วาไรตี้ทุกข์ ของกรรณิกา ธรรมเกษร (1)

วาไรตี้ทุกข์ ของ กรรณิกา ธรรมเกษร (1)

สวัสดีค่ะ ท่านผู้อ่านที่รักทุกท่าน รวมถึงท่านที่เคยได้ชมดิฉันในรายการทางโทรทัศน์ ท่านจำไม่ผิดแน่ ดิฉันคือ กรรณิกา ธรรมเกษร อดีตนักจัดรายการทีวีวาที โต้คารมมัธยมศึกษา กฎแห่งกรรม ยอดเยาวชนยอดคน ปปป.ซูเปอร์จิ๋ว หรือจะนับให้ไกลไปกว่านี้สักนิด ดิฉันเคยเล่นละครโทรทัศน์ ละครร้อง รวมทั้งเคยเป็นผู้ประกาศข่าวคู่กับคนดังหลายท่านมาแล้ว

น่าเสียดายที่ความรักครั้งแรกต้องจบลงด้วยความเศร้า อุปสรรคขวากหนามไม่ได้เกิดจากการที่เราสองคนเป็นญาติกันเท่านั้น แต่เป็นความตายที่มาพรากเขาไปจากชีวิตดิฉัน

วันวารผ่านไปพร้อมเรื่องราวหลากรส รู้ตัวอีกทีดิฉันก็อายุปาเข้าไป 61 ปี เป็นคุณแม่ลูกสองและคุณย่าหลานหนึ่ง พร้อมริ้วรอยบาดแผลจากความล้มเหลวที่เพิ่งตกสะเก็ดเมื่อไม่นานมานี้

ความล้มเหลว เจ็บช้ำ ทุกข์ใจของดิฉันมีหลายเรื่องหลายราว แต่ละเรื่องสามารถเล่าออกมาได้เป็นฉากๆ ไม่ต่างอะไรกับรายการวาไรตี้ที่คุณชมกันทางโทรทัศน์ ความเจ็บปวดซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่ได้รับ ดิฉันไม่เคยปริปากเล่าให้ใครได้รับรู้ แม้กระทั่งลูกๆ ดังนั้นที่ผ่านมา คนรอบข้างจึงเข้าใจว่า ดิฉันมีความสุขดี ทั้งๆ ที่ในใจระทมหม่นไหม้จนแทบไม่อยากอยู่ในโลกนี้อีกต่อไป

ทำไมผู้หญิงที่ใครๆ ก็บอกว่าดูดี สวย รวย เก่งกาจ ฉลาดล้ำ ถึงพบกับความตกต่ำ ร้าวราน สูญเสียทั้งทรัพย์สิน คนรัก ชื่อเสียง พนักงานผองเพื่อน ได้ถึงเพียงนี้ คงเป็นคำถามที่หลายคนสงสัยใคร่รู้ และจากบรรทัดนี้เป็นต้นไป นี่คือชีวิตจริงที่ยิ่งกว่านิยายของดิฉันซึ่งเรียกได้ว่าเป็นวาไรตี้ทุกข์ ฉบับเกิด แก่ เจ็บ ตาย ก็ว่าได้

เกิด…จากความรัก”

ถ้านี่เป็นฉากแรกของความทุกข์ ดิฉันอยากบอกว่า มีทั้งรสหวาน ขม เผ็ด ร้อน ผสมปนเปกันไป ความรักที่ดิฉันประสบมีทั้งร้ายและดี แต่ในส่วนที่ร้ายซึ่งทำให้รู้จักทุกข์นั้น กลับฝังเป็นรอยจำมิรู้ลืม

ถ้าบอกว่าทุกข์ที่สุดของผู้หญิงคือเรื่องความรักก็คงจะไม่ผิดนัก รักครั้งแรกของดิฉันเป็นความรักที่บริสุทธิ์มาก เกิดขึ้นตอนเรียนอยู่ปี 3 ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เขาเป็นทหารบกยศร้อยโท แก่กว่าดิฉัน 5 ปีเป็นคนน่ารัก เสมอต้นเสมอปลาย วันเกิดของดิฉันเขาให้แหวนรุ่น จ.ป.ร.เป็นที่ระลึก ซึ่งยังสวมอยู่จนถึงทุกวันนี้เพื่อเตือนตัวเองว่า เรามีคนดีที่เรารักและเขาก็รักเรา

แต่น่าเสียดายที่ความรักครั้งแรกต้องจบลงด้วยความเศร้า อุปสรรคขวากหนามไม่ได้เกิดจากการที่เราสองคนเป็นญาติกันเท่านั้น แต่เป็นความตายที่มาพรากเขาไปจากชีวิตดิฉันPic 21

ด้วยความที่เขาเป็นทหาร จึงโยกย้ายไปประจำที่ชายแดน แม้จะต้องห่างไกลกัน แต่เราสองคนยังติดต่อกันผ่านทางจดหมายอย่างสม่ำเสมอ จนวันหนึ่งข่าวร้ายที่ทำให้หัวใจแทบขาดก็มาถึง วันที่ 25 สิงหาคม 2513 ดิฉันได้รับข่าวว่าเขาเสียชีวิตจากการเหยียบกับระเบิด

นาทีแรกที่รู้ข่าว ดิฉันไม่เชื่อและคิดว่าต้องไม่ใช่ จนกระทั่งเห็นกับตาตัวเองว่าเขานอนสงบนิ่งอยู่ในถุงพลาสติกใส ใบหน้าซีดเผือด…รู้สึกช็อก บอกไม่ถูกว่าการสูญเสียครั้งนั้นยิ่งใหญ่เพียงใด ได้แต่พยายามจดจำคืนวันที่ดีงามของเราอยู่เงียบๆ คนเดียว ทั้งยังรู้สึกเศร้าขมขื่นใจจนไม่มีแก่ใจจะเรียนหนังสือ และไม่คิดว่าจะมีใครสามารถมาแทนที่ความรักครั้งแรกนี้ได้

จนกระทั่งถึงวันสำเร็จการศึกษา เพื่อนแนะนำให้รู้จักกับพี่ชายของเพื่อนซึ่งเป็นทหารอากาศ เราเจอกันในงานฉลองปริญญา เขาขอดิฉันเต้นรำ แล้วบอกว่าชอบดิฉัน ดิฉันจึงบอกเขาไปว่า ถ้าแน่จริงให้ไปขอกับพ่อ เขาก็ไปดูฤกษ์เลย เรารู้จักกันเดือนกรกฎาคม ปลายสิงหาคมหมั้น กันยายนแต่ง สมัยนั้นแต่งงานตอนอายุ 24 นี่ถือว่าแก่มากแล้ว แต่ตอนนั้นหนังสือพิมพ์ยังลงข่าวเกรียวกราวว่าเป็นความรักยุคจรวด

ชีวิตหลังแต่งงานสี่ปีแรกมีความสุขมาก ยิ่งตอนท้องนี่เขาดูแลเราดี เอาใจสารพัด เรามีลูกคนแรกเป็นผู้ชาย ชื่อ พี่ต้วง – กรพรหม พอลูกคนแรกอายุได้ขวบครึ่งก็มีคนที่สองเป็นผู้หญิง ชื่อ น้องต๊อ – มุขธิดา เขารักลูกมาก เพราะสมใจที่มีลูกทั้งชายและหญิง เลยขอทำหมันเอง แต่อยู่กันได้ 7 ปีเขาก็เปลี่ยนไป

ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นหลังจากที่เขาลาออกจากราชการทหารมาเป็นกัปตันประจำสายการบิน ทำให้เวลาที่เราจะได้อยู่ใกล้ชิดกันเริ่มน้อยลง แต่ที่หนักสุดเห็นจะเป็นปัญหาเรื่องความเจ้าชู้ของเขา ดิฉันงอนเขาบ่อยและมีเรื่องระหองระแหงกันตลอด เพราะเขามีผู้หญิงคนอื่นอยู่เรื่อยๆ ดิฉันรู้สึกว้าเหว่ คิดแต่ว่า ในเมื่อเราไม่มีคนของเราอยู่เคียงข้างแล้ว เราจะทนอยู่ด้วยกันไปทำไม

สุดท้ายเขามีผู้หญิงอื่นจริงจัง แล้วมาบอกดิฉันว่าเขาต้องดูแลเธอ แถมยังบอกหน้าตาเฉยว่า ”…ไม่เป็นไรพี่เชื่อว่าแอ้ดูแลลูกได้…   แม้จะเจ็บช้ำแค่ไหนดิฉันก็บอกเขาไปว่า “จะไปก็ไปเถอะ หัวใจอยู่ที่ไหน ตัวก็ควรอยู่ที่นั่น” ปีต่อมาเราหย่าขาดจากกัน ซึ่งลูกก็เข้าใจ เพราะดิฉันพยายามที่จะไม่ให้ลูกรู้สึกขาดด้วยการดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิด

ตอนเลิกกันใหม่ๆ ดิฉันรู้สึกทั้งโกรธ แค้น และเสียใจ เจอเขาก็ไม่ทัก เวลาพูดถึงเขาก็มักจะพูดถึงในแง่ไม่ดี แต่พอนานเข้า มาคิดได้ว่าเขาเป็นพ่อของลูกเรา พอคิดได้ เรื่องไม่ดีของเขาก็หายไปเลย จนถึงตอนนี้เจอเขาก็ไหว้ อโหสิกรรม

จากวันที่หย่ากับสามี ดิฉันกลายเป็นผู้หญิงทำงาน มีชื่อเสียงอยู่ในวงการนักพูด และเป็นม่ายสาวพราวเสน่ห์ที่มีชายหนุ่มแวะเวียนเข้ามาทำความรู้จัก แต่ก็ไม่เคยลงเอยแต่งงานกับใครอีก เพราะสัญญากับพ่อของลูกไว้ว่าจะไม่แต่งงานใหม่จนกว่าลูกจะอายุครบ 20 ปี

แต่แล้วเหมือนชะตาฟ้าลิขิตให้มาพบรักกับข้าราชการชาวเยอรมัน ผู้ชายที่ใครๆ ก็มองว่าดูดี อบอุ่น ช่างดูแล ซึ่งในที่สุดดิฉันก็ตัดสินใจหมั้น จนเป็นข่าวดังอย่างที่ไม่ได้ตั้งใจเลยสักนิด

หลังหมั้น ความแตกต่างของเราเริ่มก่อตัวขึ้นทีละนิด ในขณะที่ดิฉันวางแผนจะไปอยู่เยอรมนี ส่วนเขาอยากอยู่เมืองไทย ที่สำคัญ เขาเป็นคนที่ตรงต่อเวลามาก และจะไม่พอใจถ้าดิฉันสายไปห้านาทีสิบนาที

แต่สิ่งที่ทำให้เราเลิกกัน น่าจะเป็นเหตุการณ์นี้

หลังเปิดบริษัทภาษร โปรดักชั่น จำกัด ในปี 2530 ซึ่งเป็นสถาบันสอนเกี่ยวกับการพูด ทุกอย่างกำลังไปได้สวย แต่มาสะดุดลงในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ ดิฉันมีปัญหาเรื่องการเงิน ก่อนหน้านั้นดิฉันเคยยืมเงินเขาไปสองแสนหกหมื่นห้าพันบาท แต่ตอนหลังใช้คืนไปแล้วสองแสน ยังเหลืออีกหกหมื่นห้าพันบาท

ระยะหลังๆ เขาใช้คำพูดที่ทำให้ดิฉันต้องทบทวนตัวเอง เช่น ดิฉันบอกว่าเดือนเมษายนนี้อยากไปพักผ่อนที่เยอรมนี เขาจะตอบกลับมาว่า ไปเยอรมนีค่าใช้จ่ายสูงนะ ยูมีเงินเก็บเท่าไร ซึ่งสำหรับคนที่เป็นแฟนกันไม่น่าจะใช้คำพูดแบบนี้ ที่สำคัญ เขาทวงเงินที่ให้ยืมไป ดิฉันบอกว่าจะใช้คืนตามกำหนด

จนกระทั่งเขากลับไปเยอรมนี แต่ภาวะทางการเงินของดิฉันตอนนั้นไม่สามารถสั่งจ่ายเช็คคืนเงินให้เขาได้ตามที่ตกลงกันไว้ พอวันคริสต์มาสปีนั้นเอง เขาก็ส่งการ์ดมา เขียนว่า

”…คนหลอกลวง คนหักหลัง ฉันต้องการเงินและแหวนของฉันคืน…

เท่านั้นยังไม่พอ เขายังโทรศัพท์บอกเพื่อนของดิฉันที่เยอรมนีว่า ยูช่วยมาเอาของที่คุณกรรณิกาทิ้งไว้ที่บ้านไอไปที ถ้าไม่มาเอาจะทิ้งถังขยะเพราะมันไม่มีประโยชน์

ดิฉันรู้สึกเจ็บช้ำอย่างแสนสาหัส ใจหนึ่งก็คิดว่าเขาคงอยากได้เงินเพราะเป็นเงินของเขาอย่างชอบธรรม ตั้งใจว่าจะคืนให้เขาทั้งหมดทั้งเงินและแหวนหมั้น เพราะไม่อยากเป็นหนี้ที่ต้องชดใช้กันอีกแล้ว

ว่ากันว่าความรักทำให้คนทุกข์อย่างหนักหนาสาหัสแล้ว แต่สำหรับดิฉันนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของทุกข์เท่านั้น เพราะที่รุนแรงและหนักหนากว่านี้กำลังตามมาอีกหลายระลอก

(โปรดติดตามตอนต่อไป)


บทความน่าสนใจ

วิธี ให้อภัยตัวเอง และ รักตัวเอง เมื่อทำผิดพลาดไป

“แม่ไม่รักผม!” วิธีวางใจ กับประโยคที่แม่คนไหนก็ไม่อยากได้ยิน บทความจากแม่ชีศันสนีย์

True Story: รักนี้จัดหนัก… ชีวิตคู่ที่แตกยับของเมียนักมวย

ทำอย่างไรเมื่อ ความรัก พาเรามาผิดทาง อุทาหรณ์จากสตรีสมัยพุทธกาล

 

Posted in MIND
BACK
TO TOP
A Cuisine
Writer

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.