สุนันทา สมบุญธรรม

พลังแห่งการให้และแบ่งปัน สุนันทา สมบุญธรรม ประธานกรรมการบริหารธนิยะกรุ๊ป

เบื้องหลังความสำเร็จของธนิยะกรุ๊ป กลุ่มบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่แห่งหนึ่งในประเทศไทย ที่ทำธุรกิจทั้งศูนย์การค้า อาคารสำนักงาน ที่อยู่อาศัย โรงแรม และสนามกอล์ฟ คือ คุณ สุนันทา สมบุญธรรม ผู้บริหารหญิงที่มีเคล็ดลับความสำเร็จอยู่ที่ “การให้และแบ่งปัน”

“ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของครอบครัวดิฉันเริ่มจากคุณพ่อช่วยซื้อที่ดินจากคนรู้จักสะสมไว้หลายแปลง ซึ่งในสมัยนั้นราคาไม่สูงมากนัก จากนั้นจึงเริ่มสร้างตึกอพาร์ตเมนต์ที่เพลินจิต แล้วให้ลูก ๆ ทุกคนเข้าไปช่วยงานทุกอย่าง เพื่อให้คุ้นเคยกับการทำงานและช่วยเหลือซึ่งกันและกันในครอบครัว

“การที่ดิฉันได้เข้ามาดูแลธุรกิจครอบครัวตั้งแต่ช่วงแรก เนื่องจากน้อง ๆ ทำงานเป็นแพทย์เหมือนกับคุณพ่อคุณแม่ มีเพียงดิฉันคนเดียวที่เลือกเรียนทางด้านบัญชีและต่อปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจ ทำให้มีพื้นฐานความรู้มาช่วยดูแลและพัฒนาธุรกิจให้เติบโตต่อไปได้

“หลังจากเรียนจบดิฉันก็สมัครทำงานที่บริษัทอื่น เพราะคุณพ่อคุณแม่สอนว่า ก่อนจะเข้ามาทำงานให้ที่บ้านต้องออกไปหาประสบการณ์จากข้างนอกก่อน เพื่อให้เห็นระบบการทำงานที่แท้จริง

“ช่วงแรกที่เข้ามาดูแลบริษัท เริ่มจากการเป็นพนักงาน เพื่อเรียนรู้งานให้รอบด้าน แล้วจึงค่อย ๆ ไต่ขึ้นมาอยู่ในระดับบริหาร ซึ่งใช้เวลาประมาณ 4 – 5 ปี นี่ก็เป็นอีกหนึ่งหลักสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่สอนว่า อย่าเข้ามาทำงานโดยรับตำแหน่งเป็นเจ้านายทันที ต้องเข้ามาทำงานตั้งแต่ระดับพนักงาน เพื่อจะได้ใกล้ชิดลูกน้อง รู้เรื่องการเอาใจเขามาใส่ใจเรา มีเมตตา ช่วยเหลือกันและกัน และรู้ว่าพนักงานที่เราต้องดูแลในอนาคตรู้สึกอย่างไร ซึ่งดิฉันก็ได้นำประสบการณ์ตรงนี้มาเป็นหลักบริหารคนอยู่เสมอ

“จากประสบการณ์การบริหารธุรกิจมากว่า 30 ปี ปัญหาที่ดิฉันคิดว่าหนักที่สุดคือตอนวิกฤติต้มยำกุ้งในปี พ.ศ. 2540 เวลานั้นเราเป็นหนี้อยู่ก้อนหนึ่ง สามารถผ่อนได้สบาย ๆ พอลดค่าเงินบาท วันรุ่งขึ้นเราเป็นหนี้เพิ่มขึ้นสองเท่าตัว ช่วงเวลานั้นเครียดและทุกข์มาก แต่ลำดับแรกที่ดิฉันคิดถึงเสมอคือพนักงานในบริษัท เพราะแต่ละคนมีครอบครัว ดังนั้นจึงต้องจัดสรรให้พนักงานทุกคนได้เงินเดือนครบถ้วนทุกเดือน ต่อมาคือเจ้าหนี้ที่เรามีหน้าที่ต้องจ่ายหนี้ให้ครบถ้วน ซึ่งแก้ปัญหาด้วยการเจรจากับธนาคารผู้เป็นเจ้าหนี้ทุกแห่งเพื่อขอผ่อนชำระหนี้ ซึ่งใช้เวลาถึง 10 ปีจึงชำระหนี้ได้ทั้งหมด

“ในด้านการบริหารคน ดิฉันให้ความสำคัญกับการแบ่งปันสิ่งดี ๆ ให้กับพนักงานในทุก ๆ ด้าน ทั้งเรื่องสุขภาพร่างกาย การพัฒนาศักยภาพในการทำงาน และที่สำคัญที่สุดคือด้านการพัฒนาจิตใจโดยการใช้หลักธรรมะ นั่นเป็นเพราะดิฉันเริ่มปฏิบัติธรรมตั้งแต่อายุ 20 ปีกับคุณแม่สิริ กรินชัย การปฏิบัติธรรมทำให้มีสมาธิอยู่กับตัวเอง เลิกคิดฟุ้งซ่าน มีสติรู้เท่าทันความคิด เมื่อมีปัญหาก็จะเกิดปัญญาว่าจะหาทางออกอย่างไร หรือหากเราโกรธ เราก็จะจับความรู้สึกนั้นได้ทัน ช่วยผ่อนคลายสถานการณ์อันตึงเครียดให้เบาลงได้

“เมื่อเห็นประโยชน์จากการปฏิบัติธรรมว่ามีมากมายขนาดนี้ ดิฉันจึงส่งเสริมให้มีการจัดอบรมวิปัสสนากรรมฐานเป็นประจำทุกปีในช่วงเดือนกันยายน ตั้งแต่ พ.ศ. 2527 เพราะอยากให้พนักงานมีความรู้เรื่องการฝึกปฏิบัติจิตใจ มีสติปัญญาติดตัวไป ซึ่งหากเขาเจอวิกฤติต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือเรื่องอื่น ๆ ไม่ว่าจะหนักหนาแค่ไหน เขาจะได้มีหลักการใช้ชีวิตได้ ซึ่งการอบรมนี้เปิดรับบุคคลทั่วไปที่สนใจด้วย

“ถึงวันนี้ธุรกิจมีความมั่นคงแล้ว เราจึงไม่ได้มุ่งทำกำไรให้สูงสุด เราเชื่อในหลัก ‘การให้และแบ่งปัน’ อยู่เสมอ ผลกำไรที่ได้ตอนนี้ก็เพื่อพอเลี้ยงพนักงาน โดยจัดสวัสดิการที่ดีที่สุดให้เขา และต่อยอดธุรกิจให้เติบโตไปได้

“การทำธุรกิจของเราจึงให้ความสำคัญกับชุมชนรอบข้าง ทั้งการสร้างงานและรายได้ให้ชาวบ้านในชุมชนใกล้เคียงด้วย การจ้างงาน หรือการเปิดพื้นที่บางส่วนในศูนย์การค้าของเราให้เป็นพื้นที่ออกกำลังกายหรือเป็นพื้นที่สำหรับทำกิจกรรมต่าง ๆ สำหรับครอบครัว นอกจากนี้เรายังใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมด้วย เราออกแบบอาคารของเราให้เป็นอาคารประหยัดพลังงาน มีการใช้แผงโซลาร์เซลล์ หรือแม้แต่การใช้น้ำทุกหยดภายในอาคารให้คุ้มค่า พร้อมส่งเสริมกิจกรรมรักษ์โลกต่าง ๆ ด้วย

“เวลานี้ดิฉันรู้สึกว่า ‘การให้’ มีความสุขมากกว่าการรับ เมื่อก่อนเวลาได้รับอะไรก็จะยินดีมาก แต่ตอนนี้การให้ทำให้เบิกบานใจมากกว่า ดังนั้นเป้าหมายของธนิยะกรุ๊ปตอนนี้คือการแบ่งปันสู่ชุมชนและสังคม”

นับเป็นมิติการบริหารงานที่สร้างความสุขใจทั้งผู้ให้และผู้รับ

 

ที่มา  นิตยสาร Secret ฉบับที่ 174

เรื่อง  กองบรรณาธิการ

ภาพ  ฝ่ายภาพ อมรินทร์พริ้นติ้งฯ

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.