ชีวิตที่คิดดีและมีธรรมของกรณ์ ณรงค์เดช

ชีวิตที่คิดดีและมีธรรมของกรณ์ ณรงค์เดช

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเคพีเอ็น อวอร์ด จำกัดและรองประธานกรรมการกลุ่มเคพีเอ็น

เรื่อง อุรัชษฎา ขุนขำ 

ภาพ วรวุฒิ วิชาธร 

ผู้ช่วยช่างภาพ กำพล ยอดเมือง

 

เมื่อเจอปัญหา คนเป็นจำนวนไม่น้อยมักโอดครวญว่าโลกช่างโหดร้ายแท้จริงแล้วโลกก็อยู่ของมันปกติ แต่เราเลือกที่จะมองมันอย่างไรมากกว่า คุณกรณ์ ณรงค์เดช เป็นอีกคนที่เลือกมองในมุมดี มีธรรมะคอยกำกับ

หลังเรียนจบปริญญาตรีด้านบริหารธุรกิจ สาขาการจัดการ จากประเทศสวิต-เซอร์แลนด์ เขาเริ่มทำงานที่ธนาคารแห่งหนึ่งแล้วพบว่าไม่ใช่งานที่ชอบ จึงไปเรียนต่อด้านบริหารธุรกิจ สาขาการตลาด ที่อังกฤษและเรียนคอร์สออกแบบตกแต่งภายในเป็นเวลา 6 เดือน ก่อนกลับมาทำงานบริหารธุรกิจคอนโดมิเนียมของครอบครัว 5 ปีต่อมาเขารับหน้าที่ดูแลรายการเคพีเอ็น อวอร์ด ต่อจากมารดา (คุณหญิงพรทิพย์ ณรงค์เดช) ซึ่งเป็นธุรกิจบันเทิงที่เขาไม่มีประสบการณ์มาก่อน

“ผมเข้ามาทำงานเดือนสิงหาคมรายการต้องออกอากาศเดือนตุลาคมมีเวลาทำงานแค่ 3 เดือนก่อนรายการจะเริ่มไปขายโฆษณา ลูกค้าถามว่าแพ็คเกจนี้ได้ไทอินอย่างไร ผมถามลูกค้ากลับว่าไทอินคืออะไร เพราะไม่รู้อะไรเลย แต่ลูกค้าของผมน่ารักมาก เขาเห็นความตั้งใจของผมจึงสนับสนุนจากวันนั้นมาถึงวันนี้

“ปีนี้ KPN Award ครบรอบ 25 ปีเราจัดรายการพิเศษ รวบรวมผู้ที่เคยประกวดKPN Award ใน 24 ปีที่ผ่านมาให้มาแข่งขันกัน มีทั้งกลุ่มนักร้องอาชีพ กลุ่มครูสอนร้องเพลง กลุ่มอาชีพอื่น กลุ่มนักเรียนนักศึกษา โดยมีกรรมการส่วนที่แสดงความคิดเห็นเพียงอย่างเดียว และกรรมการที่ให้คะแนน ซึ่งอาจเห็นต่างกับกรรมการที่แสดงความคิดเห็นก็ได้ เรียกว่าปีนี้รวบรวมความพิเศษไว้ที่นี่ที่เดียว” เขายอมรับว่าการเข้ามาทำงานในสายงานที่ไม่เคยสัมผัสให้ประสบการณ์ใหม่ ๆและสนุกมาก

“เมื่อก่อนเวลาผมให้สัมภาษณ์สื่อผมจะบอกเสมอว่า ธุรกิจคอนโดมิเนียมคือสิ่งที่ผมทำแล้วรักมากที่สุด ผมคงทำอย่างอื่นไม่ได้แล้ว แต่พอได้มาทำรายการเคพีเอ็น อวอร์ด ผมบอกตัวเองว่า ต่อไปนี้ถ้ามีสิ่งใดที่ยังไม่เคยลองจะไม่พูดแล้วว่าไม่ชอบ เพราะเราไม่รู้ว่าเราจะชอบหรือไม่ถ้ามีโอกาสใหม่ ๆ เข้ามาก็จะลองทำ”

งานที่คุณกรณ์ทำเป็นงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์สูง คุณกรณ์เล่าถึงแรงบันดาลใจในการทำงานว่า “ผมได้แรงบันดาลใจมาจาก 2 ส่วนส่วนแรกผมต้องทำสิ่งที่ผมรัก พอเรารักงานที่ทำก็จะไม่เป็นงานอีกต่อไป ผมเชื่อว่าอะไรที่ทำด้วยใจมันจะสำเร็จไปก่อนแล้วครึ่งหนึ่งแรงบันดาลใจส่วนที่ 2 ผมได้มาจากการท่องเที่ยว เวลาเราไปเจออะไรระหว่างการเดินทาง เรามักจะได้ไอเดียใหม่ ๆ มาประยุกต์ใช้กับงานเสมอ”

นอกจากแรงบันดาลใจดังกล่าวธรรมะก็เป็นอีกเรื่องที่คอยกำกับวิธีคิดและการดำเนินชีวิตของผู้ชายคนนี้

“ครั้งหนึ่งผมเคยเป็นคนที่ไม่อยากบวชเลย แต่พอคุณตาเสียได้ไม่นาน มีหมอดูบอกคุณยายว่า วิญญาณคุณตาจะไม่ได้ขึ้นสวรรค์หากไม่มีหลานบวชให้ แล้วพี่ผมบวชกันหมดแล้ว เหลือผมคนเดียว จึงบวชให้คุณตา “

ผมบวช 20 วัน พระพี่เลี้ยงเคร่งครัดมาก การบวชครั้งนั้นทำให้ผมนิ่งขึ้น ยิ่งกว่านั้นคำสอนต่าง ๆ ยังต่อยอดเรื่องกฎแห่งกรรมที่ครอบครัวปลูกฝังมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ๆ ผมเชื่อว่าการที่ผมมีกินมีใช้อย่างทุกวันนี้ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผลบุญที่ทำมา และถ้าเราไม่หมั่นทำบุญเพิ่มขึ้น สักวันบุญก็ต้องหมดไป ทุกวันนี้ถ้าว่างผมจะหาเวลาไปทำบุญ แต่การทำบุญของผมไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนเงิน จะทำสิบบาทหรือล้านบาทก็ต้องทำ เพราะเป็นเรื่องที่ควรทำ ไม่ใช่ทำเพราะเอาหน้า และที่สำคัญถ้าเรามี เราต้องคืนให้สังคมด้วยครับ”

ส่วนธรรมะที่คุณกรณ์นำมาใช้ในชีวิตมากที่สุดคือ เรื่องของกฎแห่งกรรมและการปล่อยวาง

“ผมเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรม ถ้าเราดีกับเขาแล้วเขาจะไม่ดีกับเรา เขาจะต้องแพ้ภัยตัวเอง หรือถ้าทำงานแล้วโดนโกง หากมัวแต่คิดว่าทำไมเขาถึงทำกับเราอย่างนี้ เราจะทุกข์ ไม่ต้องแค้นเขาครับ ท้ายที่สุดแล้วเวรกรรมจะจัดการเขาเอง พอพูดถึงควาทุกข์

จริง ๆ แล้วคนทุกคนมีเรื่องทุกข์ มีปัญหาชีวิตอยู่ที่ใครจะวางได้เร็วแค่ไหน ถ้าคิดมากแล้วมันดี แก้ปัญหาชีวิตได้ ก็คิดไป ถ้าคิดมากแล้วไม่เกิดประโยชน์อะไรจะเสียสติเปล่า ๆอะไรปล่อยวางได้ก็วางดีกว่าครับ”

เพียงน้อมนำธรรมะมาใช้ในชีวิต เมื่อจิตเบา เราก็สบาย

Posted in MIND
BACK
TO TOP
A Cuisine
Writer

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.