สุธาสินี พุทธินันทน์

สุธาสินี พุทธินันทน์ นิยามของสุธาสินี พุทธินันทน์ นิยามของผู้หญิงเพอร์เฟ็คท์

สุธาสินี พุทธินันทน์ นิยามของผู้หญิงเพอร์เฟ็คท์

ภาพของคุณหญิงกีรติในบทประพันธ์เรื่อง “ข้างหลังภาพ” นั้นงดงามและตราตรึงอยู่ในใจผู้อ่านมานาน และเมื่อนำมาสร้างเป็นละครเวที ผู้หญิงที่ได้รับเลือกให้สวมบทดังกล่าวก็คือ แพ็ท – สุธาสินี พุทธินันทน์

เธอได้รับคำชมและเสียงปรบมืออย่างล้นหลามจากฝีมือในการแสดง นอกจากสวยและเก่งแล้ว เธอยังอุทิศตนช่วยเหลือสังคมในหลายๆ ด้าน นิยามว่าผู้หญิงเพอร์เฟ็คท์ น่าจะเป็นคำที่เหมาะสมที่สุด

เหนื่อยไหมครับกับ 49 รอบของละครเวที “ข้างหลังภาพ”

รู้สึกหนักมากกว่าค่ะ เหมือนทำงานหนัก ใช้พลังงานและสมองเยอะ ไม่ได้หนักแค่ตอนเล่นนะคะ แต่หนักตั้งแต่ช่วงเตรียมตัวพอตื่นนอน อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ไปโรงละครเลย ต้องแต่งหน้า ทำผม วอร์มร่างกาย วอร์มเสียง ฝึกสมาธิ พอเล่นเสร็จบางวันพี่บอยก็มีคอมเมนต์ ให้ปรับปรุงตรงนั้นตรงนี้ ระยะเวลาในการทำงานยาวมาก บางวันก็รู้สึกล้า แต่ถ้าดูแลตัวเองดี พักผ่อนเพียงพอ ก็จะผ่านไปได้ ถ้าไม่มีใจเล่นละครเวทีคงเหนื่อยกว่านี้ แต่นี่แพ็ทชอบ ชอบร้องเพลงและแสดงในเวลาเดียวกัน เป็นสิ่งที่ทำให้มีความสุข จึงมีพลังและสนุกกับทุกวัน

โดยส่วนตัวรู้สึกอย่างไรกับคุณหญิงกีรติครับ

แพ็ทชื่นชมคุณหญิงที่ทราบว่าตัวเองต้องการอะไร รู้จักเสียสละและดำรงอยู่ในความถูกต้องของกรอบที่สังคมวางไว้ เมื่อแต่งงานกับท่านเจ้าคุณ ก็ให้เกียรติและเคารพชีวิตสมรส ขณะเดียวกันก็เคารพในสิ่งที่ตัวเองเป็น การตัดสินใจรักนพพรอย่างเปิดเผยแล้วเลิกกับท่านเจ้าคุณ คุณหญิงมองว่าไม่ถูกต้องและเสียความเป็นเจ้า ความรักกับนพพรคือความรักที่ใจต้องการ แต่ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ชื่นชมในใจ สุดท้ายคุณหญิงกีรติก็ยังอยู่กับท่านเจ้าคุณและไม่ทำอะไรเกินเลย คิดว่าในชีวิตจริงก็น่าจะมีคนแบบนี้ แต่ใครจะตัดสินชีวิตตัวเองแบบไหนก็แล้วแต่คนแต่ละคน โดยส่วนตัวแล้วแพ็ทชื่นชมคุณหญิงที่เคารพในสิ่งที่ถูกต้องค่ะ

ทราบว่าสนใจเรื่องธรรมะพอสมควรทีเดียว

ค่ะ ตั้งแต่เด็ก คุณพ่อ คุณแม่ และคุณยายมักจะพาไปวัด วันเกิดหรือวันพิเศษต่างๆ ก็ไปถวายสังฆทาน ไปทำบุญ ไปกราบพระช่วงเรียนไฮสกูลที่ต่างประเทศเรียนหนังสือเยอะ จึงไม่ค่อยได้สนใจสักเท่าไร กระทั่งเรียนจบแล้วกลับมาอยู่เมืองไทยจึงเข้าวัดมากขึ้น

เคยไปปฏิบัติธรรมไหมครับ

ยังเลยค่ะ มีแต่เพื่อนๆ ไปกัน คนที่เคยไปกลับมาบอกว่าไม่เคยคิดว่าจะดีอย่างนี้ ตอนแรกเขาคิดว่าต้องแย่แน่ๆ แต่พอไปแล้วชอบ เลยมาชวน แต่พอจะไปทีไรก็ติดงานทุกที แพ็ทพยายามหาโอกาสอยู่ค่ะ เพราะแพ็ทอยากไปมาก

แม้ว่ายังไม่เคยไปปฏิบัติธรรมหรือนั่งสมาธิมาก่อน แต่น่าแปลกที่ตั้งแต่เด็ก เวลาทำอะไรก็ตามจะมีสมาธิสูง เวลาทำงานหรือคุยกับใครอยู่ก็จะโฟกัสไปที่จุดนั้นๆ และมีสติมากจนสามารถแยกเสียงคนรอบข้างออกจากสิ่งที่สนใจฟังได้ จนไม่ได้ยินว่าคนรอบข้างคุยอะไรกันอยู่ ตอนเป็นเด็กถ้ามีใครจับให้นั่งสมาธิจะไม่ชอบมากๆ เพราะนั่งทีไรก็หลับ พอโตขึ้นอีกหน่อยเคยลองทำเอง ทำอยู่หลายครั้งแต่ก็ยังนั่งนิ่งๆ ไม่ได้ จนคิดว่าหรือเราคงจะนั่งสมาธิไม่ได้

จนถึงช่วงต้นปีมีโอกาสไปเรียนแอ๊คติ้งกับหม่อมน้อย (หม่อมหลวงพันธุ์เทวนพ เทวกุล) ซึ่งสอนแอ๊คติ้งโดยยึดหลักทางพุทธศาสนาเป็นหลัก คลาสหนึ่งเรียนประมาณสามชั่วโมง ในชั่วโมงแรกท่านให้เอกเซอร์ไซส์ด้วยการทำโยคะก่อน จากนั้นก็ให้นั่งสมาธิ ตอนนั้นเองที่ได้รู้ว่าเราก็นั่งได้ ครั้งแรกนั่งได้ประมาณ 20 นาที ซึ่งถือว่านานสำหรับคนที่ไม่เคย หม่อมน้อยบอกว่า วิธีนั่งสมาธิที่ถูกต้องคือนั่งขัดสมาธิ เพราะจะเป็นท่าที่ทำให้เกิดความรู้สึกมากที่สุด ความรู้สึกเรียกเป็นภาษาพระว่าเวทนา จะเป็นเหน็บชาได้ง่าย เพราะฉะนั้นจะเป็นการฝึกให้เรารู้จักควบคุมเวทนา ถ้าสามารถควบคุมเวทนาและความรู้สึกได้ความเมื่อยก็จะหายไป ตอนหลับตาไปสักพัก แพ็ทมองเห็นทุกอย่างขาวไปหมด บางทีก็เห็นนิมิตสีชมพูบ้าง สีเขียวบ้างรู้สึกดีกับภาพที่เห็นและสบายมากกว่านอนหลับอีก พอลืมตาก็สดชื่น หม่อมน้อยชมว่าเป็นคนที่มีสมาธิดี

ตั้งแต่นั้นมาก็ชอบนั่งสมาธิไปเลย ลองฝึกมาเรื่อยๆ ถ้ามีเวลาจะนั่งประมาณหนึ่งชั่วโมง ถ้าไม่มีเวลาก็นั่งแค่ 5 – 10 นาที รู้สึกว่าช่วยให้จิตใจปลอดโปร่งขึ้น มีสติมากขึ้น จากที่มีสมาธิอยู่แล้วก็มีเพิ่มขึ้นอีก แพ็ทว่าไม่ใช่แค่พัฒนาการทางการแสดงอย่างเดียวที่ได้ แต่ได้ในการนำไปใช้ในการดำเนินชีวิตแต่ละวัน รู้สึกว่าสมาธิช่วยให้ใจสงบ และทำให้มองโลกในทางที่ดีขึ้นด้วย จากแต่ก่อนเวลามีปัญหาจะรีบกลับไปนั่งสมาธิ แต่ถึงตอนนี้พอได้ฝึกบ่อยๆ ไม่ต้องไปนั่งสมาธิแล้ว แค่ทำใจให้นิ่งก็สามารถแก้ปัญหาและตัดสินใจได้เลย

ช่วงชีวิตที่ผ่านมา เหตุการณ์ไหนสร้างความทุกข์ให้มากที่สุดครับ

ถ้าพูดถึงความทุกข์จริงๆ ก็น่าจะเป็นช่วงที่คุณพ่อเสียชีวิตค่ะก่อนหน้านั้นแพ็ทไม่เคยรู้จักว่าความทุกข์จริงๆ เป็นอย่างไร ครอบครัวเราอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันมาตลอด ตั้งแต่จำความได้ก็รู้สึกว่าชีวิตมีความสุขและอบอุ่นมาก ได้รับความรักจากคุณพ่อคุณแม่ตลอดเวลา ทุกอย่างเป็นสีชมพู ทำให้แพ็ทนึกถึงอนาคตอย่างไกลเลยว่าเราจะต้องอยู่พร้อมหน้ากันตลอดไป ออกเดินทางไปเที่ยว ทำนั่นทำนี่ด้วยกัน

จนวันที่คุณพ่อเสียชีวิต ทุกข์และเสียใจมาก แพ็ทไม่เข้าใจมากๆ ว่าทำไมต้องมีเรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นกับครอบครัวเราด้วย ทั้งๆ ที่ท่านเองก็เป็นคนดีมาก ชอบช่วยเหลือคนอื่น มีแต่ให้ มีแต่คนรักเคารพ

ช่วงที่ท่านป่วย ในใจคิดเสมอว่ายังไงท่านก็ต้องหาย พระต้องคุ้มครองคุณพ่อ พอถึงตอนที่ท่านเสียไปแล้วก็ยังไม่เชื่อว่าเกิดขึ้นจริงๆ จากตัวหนักๆ รู้สึกว่าตัวเองเบาหวิว แต่ยังไม่ร้องไห้ คงเป็นเพราะกำลังงงอยู่ จนเวลาผ่านไปเดือนหนึ่งก็เริ่มร้องไห้ ร้องอยู่นานมาก จนวันหนึ่งคุณแม่ แพ็ท และน้องต้องหันมาคุยกันว่า ถ้ามัวร้องไห้อย่างเดียวโดยไม่ทำอะไรคงไม่ดีแน่ เพราะถ้าคุณพ่อเห็นท่านคงเสียใจ เราต้องยอมรับความจริงว่านี่คือสิ่งที่ต้องเกิดสักวันทำอย่างไรจึงจะกลับมามีความสุขเหมือนตอนคุณพ่ออยู่ เลยต้องลุกขึ้นสู้ ถือเป็นบทเรียนครั้งยิ่งใหญ่มากๆ สำหรับคุณแม่ น้อง และแพ็ท

ช่วงที่ทุกข์ใจได้นำธรรมะมาช่วยอย่างไรบ้าง

ตอนคุณพ่อเสียยังคิดเรื่องการเกิดการดับไม่เป็นเลยค่ะ แพ็ทเคยนับถือการปฏิบัติธรรมมาตลอด กระทั่งคุณพ่อจากไป ก็รู้สึกโกรธว่า ทำไมสิ่งที่อธิษฐานที่ไหว้ทุกวันเพื่อขอให้ท่านหายจึงไม่เป็นผลไม่ทราบว่าผิดหรือเปล่าที่โกรธ แต่นั่นเป็นอารมณ์ของมนุษย์คนหนึ่งที่ไม่เข้าใจว่าคนดีๆ และจิตใจดี คนที่สามารถช่วยเหลือคนอื่นได้อีกตั้งมากมาย ทำไมต้องด่วนจากไป ที่ผ่านมาเราพ่อแม่ลูกไม่เคยคิดร้ายกับใคร ทำไมต้องทำให้ครอบครัวเราไม่สมบูรณ์ รู้สึกขุ่นๆ จนถอยห่างจากธรรมะ แต่วันหนึ่งก็เข้าใจว่าชีวิตคนมีเกิดก็มีดับ และนี่เป็นสิ่งที่เกิดกับชีวิตใครก็ได้ และการที่เราอธิษฐานหรือสวดมนต์ใดๆ ไป ก็ไม่ควรหวังผลตอบแทน แต่ควรทำด้วยใจ ตอนนี้เข้าใจแล้วว่า ทุกสิ่งในโลกไม่เที่ยงหนอ ไม่แน่หนอ ในแต่ละวันทำทุกอย่างให้ดีที่สุดก็พอ

นอกจากละครเวทีที่ผ่านไป ตอนนี้ทำอะไรอีกบ้างครับ

ทำธุรกิจสปาอยู่ที่ซอยสุขุมวิท 29 และช่วยคุณแม่ดูแลมูลนิธิเรวัต พุทธินันทน์ จุดประสงค์ที่ก่อตั้งมูลนิธิก็เพื่อถ่ายทอดความรู้ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษา ก่อนเสียชีวิตคุณพ่อตั้งใจไว้ว่าจะเขียนหนังสือเกี่ยวกับประสบการณ์ด้านดนตรี การทำงานและความผิดพลาดที่เคยประสบ พอท่านเสีย แพ็ทกับคุณแม่เลยพยายามสานต่อเจตนารมณ์ในการให้ความรู้และการศึกษาด้านดนตรี เป็นจังหวะเดียวกับที่ทางมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ติดต่อเข้ามา จึงได้ทำห้องสมุดดนตรีเรวัตพุทธินันทน์ ขึ้นที่นั่น ที่ทำอีกอย่างตอนนี้คือเป็นอาสาสมัครสมทบมูลนิธิแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (พอ.สว.) และเป็นพรีเซ็นเตอร์ของแบรนด์รังนกแท้ค่ะ

เล่าถึงงานที่ทำหน่อยสิครับ

แพ็ทมีโอกาสได้ไปออกหน่วยที่ต่างจังหวัดบ้างค่ะ เคยไปลพบุรีและปราจีนบุรี บางที่ต้องขับรถเข้าไปในหมู่บ้านลึกๆ ซึ่งถนนยังเป็นดินลูกรัง ส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยที่ไม่สามารถเข้ามารักษาตัวในเมืองได้ มีตั้งแต่เด็กตัวเล็กๆ ไปจนถึงคนแก่อายุ 90 หน้าที่ของแพ็ทคือช่วยคุณหมอดูแลผู้ป่วย ช่วยลงทะเบียนคนไข้ ถามไถ่ว่าไม่สบายตรงไหนทำทุกอย่างที่จะสามารถช่วยได้ แม้ว่าจะไม่สามารถตรวจอาการป่วยได้แต่ก็ช่วยทำให้เขาสบายใจและมีกำลังใจขึ้นได้

มีเคสไหนที่ประทับใจเป็นพิเศษไหมครับ

ที่เคยเจอส่วนใหญ่เป็นโรคเบสิก อย่างเป็นไข้หวัดหรือโรคกระเพาะ ฟันผุ บางคนก็ไอตลอดเวลา ยังไม่เคยเจอคนที่ป่วยมากๆ แต่ก็มีเคสหนึ่ง เป็นคุณยายอายุประมาณ 90 ปี เดินแทบจะไม่ไหวอยู่แล้ว แต่ก็พยายามเดินมาพบหมอในจุดที่เราเข้าไปตรวจที่น่าสงสารคือคุณตาก็ป่วย แต่มารักษาไม่ได้ ต้องนอนอยู่ที่บ้านเพราะเดินไม่ไหว เราเลยต้องไปหาถึงที่ และตั้งใจไปดูแลจริงๆคิดดูนะคะว่า ถ้าไม่มีหน่วยแพทย์เข้าไปถึง คุณตาและคุณยายสองท่านนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง มีบางคนป่วยเป็นโรคหัวใจ ต้องดูแลต่อเนื่องเป็นสิบปี ทางมูลนิธิจะส่งคุณหมอไปหา ช่วยค่ารักษา ถ้าหนักและจะต้องมารักษาตัวในเมือง มูลนิธิก็จะช่วยดูแลค่าอาหาร ค่าที่พัก รวมถึงค่าเดินทาง เจ้าตัวไม่ต้องออกเงินเลย คนที่ป่วยเป็นโรคหัวใจ มีบางคนที่คุณหมอดูแลมาเป็นสิบปีจนตอนนี้เขาหายแล้ว ถามว่าเหนื่อยไหม ไม่ค่ะ แม้ว่าต้องเดินทางนานๆ แต่ใจเราอยากไป ไม่ว่าลำบากแค่ไหนก็ไป ทุกคนที่ไป ไปด้วยความเต็มใจจริงๆ

ถ้าถามถึงการทำความดีที่ทำแล้วรู้สึกอิ่มใจที่สุด

มีหลายอย่างค่ะ อย่างการทำความดีกับคนใกล้ตัว แพ็ทถือว่าครอบครัวสำคัญมากๆ สิ่งที่มีความหมายและยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของแพ็ทก็คือ การทำให้คุณแม่และน้อง คุณยาย รวมถึงสามีมีความสุข อย่างคุณแม่ จะดูแลสุขภาพของท่านให้แข็งแรง ดูแลไม่ให้เครียด ช่วยทำให้ท่านสบายใจ ส่วนใหญ่เป็นการกระทำมากกว่าการให้ของ การได้แสดงออกซึ่งความรักความห่วงใยต่อกัน แพ็ทถือว่าทำให้เราอิ่มเอมและสบายใจมากกว่าสิ่งใด นอกจากนี้แล้วเรายังไปช่วยคนด้อยโอกาสและคนที่ต้องการความช่วยเหลือ ที่ทำทุกปีคือไปสถานสงเคราะห์เด็กชายบ้านมหาเมฆ นำอาหารไปเลี้ยง นำเสื้อผ้าไปแจก ให้เงินเขาไว้ใช้จ่ายบ้างตามสมควร ความที่ไปมาตลอดตั้งแต่คุณพ่อยังอยู่จนถึงตอนนี้เลยเห็นพัฒนาการของเด็กๆ จากครั้งแรกเขาตัวนิดเดียว ตอนนี้เข้ามหาวิทยาลัยแล้ว น้องๆ ก็จำเราได้ โดยส่วนตัวคิดว่าช่วยอะไรได้ก็ช่วย ไม่เคยคิดที่จะทำเอาบุญ แค่เห็นเขามีความสุข เห็นรอยยิ้มของเขาก็ดีใจแล้วค่ะ

มีโครงการจะทำอะไรใหม่ๆ ไหมครับ

ไม่ว่าจะทำธุรกิจหรือการแสดง แพ็ทอยากทำไปทีละนิดก่อนค่ะ คุณพ่อเคยสอนว่า คนเราจะทำอะไรก็ได้ แต่ต้องทำอย่างจริงจังและสุจริต ซึ่งคุณภาพสำคัญที่สุด อย่างร้องเพลง มีคนบอกว่าร้องดีอยู่แล้ว ทำไมต้องไปเรียนเพิ่มเติมอีก จะบอกว่าการร้องเพลงก็เหมือนการออกกำลังกาย ถ้าฝึกร้องเพลงไปเรื่อยๆ เรนจ์ก็กว้างขึ้นวิธีร้องจะดีขึ้นและหลากหลายขึ้น

แพ็ทอยากร้องเพลงให้ได้หลายสไตล์มากที่สุด ไม่ใช่แค่เธียเตอร์หรือป็อปอย่างเดียว อยากร้องทั้งแนวแจ๊สและร็อคนิดๆ ถ้ามีโอกาส เรื่องงานแสดงก็เช่นกัน อยากเล่นให้ได้หลายบท เพราะงานตรงนี้สามารถพัฒนาได้ไม่สิ้นสุด ถึงตอนนี้แพ็ทเล่นละครเวทีมา3 เรื่องแล้ว ซึ่งแต่ละบทก็ต่างกันไป แพ็ทก็ยังไม่อยากหยุดอยู่แค่ 3 เรื่องที่เคยเล่นเท่านั้นค่ะ เพราะมีหลักคิดแบบนี้ งานแต่ละชิ้นของเธอจึงล้วนแล้วแต่มีคุณภาพทั้งสิ้น เป็นที่คุณก็เลียนแบบได้

Secret Box

  • นอกจากเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ทำดีกับผู้อื่นแล้ว ต้องไม่ลืม

คนใกล้ตัว เช่น พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย และคนใน

ครอบครัว

  • เมื่อรักจะทำสิ่งใดก็ควรมุ่งมั่นพัฒนาในสิ่งนั้นอย่างจริงจัง

โดยไม่หยุดอยู่กับที่

 

เรื่อง สหัสวรรษ ภาพ นิติกร กรัยวิเชียร


บทความน่าสนใจ

“บันทึกแห่งความสุขจากการให้” ฝากถึงคุณญาญ่า อุรัสยา

ความรักต่อสิ่งที่ทำในปัจจุบัน ของ “แต้ว ณฐพร”

แต้ว ณฐพร เตมีรักษ์ ผู้หญิงที่ไม่ได้มีแค่ “ความสวย”  นิตยสาร Secret

เปลือยใจ “น้ำฝน กุลณัฐ” หญิงมั่นหัวใจแกร่งยอดกตัญญู

แหม่ม อลิสา ขจรไชยกุล ชีวิตพลิกผันจากดารา…สู่แม่ค้าฮาเฮ ตอน 1

แหม่ม อลิสา ขจรไชยกุล ชีวิตพลิกผันจากดารา…สู่แม่ค้าฮาเฮ ตอน 2

แหม่ม อลิสา ขจรไชยกุล ชีวิตพลิกผันจากดารา…สู่แม่ค้าฮาเฮ ตอน 3 (จบ)

ดารานักร้องแหวน ฐิติมา สู้มะเร็งเต้านม กำลังใจล้น

ดารา “พิมพ์ซาซ่า ” เป็นมะเร็ง ขอสู้ด้วยกำลังใจ

 

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.