ป๊อป กิตติพงศ์

เมื่อความตายพาไปพบธรรมะ! ป๊อป กิตติพงศ์ ตันติชินานนท์

เพราะเห็นความตาย ป๊อป กิตติพงศ์ จึงพบธรรมะ

บางคนอกหักทำให้พบธรรมะ หรือมีปัญหาหนี้สินรุมเร้าจนต้องหันหน้าเข้าหาธรรมะ แต่สำหรับผม ป๊อป กิตติพงศ์ เพราะเห็นความตายจึงมีโอกาสรู้จักกับสิ่งที่ล้ำค่าที่สุดในชีวิต นั่นคือธรรมะ

ผมเป็นลูกคนเดียว คุณพ่อคุณแม่หย่ากันตั้งแต่ผมเพิ่งคลอดยังไม่ทันถึงปี ผมจึงโตมากับคุณแม่และญาติฝ่ายคุณแม่ซึ่งเป็นครอบครัวคนจีน ผมเป็นหลานคนเดียวของครอบครัว อาม่า ญาติ ๆ และคุณแม่เลี้ยงดูผมดีมาก ให้ความรักความอบอุ่นเต็มที่

ผมใช้ชีวิตปกติเรื่อยมา จนกระทั่งช่วงเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 4 อี๊ (คุณป้า) ของผมป่วยเป็นมะเร็ง ผมรักอี๊มาก แต่ไม่เคยแสดงออกให้ท่านรู้ว่ารัก ตอนนั้นในโรงเรียนมีเพื่อนนักเรียนคนหนึ่งเป็นร่างทรงที่คนในโรงเรียนเชื่อถือ ผมไปปรึกษาเขาเพราะอยากให้อี๊หาย เขาให้เราลองนั่งสมาธิ แล้วก็ให้ผมไปเดินตามขบวนแห่เจ้าเข้าทรงต่าง ๆ แต่สุดท้ายความตายก็พรากอี๊ไปจากผมไปในที่สุด

ผมเสียใจและนึกโกรธร่างทรงว่าผมทำทุกอย่างแล้ว แต่ทำไมอี๊ถึงเสียชีวิต หลังอี๊จากไป อาม่า (คุณยาย) ก็ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ผมดูแลท่านมาโดยตลอด ผมรักท่านมากเพราะท่านเลี้ยงดูผมมาตั้งแต่เด็ก ผมไม่เคยทราบเลยว่าคนเราเสียชีวิตเพราะโรคซึมเศร้าได้ จนกระทั่งผมเรียนมหาวิทยาลัยชั้นปีที่ 1 อาม่าอาการหนักเข้าโรงพยาบาล วันนั้นผมช่วยคุณแม่ขายก๋วยเตี๋ยว ช่วงที่กำลังเก็บร้าน ญาติซึ่งอยู่ที่โรงพยาบาลโทรศัพท์มาหาผม

 “ป๊อป อาม่าจะไม่ไหวแล้ว เดี๋ยวป๊อปคุยกับอาม่าทางนี้เลยนะ”

ผมตกใจมากที่ได้ยินอย่างนั้น เมื่อญาติเอาโทรศัพท์จ่อไปที่อาม่า ผมรีบพูดกับท่านว่า

 “อาม่า รอป๊อปก่อน ป๊อปเก็บร้านอยู่กำลังจะไปแล้วนะ”

ไม่มีเสียงตอบจากอาม่า มีเพียงเสียง

ติ๊ด ติ๊ด ตี๊ดดดดดดดดดดดดดดด

ผมได้ยินสัญญาณที่บอกว่าอาม่าจากไปอย่างไม่มีวันกลับ ญาติที่เป็นคนถือโทรศัพท์บอกผมสั้น ๆ เพียงว่า อาม่าไปแล้ว ยิ่งได้ยินคำยืนยันจากคนที่อยู่ในเหตุการณ์ ผมถึงกับทรุดลงไปกองกับพื้น และเมื่อไปถึงโรงพยาบาล ผมเข้าไปหาอาม่า ร้องไห้หนักอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขย่าตัวหมอบอกว่าหมอเป็นคนฆ่าอาม่า พังของที่อยู่ใกล้มือ พังสายน้ำเกลือ ควบคุมตัวเองไม่ได้เพราะเสียใจที่สุดในชีวิต

เสร็จสิ้นงานศพอาม่า ผมกลับไปเรียนพร้อมคำถามในหัวว่า ทำไมชีวิตต้องพลัดพราก แล้วคนเราเกิดมาทำไม เมื่อเกิดมาแล้วก็ต้องตาย การเกิดทำไมมีแต่ความทุกข์ ผมไม่อยากเกิดแล้ว โลกนี้มันน่าเบื่อ พอคิดแบบนั้นวนเวียนไปมา ผมจึงคิดจะเลิกเรียน ตอนนั้นผมมีแฟนแล้ว ผมไปบอกเลิกแฟน ด้วยเหตุผลว่าสักวันหนึ่งเราก็ต้องแยกจากกัน

จากนั้นผมไปบอกพ่อบุญธรรม (น้องชายแม่) ว่าผมไม่อยากเรียนแล้ว เรียนไปสุดท้ายก็ต้องตายอยู่ดี แต่ท่านให้สติผมว่า การสูญเสียคือเรื่องธรรมดาที่มนุษย์ทุกคนต้องเจอ ทำไมตอนมีชีวิตอยู่เราถึงไม่สร้างความภูมิใจ ตั้งแต่ตอนนี้ด้วยการตั้งใจเรียน อาม่าจะได้ภูมิใจ พอฟังอย่างนั้นผมจึงกลับมาตั้งใจเรียน ตั้งใจทำหน้าที่ของตัวเองเพื่ออาม่าอย่างดีที่สุด

ผมเริ่มกลับมาใช้ชีวิตอย่างวัยรุ่นทั่วไป เล่นฟิตเนส ทำทุกอย่างเพื่อให้ลืมความเสียใจ แฟนที่บอกเลิกกันไป ต่อมาไม่นานเขาแต่งงาน ผมเสียใจมาก แต่ก็เริ่มต้นชีวิตใหม่ ได้เจอแฟนคนปัจจุบันที่ชอบอะไรเหมือน ๆ กัน เธอ
เล่าให้ฟังว่า เคยเจอเรื่องแย่ ๆ จากคนรักเก่า และบอกว่าโลกนี้น่าเบื่อ ซึ่งทำให้ผมย้อนมาคิดถึงตัวเองว่าครั้งหนึ่งก็เคยคิดว่าโลกนี้น่าเบื่อ

พอคิดขึ้นมาได้ ผมถามตัวเองว่าตอนอาม่าเสียชีวิต เราเคยตั้งคำถามแบบนี้เหมือนกัน ตกลงเรายังอยากเกิดอยู่ไหม จากนั้นผมเริ่มนั่งสมาธิ ศึกษาในอินเทอร์เน็ตว่า การเกิดคืออะไร ต่อมาก็เริ่มรู้จักคำว่านิพพาน เริ่มศึกษาธรรมะมากขึ้น ๆ ทั้งนั่งสมาธิ ฟังคลิปธรรมะ ศึกษาไปพร้อม ๆ กับแฟนผม

วันหนึ่งผมฟุ้งซ่านมาก นอนไม่หลับ ผมลองนั่งสมาธิพิจารณาความคิดไปเรื่อย ๆ มองความคิดตัวเอง พอเห็นความคิดแล้วก็เอาสติกลับมาอยู่ที่ลมหายใจ ทำจนเจอกับความว่าง ตอนนั้นน้ำตาร่วงเลย รู้สึกปีติอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ไม่สุข ไม่ทุกข์ มันคือความว่างจริง ๆ พอออกจากสมาธิมามองตัวเองในกระจก ตัวเราก็ไม่ใช่ตัวเรา

ทุกอย่างคือสิ่งสมมุติ ฉะนั้นเวลาเจอเรื่องทุกข์ ผมจะออกจากทุกข์ได้เร็ว เพราะรู้ว่าทุกอย่างบนโลกคือสิ่งสมมุติทั้งสิ้น

จากวันนั้นมาถึงวันนี้ ผมมีธรรมะเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวในการดำเนินชีวิต และเชื่อสนิทใจว่าธรรมะเป็นเครื่องดับทุกข์ได้อย่างแท้จริง


เรื่อง: กิตติพงศ์ ตันติชินานนท์ เรียบเรียง: อุรัชษฎา ขุนขำ

ภาพ: ฝ่ายภาพ อมรินทร์พริ้นติ้งฯ

Secret Magazine (Thailand)

IG @Secretmagazine


บทความน่าสนใจ

อุ้ม สิริยากร พุกกะเวส “วันนี้ฉันคือ ผู้ปรารถนานิพพาน”

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.