จิรศักดิ์ ปานพุ่ม

เมื่อทำนอง “ธรรม” กระทบใจ แมว จิรศักดิ์ ปานพุ่ม ตอนที่ 1

เมื่อทำนอง “ธรรม” กระทบใจ แมว จิรศักดิ์ ปานพุ่ม ตอนที่ 1

แมว จิรศักดิ์  ปานพุ่ม  คือร็อคเกอร์หนุ่มเจ้าของผลงานเพลงชื่อดังจำนวนมาก หากมองแต่เพียงผิวเผินเขาดูเป็นนักร้องมาดนิ่งและมีความเป็นตัวเองสูง ยิ่งได้ชื่อว่าเป็นร็อคเกอร์แล้ว  ย่อมหนีไม่พ้นภาพลักษณ์ของแบดบอยไปได้

เขายอมรับว่าช่วงชีวิตหนึ่งเคยหลงไปกับแสงสีเสียงในวงการบันเทิง  และใช้ชีวิตไปวัน ๆ โดยไม่เข้าใจเลยว่า “ชีวิต” คืออะไร จนวันหนึ่งได้ฟังคำสอนของ “หลวงตามหาบัว”  ชีวิตของเขาจึงเปลี่ยนแปลงไป

กว่าจะก้าวมาสู่เส้นทางของ “สติ” โดยมี “ธรรมะ” นำทางได้นั้นต้องแลกกับอะไรมากมาย  ในเวลานี้เขาได้วางตัวตนทั้งหมดและพร้อมเล่าเรื่องราวที่ผ่านมาในชีวิต

กว่าจะก้าวสู่เส้นทางสายดนตรี

ผมเป็นเด็กต่างจังหวัด  เติบโตที่จังหวัดอุดรธานี  เป็นน้องคนสุดท้องของบรรดาพี่น้องทั้งหมด 7 คน  หลายคนบอกว่าลูกคนสุดท้องมักถูกตามใจ  แต่ผมไม่เป็นอย่างนั้น  เพราะครอบครัวไม่ได้ร่ำรวย  อยากได้อะไรก็ต้องแสวงหาเอาเอง  อยากเล่นของเล่นอะไรก็ต้องทำเอาเองจากของที่หาได้แถวบ้าน ไม่ก็วิ่งเล่นอยู่ตามท้องทุ่งนา

ตอนเด็ก ๆ ผมสนิทกับแม่มาก  เพราะแม่เป็นคนเลี้ยงดูใกล้ชิด  แต่ไม่ค่อยได้เจอพ่อเท่าไหร่  แม่เองก็ไม่ได้พูดอะไรถึงพ่อมากนัก  พอโตขึ้นถึงรู้ว่าครอบครัวของเราไม่สมบูรณ์  แต่ก็ไม่ได้มีผลอะไรกับชีวิตเลย

ผมเป็นเด็กชอบจินตนาการและรักความโลดโผน  ชอบวาดการ์ตูน  เคยวาดเป็นเรื่องแล้วทำเป็นเล่มให้เพื่อน ๆ เช่าอ่านด้วยและชอบดูหนังจีนมาก  ดูแล้วก็จินตนาการว่าอยากจะตีลังกา  มีกำลังภายใน  มีวิทยายุทธ์เหมือนตัวละครบ้าง  จึงขอที่บ้านไปเรียนยิมนาสติกตั้งแต่อยู่ชั้นประถม  และเรียนอย่างเอาจริงเอาจังต่อเนื่องจนได้เป็นนักกีฬาโรงเรียนไปแข่งขัน  และได้เป็นที่ 2 ของจังหวัด

เรื่องการเรียนก็ไม่เคยทำให้ที่บ้านลำบากใจ  เพราะสอบได้อันดับต้น ๆ ของห้องเสมอ  ตอนนั้นผมก็ฝันไปตามประสาเด็ก ๆว่า  อยากเป็นหมอ  เป็นตำรวจ  หรืออาชีพที่ได้ดูแลคน  ไม่มีเรื่องนักดนตรีอยู่ในหัวแม้แต่น้อย  แม้ว่าคุณพ่อและพี่น้องทุกคนจะเป็นนักดนตรีกันทั้งหมด

นั่นอาจเป็นเพราะผมไม่ได้ถูกหล่อหลอมด้วยดนตรี  ผมรับรู้ว่าทุกคนในบ้านมีอาชีพนี้แต่แทบไม่เคยเห็นเขาเล่นหรือซ้อมดนตรีกันที่บ้านเลย  เพราะส่วนใหญ่แล้วพ่อกับพี่ ๆไปทำงานที่ต่างจังหวัดและส่งเงินกลับมาที่บ้าน

จะว่าไปแล้วครอบครัวของผมเหมือนถูกตั้งโปรแกรมไว้  คือลูกทุกคนเป็นผู้ชายและทุกคนต้องเล่นดนตรี  ถ้าพูดตามความเชื่อของคนต่างจังหวัด  เขาจะเรียกกันว่าบ้านนี้โดนคำสาป  เพราะมีพี่ชายคนหนึ่งของผมไม่ได้ทำสายอาชีพนี้ก็ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต  แต่ผมก็ไม่ได้เชื่ออะไรมากมายนัก

แต่แล้วก็เหมือนโชคชะตาพัดพาให้ผมต้องเดินเส้นทางนี้เหมือนกับทุกคนหลังจากสอบเข้าเรียนชั้นมัธยมได้และกำลังรอมอบตัวอยู่  พี่ชายคนหนึ่งก็โทร.มาว่า

“แมว สนใจมาเล่นดนตรีไหม  ได้เงินนะ”

ได้ยินว่าได้เงินนะ  ผมก็หูผึ่งเลยตัดสินใจขอแม่ลงไปหาพี่ ๆ และญาติ ๆที่รวมวงกันเล่นดนตรีอยู่ที่หาดใหญ่  เมื่อแม่ไม่ห้าม  ผมจึงเก็บกระเป๋าลงไปหาดใหญ่ทันทีทั้งที่เล่นดนตรีไม่เป็นเลย

เมื่อผมทำงานช่วยในวงอยู่สักพัก  อยู่ ๆ วันหนึ่งมือกีตาร์ของวงซึ่งเป็นพี่คนหนึ่งของผมนี่แหละลาออกไป  วันนั้นผมจึงต้องขึ้นไปเป็นตัวประดับวงแก้ขัด  เพื่อให้วงมีสมาชิกครบตามที่เซ็นสัญญาไว้กับทางร้าน  พอถึงท่อนโซโล่กีตาร์ก็ต้องให้มือคีย์บอร์ดทำเป็นเสียงกีตาร์ให้แทน  เพราะผมเล่นกีตาร์ไม่เป็น

เมื่อสภาพการทำงานบังคับ  ผมจึงต้องฝึกเล่นกีตาร์อย่างหนัก  เพราะการเล่นดนตรีในไนต์คลับต้องเล่นเพลงหลากหลายแนวทั้งลูกทุ่ง  ละติน  ดิสโก้  ร็อค  ดังนั้นหลังเลิกงานตีหนึ่งตีสองผมก็ต้องหอบโน้ตกลับมาฝึกอ่าน  ฝึกเล่นต่อที่บ้านจนถึงเจ็ดโมงเช้าแล้วค่อยนอนตอนกลางวัน  ทำอย่างนี้ทุกวันจนเล่นได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ

คลิกเลข 2 เพื่ออ่านหน้าถัดไป

จิรศักดิ์ ปานพุ่ม

กรุงเทพฯ จุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง

เมื่อเล่นดนตรีตามจังหวัดภาคใต้มาหลายปี  ทุกคนในวงก็เริ่มเบื่อ  จึงส่งพี่ชายคนหนึ่งมาหาลู่ทางทำงานที่กรุงเทพฯ  สักพักหนึ่งพี่ก็ส่งข่าวมาว่า  มีสตูดิโออัดเสียงต้องการคน  ผมจึงขึ้นไปสมทบกับพี่ชายก่อน  ผมมาถึงกรุงเทพฯหนึ่งวันก่อนที่พายุเกย์จะถล่มภาคใต้หลังจากนั้นทั้งวงก็ต้องย้ายเข้ามากรุงเทพฯด้วยกันทั้งหมด

พอได้เริ่มเข้ามาทำงานที่สตูดิโอก็คิดได้ว่า  แทนที่จะเล่นดนตรีกลางคืนอย่างเดียวก็รับจ้างทำงานตามห้องอัดด้วยดีกว่า  เพราะเป็นงานที่มั่นคงกว่า  ศิลปินออกอัลบั้มกันตลอดเวลา  ไม่เหมือนกับงานกลางคืนที่ไม่ค่อยแน่นอน  มีคนจ้างบ้างไม่จ้างบ้าง  ผมจึงรับงานในห้องอัดเสียงมากขึ้น  ช่วงแรกเป็นการเล่นกีตาร์ให้กับสายลูกทุ่ง  เช่น  พุ่มพวงดวงจันทร์  ยอดรัก  สลักใจ  ยิ่งยง  ยอดบัวงาม  ไปจนถึงวงสามโทน  และพี่ติ๊ก  ชิโร่

ที่ผมมีงานทำอยู่ตลอด  ส่วนหนึ่งเพราะผมเป็นคนที่เล่นเพลงได้หลายแนว  และทำตามความต้องการของเจ้าของงานได้  เขาบอกให้เล่นแนวไหนผมก็เล่นให้ได้  ที่สำคัญคือ ผมไม่ได้เป็นคนเล่นกีตาร์แบบหวือหวาแต่เล่นแบบใช้ความคิดและดีไซน์รูปแบบการเล่นให้น่าสนใจ  และเสนอได้ว่าน่าจะใช้เสียงแบบนี้นะ  หรือกีตาร์แบบนี้นะ  คนจ้างจึงแนะนำกันไปปากต่อปาก

ต่อมาผมได้เข้าไปทำงานที่แกรมมี่จากการชักชวนของ พี่ตี่ – กริช  ทอมมัส  ผู้บริหารแกรมมี่  ที่ได้มาฟังผมเล่นดนตรีอยู่ที่ร้านแห่งหนึ่ง  ผมจึงได้ทำงานกับศิลปินหลายคนในสมัยนั้น  เช่น  คุณยู่ยี่ – อลิสาคุณขจรศักดิ์  คุณอ่ำ – อัมรินทร์  คุณอ้อม – สุนิสา  และที่สำคัญคือ ผมได้ทำงานกับพี่เต๋อ – เรวัต  พุทธินันทน์ ด้วย

เมื่อผมได้ทำงานกับพี่เต๋อบ่อยเข้า พี่เต๋อก็สอนให้ร้องเพลง  ไม่ได้หมายถึงว่าผมร้องเพลงเองนะครับ  แต่เป็นความรู้ในการร้องเพลงเพื่อคุมนักร้องว่าควรร้องแบบไหน  ออกเสียงอย่างไร  รวมไปถึงเทคนิคการสื่อสารให้นักร้องร้องในแบบที่เราต้องการได้

ผมศึกษาการคุมร้องเพลงกับพี่เต๋อนานเข้าก็สงสัยว่า  ทำไมเวลาที่เราบอกให้นักร้องร้องแบบนั้นแบบนี้แล้วร้องไม่ได้ผมจึงเริ่มร้องเพลงเอง  และกลายเป็นผู้ร้องไกด์ให้นักร้องในที่สุด  ตอนนั้นผมศึกษาและทำการบ้านเรื่องการร้องเพลงมากขึ้น  จนคิดว่าเราทำเพลงและร้องเพลงเองเลยดีกว่า

นักร้องผู้หลงระเริง

ผมเริ่มทำอัลบั้มของตัวเองเมื่อปี พ.ศ.2540  โดยควบคุมการทำงานเองหมดทุกอย่างยกเว้นการแต่งเนื้อร้อง  และออกอัลบั้มแรกชื่อว่า CATAROCK กับค่ายเทโรเรคคอร์ดส์เพลงที่ทำให้ผมเริ่มเป็นที่รู้จักคือ  อย่าทำอย่างนั้น  การออกอัลบั้มนี้ทำให้วงการรับรู้การมีตัวตนของเรา  แต่สำหรับคนฟังแล้วยังอยู่ในกลุ่มแคบ ๆ เท่านั้น

ผมไม่ได้คาดหวังอะไรกับการออกอัลบั้มแรกมากนัก  สนุกกับการทำงานมากกว่าหลังหมดสัญญากับเทโรเรคคอร์ดส์แล้วก็มาออกอัลบั้มชุดที่สองกับแกรมมี่  ชื่อ Get Up Higher  และเป็นที่รู้จักในวงกว้างขึ้นด้วยเพลง เลิกรา  จากนั้นก็ทำเพลงมาเรื่อย ๆจ นมีชื่อเสียง

การได้ทำงานในวงการเพลงในฐานะนักร้องเต็มตัวนี่แหละที่ทำให้ชีวิตของผมเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ  จากที่ทำงานจนช่วงวัยรุ่นหายไป  พอเข้าวงการ  ได้เจอแสงสีเสียง  ความฟุ่มเฟือยต่าง ๆ  จิตใจของผมก็ฟุ้งซ่าน  ทำตัวเหลวไหล  และดื่มหนักมาก  ใช้ชีวิตสุดมาก  เหมือนเอาชีวิตวัยรุ่นคืนเป็นสองเท่า

ผมเมาเละเทะถึงขนาดหลับกลางถนนเลยก็มี  บางครั้งก็ขึ้นคอนเสิร์ตทั้งที่ยังเมาจนต้องเลิกเร็วกว่ากำหนดเพราะผมเล่นไม่ไหวตอนนั้นไม่มีใครห้ามผมได้  เพราะบุคลิกของผมที่ดูออกจะเป็นหัวโจก ใคร ๆ จึงไม่กล้าออกปากห้ามหรือเตือน

แต่เรื่องเมาเหล้าเละเทะนี่ยังน้อยไปเพราะต่อมาผมยิ่งจมลึกไปกับความหลงผิดจนทำให้ชีวิตแย่ลงไปอีก

(โปรดติดตามตอนต่อไป)

ขอขอบคุณสถานที่ :

ร้านระเบียงแซ่บ  ติดสถานทูตกัมพูชา  เหม่งจ๋าย โทร. 0-2158-9399 - 400

เรื่อง จิรศักดิ์  ปานพุ่ม  เรียบเรียง เชิญพร  คงมา  ภาพ สรยุทธ  พุ่มภักดี

ผู้ช่วยช่างภาพ ธนทัช  หิรัญวรกุล  สไตลิสต์ ณัฏฐิตา  เกษตระชนม์

ผู้ช่วยสไตลิสต์ จุฑามาศ  ประดุงศิลป์  แต่งหน้า - ทำผม ภูดล  คงจันทร์

ติดตามรายละเอียดได้ในคอลัมน์ This is Life นิตยสาร Secret ฉบับ 187 (10 เม.ย. 59) – 189 (10 พ.ค. 59)


Secret BOX

คนเราถ้าไม่รักตนโดยชอบธรรมถูกธรรมเสียอย่างเดียว อะไรที่เกี่ยวข้องกับตนก็เหลวไหลไปได้

หลวงตามหาบัว  ญาณสัมปันโน

บทความน่าสนใจ

เมื่อทำนองธรรมกระทบใจ แมว จิรศักดิ์ ปานพุ่ม ตอนที่ 2

เมื่อทำนอง “ธรรม” กระทบใจ แมว จิรศักดิ์ ปานพุ่ม (ตอนจบ)

 

Posted in MIND
BACK
TO TOP
cheewajitmedia
Writer

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.