คีอานู

คีอานู รีฟส์ กับบทเรียนจากความจริงอันเจ็บปวด

เบื้องหลังชีวิตอันสวยหรูของ คีอานู รีฟส์ อาจไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิด

หลายคนรู้จัก คีอานู รีฟส์ (Keanu Reeves) ในฐานะนักแสดงรุ่นใหญ่ในฮอลลีวู้ด ที่ประสบความสำเร็จในอาชีพการแสดง ภาพยนตร์หลายเรื่องที่เขาแสดงเป็นภาพยนตร์ทำเงิน เช่น สปีด (Speed), เดอะเมทริกซ์ (The Matrix) แต่น้อยคนจะรู้ว่า เบื้องหลังชีวิตอันสวยหรู มีเรื่องราวที่น่าเจ็บปวดซ่อนอยู่ไม่น้อย

คีอานูเกิดในปี 1964 ที่กรุงเบรุต ประเทศเลบานอน แม่เป็นชาวอังกฤษ ส่วนพ่อเป็นชาวอเมริกันเชื้อสายฮาวาย จีน โปรตุเกส และอังกฤษ

ชีวิตวัยเด็กของเขาไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ พ่อเคยถูกจับข้อหาค้ายาเสพติด เมื่อเขาอายุได้เพียงสามขวบ พ่อก็โบกมือลาครอบครัว ทิ้งให้เขาอยู่กับแม่และน้องสาว ตอนแรกพ่อยังติดต่อกลับมาบ้าง แต่ก็ทำอย่างนั้นจนเขาอายุเพียงหกขวบเท่านั้น

หลังการหย่าร้าง แม่ของเขามีสามีใหม่อีกหลายครั้ง ทำให้เธอต้องหอบลูกทั้งสองย้ายตามสามีไปยังเมืองต่าง ๆ ทั้งซิดนีย์ นิวยอร์ก และโทรอนโตเพราะเหตุนี้เด็กชายคีอานูจึงต้องย้ายโรงเรียนถึง 4 แห่งภายในช่วงเวลา 5 ปีนั่นทำให้เขามีภาวะดิสเล็กเซีย (Dyslexia) คือมีความบกพร่องด้านการอ่านเขียนการเรียนจึงเป็นเรื่องหนักหนาสาหัสสำหรับเขาไปโดยปริยาย

แต่เขามีทักษะโดดเด่นด้านกีฬา เป็นถึงผู้รักษาประตูฮอกกี้น้ำแข็งตัวเต็งของทีมโรงเรียนเดอลาซาลคอลเลจ โอกแลนด์ส (De La SalleCollege “Oaklands”) และใฝ่ฝันว่าสักวันหนึ่งจะต้องเป็นนักกีฬาทีมชาติแคนาดาให้ได้ แต่โชคร้ายเพราะบาดเจ็บเสียก่อน ทำให้ต้องพับเก็บความฝันนั้นไป

แม้สิ่งที่ตั้งใจไว้จะไม่เป็นไปอย่างที่คิด แต่เขาก็ไม่ยอมหยุดไขว่คว้าหาโอกาสใหม่ จากการที่เขาเคยร่วมงานกับโรงละครมาก่อนตั้งแต่อายุเพียง 9 ขวบและได้คลุกคลีกับวงการแสดงตั้งแต่เด็ก เมื่อถึงชั้นมัธยมปลายจึงตัดสินใจลาออกจากโรงเรียนเพื่อตามฝันในวงการภาพยนตร์ โดยไม่ได้รับวุฒิการศึกษาใด ๆ ติดมือมา

คลิกเลข 2 ด้านล่าง เพื่ออ่านหน้าถัดไป

โชคยังดีอยู่บ้างเพราะเมื่อเขาเริ่มโตเป็นหนุ่มก็ได้รับโอกาสก้าวเข้าสู่วงการแสดงอย่างที่ตั้งใจ โดยเริ่มแสดงภาพยนตร์เรื่องแรกเมื่อปี 1985 เรื่อง เล็ททิงโก (Letting Go)

ต่อมาในปี 1989 เขาแสดงภาพยนตร์ตลกเรื่อง แพเรนต์ฮู้ด (Parenthood) ทำให้ได้รู้จักกับเพื่อนในวงการอย่าง ริเวอร์ จูด ฟีนิกซ์ (River Jude Phoenix) ซึ่งกลายมาเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดคนหนึ่งของเขา

แต่แล้วเมื่อปี 1993 ริเวอร์ก็เสพยาเกินขนาดจนเสียชีวิต แม้การเสียเพื่อนที่แสนดีจะเป็นเรื่องหนักสำหรับเด็กหนุ่ม แต่นั่นก็เป็นบทเรียนให้เขาเข้มแข็งขึ้น

5 ปีต่อจากนั้นคีอานูตกหลุมรัก เจนนิเฟอร์ ไซม์ (Jennifer Syme) นักแสดงสาวสวยสัญชาติอเมริกัน ความรักของทั้งสองเบ่งบานจนกระทั่งปีถัดมา จึงตัดสินใจมีลูกสาวตัวน้อยด้วยกัน โดยตั้งชื่อน่ารัก ๆ ว่า เอวา อาร์เชอร์ ไซม์ รีฟส์ (Ava Archer Syme - Reeves) ไว้รอ ทว่าหนูน้อยไม่มีโอกาสได้ลืมตาดูโลกเพราะเสียชีวิตขณะมีอายุครรภ์ 8 เดือน ทำให้ว่าที่คุณแม่เสียใจมากจนกระทั่งเป็นโรคซึมเศร้า ทั้งคู่จึงตัดสินใจแยกทางกัน แต่ยังคงรักษามิตรภาพของความเป็นเพื่อนไว้ ทว่า 18 เดือนหลังจากนั้นเธอก็เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์

เหมือนโชคชะตาเล่นตลกอีกครั้ง เมื่อ คิม รีฟส์ (Kim Reeves) น้องสาวของเขาป่วยเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวหรือลิวคีเมีย แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เขาย่อท้อ เขาดูแลเธอไม่ห่างตลอดช่วงเวลา 10 ปีที่น้องสาวต้องต่อสู้กับโรคร้าย และยังนำเงินรายได้จากการแสดงภาพยนตร์จำนวนมหาศาลไปบริจาคให้แก่ศูนย์วิจัยด้านโรคมะเร็ง โรงพยาบาลและองค์กรการกุศลด้านโรคมะเร็ง เช่น มูลนิธิซิกคิดส์ (SickKids Foundation)องค์กรสแตนด์อัพทูแคนเซอร์ (Stand Up to Cancer) รวมทั้งจัดตั้งองค์กรการกุศลของตัวเอง แต่เลือกที่จะไม่ใช้ชื่อตัวเองเป็นชื่อมูลนิธิ

ความสูญเสียและความผิดหวังที่ผ่านมาไม่ได้บั่นทอนกำลังใจในชีวิตของเขาแม้แต่น้อย เขาเล่าว่า ความโศกเศร้าไม่มีวันจบสิ้น เพียงแค่มันเปลี่ยนรูปร่างหน้าตาไปเรื่อย ๆเท่านั้น นั่นคือบทเรียนที่ต้องผ่านไปให้ได้ และจะทำให้ชีวิตของเขาแกร่งขึ้นกว่าเดิม

ทุกวันนี้แม้เขามีค่าตัวในการแสดงมากกว่า 100 ล้านเหรียญ แต่กลับเลือกใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายที่สุดเท่าที่ทำได้คือไม่ถือตัว มีอัธยาศัยกับทุก ๆ คนในกองถ่าย ไม่มีบอดี้การ์ดคอยตามประกบ หรือคนขับรถคอยรับ - ส่ง แต่เลือกเดินทางไปไหนมาไหนด้วยรถไฟใต้ดิน ลุกให้ผู้หญิงนั่งขณะโดยสารรถเดินเล่นตามท้องถนนเพื่อดื่มด่ำกับวิถีชีวิตอันเนิบช้า และหยุดสนทนากับคนไร้บ้านตามทางที่เดินผ่าน

ครั้งหนึ่งเขาเคยทำเงินได้มากถึง 110 ล้านเหรียญสหรัฐจากภาพยนตร์ เดอะเมทริกซ์ แต่แทนที่จะนำเงินไปแสวงหาความสุขส่วนตัว เขาได้นำเงินไปให้คนสร้างฉากซึ่งมีฐานะยากจนมาก โดยให้เงิน 20,000 เหรียญแก่ชายคนนั้นเป็นของขวัญวันคริสต์มาส คีอานูอธิบายว่า เงินคือสิ่งสุดท้ายในชีวิตที่เขานึกถึง เงินที่เขามีสามารถเลี้ยงชีวิตเขาได้สองถึงสามร้อยปีข้างหน้า เขาจึงเลือกแบ่งปันให้คนอื่นแทนที่จะเก็บไว้คนเดียว

บทเรียนจากชีวิตอันเจ็บปวดที่ผ่านมา นอกจากจะเป็นแรงผลักดันให้ชายคนนี้ไม่ย่อท้อต่อโชคชะตาแล้ว ยังหล่อหลอมให้เขารู้จักคิดบวกอยู่เสมอ กระทั่งกลายเป็นคนที่มีจิตใจอันยิ่งใหญ่ จนได้รับยกย่องว่าเป็นชายที่นิสัยดีที่สุดในฮอลลีวู้ด 

ภาพ wegotthiscovered.com 


บทความน่าสนใจ

กว่าจะมีวันนี้ “โจว ฉุนเฟย” เศรษฐีจีน ผู้เป็นต้นแบบของความเพียร

แนวคิดสู่ความสำเร็จของ อิงวาร์ คัมพราด มหาเศรษฐีผู้ก่อตั้งอาณาจักร IKEA  

จากแม่ค้าไข่สู่เจ้าของกระเป๋าผ้าพันล้าน นารายา (Naraya)วาสนา ลาทูรัส

Posted in MIND
BACK
TO TOP
cheewajitmedia
Writer

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.