ศิลปะการเปลี่ยน “ทุกข์” ให้เป็น “สุข” ของ ชนกวนัน  รักชีพ (1)

หากเอ่ยถึง “คุณแม่คนเก่ง” ในวงการบันเทิงเชื่อว่าต้องมีชื่อของ ตุ๊ก - ชนกวนัน  รักชีพ อยู่ในลิสต์อันดับต้น ๆ แน่นอน

หลังจากผ่านพ้นมรสมชีวิตคู่  เธอกลับมาเข้มแข็งและยืนหยัดอย่างมั่นคงเพื่อเป็นเสาหลักให้ลูกน้อยทั้งสองคน (น้องแพรว – เด็กหญิงแพรวพิชชา  วัชรคุณและน้องภูมิ – เด็กชายพิชญภูมิ  วัชรคุณ) เติบโตขึ้นอย่างมีความสุข

เธอยอมรับว่าจุดหักเหในชีวิตคู่ถือเป็นบทเรียนที่สาหัสที่สุดของหญิงสาวที่มีชีวิตราบเรียบมาตลอด  แต่ขณะเดียวกันมันเป็นบทเรียนสำคัญที่ทำให้เธอเข้าใจชีวิตมากขึ้นและมีทักษะและศิลปะในการรับมือกับความทุกข์ได้ดียิ่งขึ้น

“ทุกวันนี้ชีวิตง่ายขึ้นเยอะเลย”  เธอกล่าวด้วยรอยยิ้มและพร้อมเปิดใจเล่าเรื่องราวชีวิตให้เราฟัง

 

ชีวิตในกรอบ

ตุ๊กคิดว่าชีวิตวัยเด็กของตุ๊กเป็นชีวิตที่อยู่ในกรอบและราบเรียบมาก  ครอบครัวของเรามีกันอยู่ 5 คน  คือ  ป๊า  แม่  และลูก3 คน  ตุ๊กเป็นพี่สาวคนโต  มีน้องสาวและน้องชายอีกสองคน  อายุห่างกันคนละ 1 ปีป๊าเลี้ยงดูและปลูกฝังเรื่องระเบียบวินัยให้ลูก ๆ เป็นพิเศษ  เราสามคนพี่น้องจึงต้องทำกิจวัตรประจำวันทุกอย่างให้เรียบร้อยและตรงเวลา  ป๊ากับแม่ไปรับไปส่งที่โรงเรียนทุกวันชีวิตจึงมีแต่เรียน  กิน  เล่น  แล้วก็นอนแต่ก็มีความสุขดี

ตอนตุ๊กอายุ 6 ขวบ  ป๊ากับแม่แยกทางกัน  แต่ตุ๊กไม่ได้รู้สึกว่าครอบครัวของเราแตกแยก  อาจเป็นเพราะตอนนั้นเรายังเด็กมาก  อีกทั้งป๊าก็ให้ภรรยาใหม่รับหน้าที่ดูแลเราสามคนพี่น้อง  ซึ่งเมื่อต้องอยู่กับแม่เลี้ยงมาตั้งแต่เด็กก็ทำให้พวกเราสนิทกับท่านมาก             ตุ๊กเป็นเด็กคุยเก่งมาก  แถมยังกินเก่งเป็นที่สุด  เพราะป๊าจะคอยสรรหาของอร่อย ๆ มาให้ลูก ๆ เสมอ  ทำให้เราเป็นเด็กที่มีความสุขกับการกินและติดนิสัยนี้มาจนโต  ส่วนเรื่องการเรียน  ตุ๊กเป็นเด็กที่เรียนดีมาก  ช่วงประถมถึงมัธยม  ตุ๊กสอบได้ที่ 1 ตลอด  จนเป็นที่จดจำของเพื่อน ๆ ว่า “ชนกวนัน คนที่สอบได้ที่หนึ่งไม่เคยได้ที่สอง”  ที่เรียนดีขนาดนี้ไม่ใช่เพราะเป็นเด็กขยัน  แต่เพราะชอบอ่านหนังสือเรียน  ชอบทำแบบฝึกหัดตอนอยู่ในห้องเรียนจึงคุยแหลกเลย  เพราะว่าสิ่งที่ครูสอนตุ๊กรู้เรื่องหมดแล้ว

พอโตเป็นวัยรุ่น  ที่บ้านยังเลี้ยงแบบอยู่ในกรอบเหมือนเดิม  แต่ก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดอะไร  อาจเป็นเพราะเราเป็นเด็กเรียบร้อยอยู่แล้ว  เรื่องที่ร้ายแรงที่สุดในชีวิตวัยรุ่นก็แค่หนีไปกินไอศกรีมกับเพื่อนหลังเลิกเรียนแล้วแม่จับได้  นี่คือเรื่องที่ทำให้ตุ๊กตัวชาวาบไปทั้งตัวด้วยความกลัวแล้ว  นอกเหนือจากนั้นตุ๊กก็ไม่เคยเห็นว่าจะมีเรื่องอะไรที่ทำให้เราเป็นทุกข์  หรือหากไม่สบายใจ  ตุ๊กก็มีวิธีดูแลตัวเอง  หากิจกรรมโน่นนี่ทำ  แล้วกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้โดยเร็ว

ส่วนช่วงชีวิตที่ถือว่าสุดเหวี่ยงที่สุดน่าจะเป็นช่วงเรียนมหาวิทยาลัย  เพราะได้ออกจากอ้อมอกของครอบครัวมาอยู่หอพักใกล้ ๆ มหาวิทยาลัยที่จังหวัดนครปฐม  ซึ่งตุ๊กได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระ  แต่อิสระของตุ๊กคือการที่ได้หาของกินอร่อย ๆ แถวมหาวิทยาลัยนั่งรถทัวร์จากนครปฐมไปดูหนังที่เมเจอร์ปิ่นเกล้า  ได้ร้องคาราโอเกะกับเพื่อน ๆ หลังเลิกเรียน  เท่านั้นเองจริง ๆ  เรียกได้ว่าเป็นชีวิตวัยรุ่นที่จืดชืดมาก  แต่ตุ๊กกลับมีความสุขมาก

 

ก้าวสู่เส้นทางนางแบบด้วยตัวเอง

ดูเหมือนว่าเด็กเนิร์ด ๆ อย่างตุ๊กไม่น่าเป็นนางแบบได้  แต่วันหนึ่งของการเรียนปีสุดท้ายในรั้วมหาวิทยาลัย  ตุ๊กได้เห็นโฆษณาการประกวด “ซิตร้า  พอร์เทรท  ออฟ  บิวตี้”ซึ่งเป็นการเฟ้นหานางแบบหน้าใหม่ผิวดีมาถ่ายแบบลงปกนิตยสาร ดิฉัน  อยู่ดี ๆ ก็คิดขึ้นมาว่า

“ฉันต้องไปประกวดให้ได้”

ตุ๊กก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม  อาจเป็นเพราะตอนนั้นชอบอ่านนิตยสาร  และทุกครั้งที่เห็นนางแบบสวย ๆ อย่าง พี่อุ๋ม -อาภาศิริ  นิติพน  พี่แอน - นาตาชา  สัจจกุลรู้สึกว่าอยากจะเป็นอย่างพี่ ๆ เขาบ้าง

เมื่อตัดสินใจได้แล้วก็แอบนั่งรถทัวร์จากนครปฐมไปสยามสแควร์เพื่อสมัครเข้าประกวดโดยไม่ได้บอกใครทั้งสิ้น  ทั้งที่ตอนนั้นยังแต่งหน้าแต่งตัวไม่เป็น  และในขณะที่ผู้สมัครคนอื่นมีโมเดลลิ่งมาดูแล  แต่ตุ๊กไม่รู้จักคำว่าโมเดลลิ่งด้วยซ้ำ  เรียกว่ากล้ามากที่เดินมาสมัครคนเดียว  ปรากฏว่าตุ๊กได้เข้าอบ 50 คน แต่ไม่ได้บอกใคร

จนเมื่อเข้ารอบ 15 คนจึงยอมบอกแม่เพราะให้แม่ไปเป็นเพื่อน  จำได้ว่าเช้าวันประกวดชุลมุนวุ่นวายมาก เพราะตุ๊กเป็นภูมิแพ้  ซึ่งเป็นโรคประจำตัวที่หนึ่งปีจะเป็นเพียงหนึ่งวัน  แต่ก็ดันมาเป็นวันประกวดพอดี  ทำให้ตาบวม  หน้าบวม  ต้องรีบแวะหาหมอเพื่อเอายามากินและเอาน้ำแข็งประคบรอให้ยุบ  แล้วจึงแต่งหน้าเข้าประกวด  ทุกอย่างไม่พร้อมเลยสักนิด  แต่สุดท้ายผลการตัดสินในวันนั้นคือ  ตุ๊กชนะการประกวด  ซึ่งอาจเป็นเพราะเราตัวสูงกว่าใครในการประกวดนี้

หลังชนะการประกวดก็ได้ไปถ่ายแฟชั่นเพื่อลงปกนิตยสาร ดิฉัน ที่ประเทศเคนยาทุกอย่างดูน่าตื่นเต้นไปหมด  เพราะเป็นการไปต่างประเทศโดยไม่มีครอบครัวไปด้วยเป็นครั้งแรก  การไปทำงานครั้งนี้ทำให้รู้ว่าเบื้องหลังการถ่ายภาพในนิตยสารไม่ใช่เรื่องง่าย  ทีมงานทุกคนต้องทุ่มเทอย่างมากเพื่อให้ผลงานออกมาดี  ตอนนั้นเป็นการถ่ายแบบครั้งแรก  ตุ๊กยังโพสท่าไม่เป็น  ไม่รู้มุมกล้อง  ทุกอย่างดูยากไปหมด  แต่ก็เก็บอารมณ์ทั้งหมดไว้ในใจและตั้งใจทำให้ดีที่สุด  จนพี่ ๆ ทีมงานเอ่ยชมซึ่งไม่ได้ชมว่าสวยนะคะ  แต่ชมกันว่า “เป็นเด็กที่อึดมาก”

 

บทเรียนดี ๆ จากการเป็นนักแสดง

หลังจากนิตยสารเล่มนั้นวางแผง  ตุ๊กก็เป็นที่รู้จักในวงการนางแบบ  จากนั้นก็ได้ขึ้นปกนิตยสารแฟชั่นทุกฉบับ  แต่ก็ยังไม่ทิ้งการเรียน  โดยจะรับงานแค่เสาร์ - อาทิตย์เท่านั้น  ชีวิตส่วนตัวก็เป็นเหมือนเดิมทุกอย่างตุ๊กยังคงเป็นเด็กสาวที่กินเก่ง  โหวกเหวกโวยวาย  ไม่เคยห่วงสวย  ไม่มีจริตใด ๆ  และลืมไปว่าคนเริ่มจำหน้าเราได้แล้ว  จนเพื่อน ๆเตือนตุ๊กว่า “ตุ๊ก  แกช่วยมีฟอร์มนิดหนึ่งเถอะนะ”

เมื่อเป็นที่รู้จักในวงการแฟชั่น  อายุ –ยุวดี  ไทยหิรัญ  ผู้บริหารค่ายละครยูม่ากำลังมองหานักแสดงหน้าใหม่  จึงเรียกให้ตุ๊กไปแคสติ้ง  และได้เล่นละครเรื่องแรกโดยรับบทนางร้ายในเรื่อง ผู้ดีอีสาน  พอละครออนแอร์ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าตุ๊กคงเป็นไฮโซมาเล่นละครแน่ ๆเพราะหน้าตาก็แย่  ในเรื่องตุ๊กต้องทำผมหยิกฟู  ไม่เข้ากับหน้าเราเลย  ที่สำคัญคือแอ๊คติ้งได้แย่มาก ๆ  ซึ่งตุ๊กก็รู้ตัวว่ายังทำได้ไม่ดี  และตั้งใจจะพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น

การได้เข้ามาทำงานกับค่ายยูม่า  เป็นประสบการณ์ที่ดีมาก  เพราะ อายุ ดูแลเราเหมือนเป็นลูกหลาน  สอนนักแสดงทุกอย่างแม้กระทั่งเรื่องการวางตัว  ท่านเน้นให้รู้จักช่วยเหลือทีมงาน  ไม่นิ่งดูดาย  ต้องเอื้อเฟื้อไปไหนมาไหนต้องมีของติดไม้ติดมือไปฝากอดทนทำงาน  ไม่บ่น  ไม่เรื่องมาก  เรียกได้ว่านี่คือคาแร็คเตอร์ของเด็กค่ายยูม่าเลยทีเดียว

หลังจากเรียนจบ  ตุ๊กรับงานเดินแบบและเล่นละครไปพร้อมกัน  บางครั้งก็มีช่วงที่ทำงานหนักและเหนื่อยมาก  แต่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับตุ๊ก  เพราะเมื่อเหนื่อย  พอได้นอนหลับ  ตื่นมาก็หาย  และพร้อมลุยงานต่อไม่เคยคิดว่าเหนื่อยมากแล้ว  อยากหนีไปไกล ๆไม่เจอใครเลย  อาจมีบ้างที่เหนื่อยมาก ๆ แล้วเหวี่ยงนิดหน่อย  แต่ส่วนมากเป็นเรื่องเหนื่อยและหิวมากกว่าที่ทำให้งอแงผิดปกติ

ชีวิตของตุ๊กดำเนินไปอย่างเรียบง่ายจนไม่ได้เตรียมใจเลยว่าต่อไปจะต้องเจอบทเรียนชีวิตที่ทำให้ทุกข์ใจที่สุด

(โปรดติดตามตอนต่อไป)


 เรื่อง ชนกวนัน  รักชีพ  เรียบเรียง เชิญพร  คงมา  ภาพ สรยุทธ  พุ่มภักดี  สไตลิสต์ ณัฏฐิตา  เกษตระชนม์ ผู้ช่วยช่างภาพ พรพรรษา  อรคามิน,  ภัณทิลา ทนงคงสวัสดิ์

 

Posted in MIND
BACK
TO TOP
A Cuisine
Writer

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.