู่ดีๆก็…” ของ WONDERFRAME (Feat. YOUNGOHM) ซึ่งเราถึงคนที่กำลังเริ่มสร้างความสัมพันธ์ขึ้นมาผ่านการพูดคุยกันผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ แต่จู่ๆ คู่สนทนาของเธอก็เงียบหายไปโดยไม่ทราบสาเหตุ

หากเรากำลังเริ่มพูดคุยกับใครสักคน แล้วจู่ๆ เขาคนนั้นก็เงียบหายไป มีท่าทีที่เปลี่ยนไป ในกรณีนี้คุณหมอแพทมองว่า เกิดจากความรู้สึกว่าคนคนนี้ “ไม่คลิก” กับเรา

คุณหมอแพทกล่าวว่า “ผู้ชายส่วนมาก (ขอใช้คำว่าส่วนมาก เพราะเป็นแค่ “บางคน” ไม่ใช่ “ทุกคน”) จะไม่กล้าพูดแบบนี้ เพราะคิดว่าการพูดแบบนี้เสียมารยาทกับฝ่ายหญิง คุณไม่ได้มีอะไรผิด แต่แค่คุณไม่คลิก ขอโทษนะที่ผมจะคุยกับคุณน้อยลง ผมจะไม่คุยกับคุณแล้ว ผู้ชายไม่มีทางรู้ว่าถ้าพูดแบบนี้ออกไปผู้หญิงจะรู้สึกอย่างไร ในกรณีแบบนี้ เลยขอเรียกว่า “เธอเป็น ริโอเดอจาเนโร”

ริโอเดอจาเนโร เป็นชื่อเมืองเมืองหนึ่งในประเทศบราซิล เมืองหลวงของบราซิลชื่อว่าบราซิลเลีย แต่หลายคนมักจะจำว่า “ริโอเดอจาเนโร” คือเมืองหลวงของบราซิล เพราะทุกคนมักจะคุ้นเคยกับชื่อเมืองริโอเดอจาเนโรมากกว่า เมื่อวันหนึ่งเมืองหลวงของบราซิลเปลี่ยนเป็นเมืองบราซิลเลีย ริโอเดอจาเนโรซึ่งเคยได้รับความสำคัญ จู่ๆ ก็ถูกปล้นความสำคัญนั้นไปให้เมืองอื่นแทน แต่ถามว่าริโอเดอจาเนโรเคยเปลี่ยนแปลงตัวเองไหม ไม่เปลี่ยน เขาเคยเป็นเมืองที่สวยอย่างไรก็ยังคงสวยอย่างนั้น เขาต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างไร เขาก็ยังคงต้อนรับอยู่อย่างนั้น เมืองสวย บรรยากาศสวย เขาก็ยังคงเป็นอย่างนั้น นั่นคือตัวเธอ ถึงแม้เมื่อก่อนเธอเคยเป็นคนสำคัญ แล้วความสำคัญมันหายไปจากตัวเธอแล้ว แต่ว่าเธอก็ยังคงเป็นเธอเหมือนอย่างริโอเดอจาเนโรนั่นแหละ

คุณหมอ: เพราะฉะนั้น เขามาคุยกับเราแล้วเขาจากไป ก็เหมือนกับเขามาถามทางก็แล้วกันเธอ

คุณเอ๋: คนที่เข้ามาแล้วไม่คลิก ก็เหมือนแค่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป มันไม่ใช่ทั้งหมด

คุณหมอ: เขาไม่ได้ปล้นอะไรไปจากเรา สิ่งดีๆ ที่เรามี ก็ยังคงมีอยู่เหมือนเดิม

Good Life Good Talk

::: ทุกอย่างมี “อายุขัย” ของมัน ความรักก็เช่นกัน :::

คนที่คบกันรักกันมานาน แล้วต้องเลิกลาจากกันไป แต่ยังคงมีท่าทีเหมือนยังคงรักกัน

คุณหมอ: ก็เพราะความรักเค้าจากไปแล้ว

จริงๆแล้วทุกอย่างมีอายุของมันเสมอ ความรักก็เช่นกัน การที่คุณบอกว่าความรักไม่มีความตาย เพราะคุณตายก่อนความรักเฉยๆ และเชื่อเถอะว่าบางครั้งมันจะมีความรักที่อายุสั้น ความรักที่อายุยาว และบางครั้งความรักมันตายก่อนเราจะตาย ถ้าเธอเป็นแวมไพร์ที่มีอายุสัก 100 ปี 1000 ปี เธอจะมีโอกาสได้เห็นความรักที่มันเกิด พีค แล้วก็ตายไป อันนี้เป็นเรื่องปกติ

ทุกอย่างมีอายุขัย ความรักที่เราเคยคิดว่ามันเป็นนิรันดร์ มันก็มีอายุขัยของมัน วันหนึ่งมันก็ต้องจบ โอเค เราได้อยู่จนถึงความสุขของมันแล้ว เก็บไว้เป็นบทเรียนก็แล้วกัน เอาไว้เล่าให้คนอื่นฟังต่อ

ข้อคิดความรัก

::: บางครั้งการถามหาเหตุผลในความสัมพันธ์ ก็เหมือนการคุ้ยถุงขยะ  :::

บางครั้งที่ความสัมพันธ์ไม่ราบรื่นอย่างที่คิด เราอาจเกิดคำถามขึ้นในใจมากมายว่า เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น เพราะอะไรจึงทำให้เป็นเช่นนี้ การหาต้นเหตุของปัญหาเป็นสิ่งที่ดี แต่บางครั้งการถามหาเหตุผลก็ไม่ได้ก่อให้เกิดผลดีเสมอไป

คุณหมอ: เมื่อไหร่ก็ตามที่ความรักความสัมพันธ์ไม่เหมือนที่เราคุยกันเอาไว้ ถามว่าเราไปหาสาเหตุ มันช่วยหรือเปล่า พี่เคยเปรียบเทียบว่า เวลาเขาบอกว่า เราเลิกกันนะ มันเหมือนเป็นถุงดำที่ใส่ขยะเอาไว้ สมมติว่าเอ๋เห็นถุงดำ เอ๋จะไปค้นไหมว่ามันมีอะไรหรือเปล่า

คุณเอ๋: ค้นไปมันก็มีแต่ขยะนั่นแหละ มันไม่มีอะไรนอกจากขยะ

คุณหมอ: เพราะฉะนั้นการที่เราอยากรู้ว่าทำไมมันถึงเป็นแบบนี้ ทำไมเขาถึงไม่เหมือนเดิม มันจึงเหมือนเป็นการไปคุ้ยถุงขยะ สุดท้ายแล้วเราไม่ได้อะไรเลยนอกจากมือเราเลอะ ขยะก็กระจัดกระจาย สุดท้ายเราก็ต้องเอามือเลอะๆ ของเราเก็บขยะใส่ถุงผูกเก็บเหมือนเดิมแล้วก็รอให้รถขยะมาเก็บไป

คุณเอ๋: ยิ่งไปเจอ ยิ่งเจ็บหนักกว่าเดิมอีก พอเราเข้าใจ เราก็จะรู้ว่า เออ มันเป็นแบบนี้แหละ

เอ๋ มณีรัตน์ คำอ้วน

::: ของฟรีไม่มีค่า แต่ของฟรีมี “ขา” และสามารถเดินออกมาได้เสมอ :::

ในยุคสมัยที่สื่อสังคมออนไลน์ได้รับความนิยมแพร่หลายในปัจจุบันนี้ คู่รักหลายคู่จึงเลือกใช้สื่อสังคมออนไลน์เป็นช่องทางในการติดต่อสื่อสาร รวมไปถึงใช้เป็น “พื้นที่” ในการบอกเล่าเรื่องราวในชีวิตประจำวันของตนเองให้เพื่อนในแวดวงของตนเองได้รับทราบ จึงเกิดเป็นปัญหาชวนสงสัยสำหรับคู่รักหลายๆ คู่ที่ประสบปัญหาว่า “คนรักของตนเอง ไม่ยอมลงรูปคู่ หรือ ไม่ยอมเปิดเผยสถานะความสัมพันธ์ในสื่อสังคมออนไลน์”

อาจฟังดูเหมือนเป็นเริ่องเล็กน้อย ก็แค่ไม่เปิดเผยสถานะความสัมพันธ์จะเป็นอะไรไป แต่ที่จริงแล้ว เบื้องหลังเหตุการณ์นี้ อาจมีอะไรซ่อนอยู่ ไปดูคำตอบพร้อมกัน กับคำถามที่ว่า “ถ้าแฟนเป็นคนติดโซเชียลมีเดีย แต่เขาไม่ยอมเปิดเผยสถานะความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับแฟนบนโซเชียลมีเดียบ้างเลย แบบนี้มีตอะไรต้องกังวลหรือไม่?”

คุณเอ๋: ถ้าติดโซเชียลแล้วไม่เปิดเผย ต้องดูว่าไม่เปิดเผยในระดับไหนดีกว่า ต้องการความเป็นส่วนตัว เพิ่มความชัวร์แล้วเราค่อยเปิดหรือเปล่า หรือว่าไม่เปิดเผย ดูมีลับลมคมใน ขนาดไปหาเพื่อนก็ยังไม่แนะนำเราว่าเราเป็นอะไรกัน อย่างนี้เรามีปัญหาแล้ว เราว่าไม่ปกติ เพราะอันนี้มันเหมือนว่า เอ๊ะ คบกับเราในฐานะอะไรนะ เขาไม่มีความชัดเจนให้เรา เราก็ต้องการความชัดเจน ถูกไหม

คุณหมอ: เวลาที่เขาคบกับเรา ถ้าเขาเลือกที่จะใช้เวลากับเรา แสดงว่าเราให้ความสุขกับเขาได้ เราเป็นความสุขของเขาแน่ๆ แต่เราเป็นได้แค่ความสุขของเขา แต่เราเป็นคนที่เขาเอามาเป็นแฟนไม่ได้ อันนี้พูดตรงๆ เลยนะ เขาไม่เอามาเป็นแฟน แต่ต้องดูก่อนนะว่าเขาให้ความสำคัญกับโซเชียลแค่ไหน บางทีเขาอาจจะมีเฟซบุ๊กไว้เฉยๆ แต่ไม่เคยไปทำอะไรกับเฟซบุ๊กเลย ไม่ใช่ว่าเขาไม่โพสต์รูปคู่นะ แต่เขาไม่โพสต์รูปเขาด้วย สเตตัสเขาก็ไม่โพสต์ ไปดูบอลเช็คอินกับเพื่อนก็ไม่มี มีเฟซบุ๊กไว้อย่างนั้นแหละ ร้างมาก

คุณเอ๋: เขาอาจจะไม่ให้ความสำคัญกับสิ่งภายนอกมาก แต่ให้ความสำคัญกับเรา นี่มันเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่เขายังให้ความสำคัญกับข้างนอก แล้วเขาไม่ให้ความสำคัญกับเราด้วย อันนี้เราต้องดูแล้วล่ะ

คุณหมอ: ในโจทย์บอกว่าติดโซเชียลมาก แต่เขาไม่ยอมเปิดเผยเรา แปลว่าจริง ๆ แล้วเรายังไม่ได้ตำแหน่ง เรายังไม่ได้สถานะนั้น ในเมื่อยังไม่ได้สถานะนั้นเราต้องถามตัวเองก่อน ไม่ใช่ถามเขา ว่าเราโอเคหรือเปล่า ที่จะเป็นความสุขของเขา เธอเป็นความสุขของเขาหรือเธอจะสร้างความสุขให้ตัวเธอเอง เราเป็นคนคนนั้น คนสำคัญของเขา เป็นแฟนเขา อยากเป็นแฟนที่เขายอมรับกับคนอื่นว่า นี่แฟนผม แต่เขาให้เราไม่ได้ เขาให้เราได้แค่นี้

คุณเอ๋: ต้องดูสถานะตอนนั้นด้วยเหมือนกันนะว่า เราอยู่ในสถานะไหน ถ้าสถานะเรายังไม่ชัดเจน แต่เราอยากให้เขาเปิดเผยเราเป็นแฟน อันนี้มันเป็นอีกเรื่องแล้วนะ

คุณหมอ: ต้องดูก่อนว่าเรากับเขาเริ่มคุยกัน เริ่มใช้เวลาด้วยกันมากแค่ไหน ถ้าสมมติเยอะแล้ว ถึงขั้นว่าเป็นของกันและกันแล้ว ใช้เวลาด้วยกันเยอะๆ แล้ว มันมีอะไรที่คั่นกลางระหว่างการยอมรับว่าเราเป็นคนในชีวิตเขาเหรอ คือถ้ามันไม่มี มันก็จะเป็นแบบนี้ไปหรือเปล่า เช่น เขาบอกว่า เราอยู่ด้วยกันแบบนี้ก็มีความสุขดีอยู่แล้วนะ เราอยู่ด้วยกันแบบนี้ไปตลอดไม่ได้หรอ แปลว่าเราจะให้เขาได้แค่นี้ เขาบอกว่า เขารักเราขนาดนี้ เขาให้เวลาเราขนาดนี้ เขาจะให้แบบนี้ เขาจะไม่ให้น้อย ฟังดูดี แต่แปลว่าถ้าเขาไม่เรียกเราว่าแฟน เขาก็จะไม่เรียกเราว่าแฟน แล้วเขาเคยให้อะไรเราแค่ไหน มันจะไม่มากไปกว่านี้ มันจะไม่น้อยลงก็จริง แต่มันจะไม่มากไปกว่านี้

คุณเอ๋: ตอนนั้นเอ๋ย (ใน Wake Up ชะนี) มีคำตอบในใจแล้วล่ะ ว่าเราคงเป็นได้เท่านี้ แต่แค่อยากจะยืนยันว่า เราเป็นได้แค่ไหนนะ พอได้ยินคำว่า เป็นพื่กับน้องกัน พี่ยังเอ็นดูเราเหมือนเดิม มันหมายความว่า มันไม่ใช่แล้ว เพราะฉะนั้น เราต้องเห็นคุณค่าของตัวเอง ว่าเราไม่ได้อยู่ในสถานะนั้น แต่เราเป้นอะไรก็ไม่รู้

คุณหมอ: สถานะของเธอคือของฟรี ไม่ใช่ของฟรีธรรมดา แต่เป็นของฟรีที่บาดเจ็บ แต่จำไว้นะคะ ของฟรีไม่มีค่า แต่ของฟรีมีขา และเดินออกมาได้เสมอ

ถ้าเธอรู้ว่าหน้าฉากละครตอนนี้ เธอเป็นได้แค่น้องสาวพระเอก เป็นได้แค่เพื่อนนางเอก หรือเลวร้ายกว่านั้นคือเป็นตัวอิจฉา เธอต้องออกมา ไปเป็นนางเอกเรื่องอื่น

คุณเอ๋: สิ่งสำคัญคือ เราเห็นคุณค่าของตัวเองแค่ไหน

หมอตุ๊ด Wake up ชะนี

 

::: เราจะไม่มีทางสงสารตัวเอง ถ้าเรารักตัวเองมากพอ :::

คุณหมอ: พี่พูดอยู่เสมอว่า “ทำเหมือนเดิม ได้แบบเดิม” ถ้าเธออยุ่ที่เดิมกับคนเดิมๆ เธอก็จะได้แบบเดิม ไม่จำเป็นว่าเราต้องมีคนใหม่ แต่เราต้องรักตัวเอง พี่มีทฤษฎีอยู่ว่า เราจะไม่มีทางสงสารตัวเอง ถ้าเรารักตัวเองมากพอ ถ้าเรามาถึงจุดที่เราบอกตัวเองว่า เราสงสารตัวเองจัง แสดงว่าเธอพร่องความรักตัวเอง

คุณเอ๋: ในความสัมพันธ์มันควรมีความสุขด้วยกันทั้งคู่เนอะ ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่มีความสุขกันแล้วนั่นหมายความว่ามันมีอะไรที่ไม่เท่ากันอยู่ ต้องกลับไปดูแล้วล่ะว่าอะไรที่ทำให้ไม่เท่ากัน ถ้าความรู้สึกเราไม่สบายใจ ก็แค่ออกมา

คุณหมอ: ความรักมันคือ Give and Take แต่ความสัมพันธ์มันคือ Invest the time มันไม่ใช่แค่ Give and Take มันคือการเอาเวลาไป Invest เพื่อที่มันจะงอกงามต่อไปในอนาคต ถ้าเรารู้สึกว่าตอนนี้เราไม่ได้กำลัง Invest แต่เรากำลัง Gambling เข้าไปเสี่ยง เข้าไปในบ่อน เพื่อไปพนันว่าเราจะแจ๊กพอตได้หรือเปล่า การเข้าบ่อนเนี่ย เจ้ามือกิน ไม่มีทางที่เราจะรวยออกมาจากบ่อนได้ ถ้าเรา Invest โอเค แต่ถ้าเรากำลัง Gambling ออกมาเถอะ

เอ๋ มณีรัตน์ คำอ้วน

ชมรายการ Good Life Good Talk ฉบับเต็มได้ที่

Good Life Good Talk Ep.1 (1/2) อ้าวเฮ้ย! ไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี่นา

Good Life Good Talk Ep.1 (2/2) อ้าวเฮ้ย! ไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี่นา

บทความที่น่าสนใจ

12 ข้อคิดความรัก ที่จะทำให้คุณรู้จัก เข้าใจ และเติบโตไปพร้อมกับความรักในหัวใจ

ความรักแย่ ๆ 5 ประเภท ที่ควรหลีกหนีให้ไกล อาจถูกหลอกได้โดยไม่รู้ตัว!

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.