นิว-จิ๋ว

ถ้าอยากคว้าดาว เราต้อง “ก้าว” ไปข้างหน้า ” นิว-จิ๋ว “

ถ้าอยากคว้าดาว เราต้อง “ก้าว” ไปข้างหน้า ” นิว-จิ๋ว “

ไม่บ่อยนักที่วงการเพลงบ้านเราจะมีนักร้องดูโอหญิงระดับคุณภาพที่ครองใจแฟนเพลงมายาวนานนับสิบปี แต่ นิว-จิ๋ว นภัสสร ภูธรใจ กับ ปิยนุช เสือจงพรู ก็ทำได้ หลังทั้งสองแจ้งเกิดบนเวทีเดอะสตาร์ ค้นฟ้าคว้าดาว ปี 1

กว่าจะมีวันนี้ นิว-จิ๋ว ต้องผ่านอะไรมามากมาย ทั้งความกลัว ความผิดหวัง หรือแม้แต่เคยคิดล้มเลิกความตั้งใจที่จะเป็นนักร้องมาแล้ว แต่ในที่สุดทั้งสองก็ “เปลี่ยนความคิด” และมุ่งมั่นที่จะเดินบนเส้นทางสายนี้อย่างจริงจัง วันนี้ นิว-จิ๋ว จะมาถ่ายทอดเรื่องราวที่ผ่านมาให้ชาว Secret ฟังกันแบบสด ๆ ไม่มีกั๊ก

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ นิว จิ๋ว คอนเสิร์ต

จับไมค์ขึ้นเวทีครั้งแรก

นิว : จำได้ว่าขึ้นไปลิปซิงค์เพลงตั้งแต่อยู่อนุบาล ไม่มีอาการสั่นนะคะคุณ ปากขยับไปตามเพลง ตัวโยกน้อย ๆ ตามจังหวะ แต่ตาก็คอยมองหาพ่อหาแม่ ประมาณว่าพ่ออยู่ไหน แม่อยู่ไหน เป็นกำลังใจให้นิวหน่อย

จิ๋ว : ตอนอายุ 9 ขวบ จิ๋วเห็นเพื่อนไปประกวดร้องเพลงในร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้า ตอนนั้นจิ๋วคิดว่า “ไม่เอาหรอก” แต่อยู่ ๆ จิ๋วก็ร้องเพลงอัดเทปเอาไปส่งคุณครูวิชาดนตรีเพื่อคัดเลือกไปประกวดที่สยามกลการ ได้รับคัดเลือกให้ขึ้นเวที แต่พอไปประกวดกลับแป้ก โตมาประกวดเคพีเอ็นก็แป้ก ล้มเหลวมาตลอด

นิว : ออกตัวแรงอ่ะ เห็นเงียบ ๆ อย่างนี้ แต่ประเดิมด้วยเวทีใหญ่เลยนะจ๊ะ นิวยังไม่กล้าเลย (แอบแซว)

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ นิว จิ๋ว คอนเสิร์ต

 

แรงบันดาลใจในการประกวด

จิ๋ว : จิ๋วไม่ชอบเป็นจุดเด่น และจะทำอะไรต่อเมื่อรู้สึกว่าอยากทำจริง ๆ คิดไปคิดมาการประกวดของจิ๋วอาจจะเกี่ยวกับพี่ ๆ คือจิ๋วมีพี่สาวต่างแม่เป็นนักวิ่งทีมชาติ มีลูกพี่ลูกน้องเป็นนักว่ายน้ำ ยิ่งพอได้เห็นเหรียญรางวัลของพี่ ๆ จิ๋วก็เริ่มรู้สึกว่า “เราต้องทำอะไรสักอย่างบ้างแล้ว” แต่คงไม่ใช่กีฬาแน่ ๆ เพราะจิ๋วตัวเล็กนิดเดียว และไม่มีพรสวรรค์ด้านนั้นเลย สุดท้ายก็เลยมาลงที่ร้องเพลงตอน 9 ขวบนี่แหละ เพราะจิ๋วชอบร้องเพลงที่สุด

นิว : นิวไม่ได้ประกวดแค่ร้องเพลงนะคะ แต่ทำหลายอย่างมาก (ลากเสียงยาว) เช่น เย็บกระทงใบตอง โครงงานวิทยาศาสตร์ วาดรูป ฯลฯ เพราะนิวรู้สึกว่า นอกจากจะสนุกแล้ว กิจกรรมเหล่านี้ยังให้ประสบการณ์ชีวิตใหม่ๆ กับเราด้วย ที่สำคัญนิวมองว่าถึงตัวเองจะไม่ได้เป็นที่หนึ่งด้านการเรียน แต่ถ้าเป็นที่หนึ่งด้านกิจกรรม หรือเป็นคนแรก ๆ ที่คุณครูนึกถึงก็ทดแทนกันได้นะ ยิ่งเวลาคุณครูประกาศชื่อให้ออกไปรับรางวัลหน้าเสาธง ทุกคนในโรงเรียนชื่นชม นิวก็ยิ่งภูมิใจ

นิว : ต้องบอกว่าที่บ้านนิวไม่ได้กีดกันเรื่องทำกิจกรรมนะคะ แค่พ่อกับแม่ไม่อยากให้ทำมากเกินไป เพราะกลัวเราจะเสียการเรียน สรุปว่าท่านเป็นห่วงนั่นเอง แต่ยังงั้ยยังไง (ลากเสียงยาว) ก็หยุดนิวไม่ได้ เพราะนิวรู้ดีว่าเราไม่ได้ทำเรื่องเสียหาย ยิ่งแม่ห้ามเราก็ยิ่งต้องไป และต้องคว้ารางวัลกลับมาให้ได้ด้วย แม่จะได้รู้ว่าเรามุ่งมั่นและตั้งใจจริง ๆ แล้วเชื่อไหมคะ เวลาประกวดแต่ละครั้งนิวต้องหนีแม่ไป มีวิธีหาข้ออ้างสารพัด ถึงไม่มีตังค์ค่ารถ นิวก็เคยขอร้องให้พี่ที่รู้จักกันพาไปจนได้ ไม่ว่าจะนั่งเครื่องบินทหาร C 130 หรือนั่งในที่เก็บกระเป๋าของรถทัวร์ (ติดรถไปแบบฟรี ๆ) เพื่อไปประกวดร้องเพลงที่กรุงเทพฯ นิวทำมาหมดแล้ว…เปรี้ยวปะล่ะ

 

สองสาวมารู้จักกันได้อย่างไร

นิว : รู้จักกันตั้งแต่ ป.4 เพราะอยู่ในแวดวงประกวดร้องเพลงเหมือนกัน แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ไม่เคยคิดจะเป็นคู่แข่งกันเลย พอรู้ว่าจิ๋วถนัดร้องเพลงช้าดราม่าสะเทือนอารมณ์ นิวก็หันไปร้องแนวสดใสลั้นลาแทน ไม่ทับไลน์กันเด็ดขาด

จิ๋ว : ช่วง ม.ปลายถึงเราจะห่างหายกันไปบ้าง แต่พอเข้ามหาวิทยาลัยปี 1 เราก็กลับมาคุยกันอีก เพราะได้มาร้องเพลงที่ร้านอาหารด้วยกัน ที่สำคัญ ความฝันของเรายังเหมือนกันอีกว่า “อยากร้องเพลง” และก็เป็นนิวนี่แหละที่ชวนจิ๋วมาลองประกวดเดอะสตาร์ ปี 1 (พ.ศ.2546) ดู

จุดเปลี่ยนบนเส้นทางเดอะสตาร์

จิ๋ว : ตอนนั้นชั่งใจอยู่นาน ไม่กล้าไปสมัคร แอบกลัว ๆ ถึงแม้ว่านิวจะไปออดิชั่นมาก่อนแล้วโทร.มาบอกว่า “ไปเหอะ ไม่ยาก” แต่จิ๋วก็ยังนิ่งอยู่ สุดท้ายอยู่ ๆ จิ๋วก็ตัดสินใจไปสมัครดู แล้วก็เข้ารอบมาเรื่อย ๆ จนในที่สุดจิ๋วกับนิวได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนภาคเหนือ ทำให้เราต้องเดินทางขึ้นลงกรุงเทพฯ – เชียงใหม่เป็นว่าเล่น เพราะตอนนั้นทั้งเรียน ทำงาน และไปประกวดด้วย เราสองคนฝ่าฟันมาจนถึงรอบที่จะคัดเลือกเป็น 8 คนสุดท้ายของประเทศ อยู่ ๆ ก็มีเสียงคนนั้นคนนี้บอกว่า “อย่างจิ๋วได้แค่นี้ก็ดีแล้ว เข้าไปก็ตกรอบ สู้คนอื่นไม่ได้หรอก” นั่นทำให้ความลังเลกลับมาเล่นงานจิ๋วอีก แถมคราวนี้จิ๋วยังคิดหนักจนเกือบจะ “ขอถอนตัว”

พอดีได้คุยกับพี่นักดนตรีคนหนึ่ง เขาเล่าให้ฟังว่า เมื่อหลายปีก่อนเคยได้รับโอกาสให้ทำอัลบั้มกับแกรมมี่ แต่เขากลับปฏิเสธ บอกว่า “คราวหลังค่อยทำ” ปรากฏว่าจากนั้นมา พี่คนนี้ก็ไม่ได้รับโอกาสอีกเลย แม้จะมีฝีมือเล่นดนตรีขั้นเทพก็ตาม เขาบอกว่า “ดูพี่เป็นตัวอย่างนะจิ๋ว อย่าปล่อยโอกาสให้หลุดลอยไป เพราะถ้ายังไม่ได้ลองทำ เราจะไม่มีวันรู้ว่าเราทำได้หรือไม่ได้ ลองไปก่อน สู้ ๆ” จิ๋วจึงมีลูกฮึดขึ้นมาว่า “เป็นยังไงเป็นกัน เราต้องกล้าอีกสักครั้ง เราไม่ได้แข่งกับใครทั้งนั้น ทำแล้วมีความสุขก็พอ” ตอนนั้นถึงนิวจะออกจากการแข่งขันไป โดยได้อันดับที่ 4 แต่นิวก็ยังลงจากเชียงใหม่มาให้กำลังใจจิ๋วเสมอ

 

เครียดแค่ไหนกับรอบ 2 คนสุดท้าย

จิ๋ว : ต้องบอกว่าจิ๋วไม่ได้หวังอะไรเลย ไม่ได้หวังได้ที่สองเหมือนตอนเด็ก ๆ ด้วย ผลจะเป็นอย่างไร จิ๋วก็ถือว่าจิ๋วได้ทำในสิ่งที่รักคือการร้องเพลงแล้ว ดังนั้นจิ๋วจะไม่เอาความรู้สึกกลัวมา “กด” ตัวเองอย่างที่เคยเป็น จิ๋วจะบอกตัวเองว่า “จำไว้นะ พระพุทธเจ้าสอนให้เบิกบาน” ดังนั้น เราต้องสดใสเข้าไว้ สนุกกับเพลงที่เราเลือก สนุกไปกับคนที่มาเชียร์เรา สุดท้ายถึงจะได้ตำแหน่งรองชนะเลิศอันดับ 1 แต่ก็ทำให้จิ๋วรู้ว่า “อย่ากลัวที่จะก้าวไปข้างหน้า” เพราะถ้าวันนั้นจิ๋วถอนตัวตั้งแต่ก่อนเข้ารอบ 8 คน จิ๋วก็คงไม่มีวันนี้

จุดเปลี่ยนบนเส้นทางนักร้อง

นิว : ความที่นิวกับจิ๋วเคยร้องเพลงด้วยกันมาก่อนที่เชียงใหม่ แล้วเป็นเพื่อนที่สนิทกันมาก พี่ดี้ (คุณนิติพงษ์ ห่อนาค) เลยชวนให้มาจับคู่เป็นศิลปินดูโอทำอัลบั้ม ตอนนั้นกระแสตอบรับอัลบั้มแรกยังไม่ดีเท่าไหร่ เราสองคนก็มีเรื่องทะเลาะกันด้วย เรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง เราทะเลาะกันแรงมาก ถึงขั้นที่นิวจอดรถข้างทางแล้วสั่งให้จิ๋วลงไปจากรถเดี๋ยวนั้น

จิ๋ว : ใช่ พอเขาให้ลงจากรถ เราก็ลง แต่ในใจนี่โกรธมาก (ลากเสียงยาว)

นิว : พอกลับไปคิด จริง ๆ นิวก็รับตัวเองไม่ได้ที่ทำอย่างนั้นเหมือนกัน แอบนึกขอโทษจิ๋วอยู่ในใจ หลังจากนั้นเราก็ไม่ติดต่อกันอีกเลย ทั้งที่อยู่คอนโดเดียวกัน (แต่อยู่คนละชั้น) รู้หมดว่าเวลาไหนใครทำอะไร นิวรู้สึกว่าเจอจิ๋วไม่ได้ คบกันไม่ได้แล้ว อารมณ์แบบคนอกหักเลย งานที่รับไว้คู่กันก็โทร.ยกเลิกหมด ในที่สุดเรื่องก็ลุกลามถึงขั้นนิวบอกพี่ผู้จัดการว่า “หนูไม่อยากเป็นนักร้องแล้ว หนูคงไม่เหมาะกับงานนี้ กลับไปอยู่เชียงใหม่ดีกว่า”

แต่ผู้จัดการเตือนสติกลับมาว่า “คิดอย่างนั้นไม่ได้ เรามาไกลขนาดนี้แล้ว พระเจ้ากำหนดให้นิวกับจิ๋วมาเป็นดูโอ แล้วจะมาแยกกันด้วยเรื่องแค่นี้เหรอ” พอได้ฟัง นิวก็นิ่งคิดและเริ่มทบทวนสิ่งดี ๆ ที่เราฝ่าฟันด้วยกันมา ความโกรธก็เริ่มเบาบางลง นิวเริ่มสื่อสารกับจิ๋วผ่านกระดาษในเรื่องสำคัญ ๆ ในที่สุดเมื่อต้องไปทำงานไฟท์บังคับด้วยกัน น่าแปลกที่พอสบตากัน เราก็กลับมาคุยกันได้เหมือนเดิม ไม่ต้องเคลียร์ว่าใครถูกใครผิด มีแต่ตกลงกันว่า “ต่อไปนี้เราจะพูดกันตรง ๆ เพราะเรามีอยู่แค่นี้ เราต้องไม่ทิ้งกันนะ” ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นก็ขอให้เป็นแค่ความทรงจำสีจาง ๆ เท่านั้น เรามาเริ่มต้นกันใหม่ดีกว่า

จิ๋ว : ไม่น่าเชื่อว่า แค่เรื่องเล็ก ๆ ที่เกิดจากอารมณ์ เกือบทำให้ไม่มีดูโอ นิว-จิ๋ว แล้วถึงขั้นทิ้งฝันกันเลย

นิว : มันเจ็บปวดมากนะเธอ เกือบต้องเปลี่ยนทางเดินชีวิตไปขายข้าวซอยแล้วไหมล่ะ ลองคิดดู มีเพื่อนมันมีง่ายนะ แค่ไปกินข้าวด้วยกันก็เรียกว่าเพื่อนได้แล้ว แต่การที่เรามีเพื่อนที่สามารถคุยกันได้ทุกเรื่อง ร่วมทุกข์ร่วมสุข มันหายากนะ ที่สำคัญ จิ๋วเป็นยิ่งกว่าเพื่อน เพราะจิ๋วคือครอบครัว คือความผูกพัน ซึ่งไม่รู้ว่านิวจะได้เจอเพื่อนแบบนี้อีกไหม

จิ๋ว : ซึ้งจังเลย…ตลอดเวลาที่รู้จักกันมา จิ๋วไม่เคยมองนิวเป็นคู่แข่ง เคมีเราตรงกันสุด ๆ นิวคือเพื่อนร่วมฝัน เพื่อนร่วมทาง เพื่อนร่วมฝ่าฟัน และเพื่อนตายค่ะ แต่ถ้านิวจะไปขายข้าวซอยจิ๋วจะไปช่วยนะ (หัวเราะ) ไม่ทิ้งให้เหงาแน่ ๆ

นิวกับจิ๋วปิดท้ายการพูดคุยกันในครั้งนี้อย่างอบอุ่น รอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่เกิดขึ้นตลอดการสัมภาษณ์ ทำให้เรารู้ว่า “นิว-จิ๋ว คือคู่ดูโอที่เป็นมากกว่านักร้องคุณภาพ แต่คือเพื่อนตายที่จะมีกันและกันตลอดไป”

Secret Box

มั่งมั่น ทุ่มเท และตั้งใจ เชื่อเถอะเราต้องถึง “เส้นชัย” ในสักวัน

จิ๋ว – ปิยนุช เสือจงพรู และนิว – นภัสสร ภูธรใจ

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.