ชีวิตเปื้อนบาป

True Story : ชีวิตเปื้อนบาป มลทินที่ล้างไม่ออก

เมื่อไม่มีสามีเลี้ยงดู ฉันจึงต้องไปทำงานเป็นแม่บ้านโรงแรมที่จังหวัดจันทบุรีและจ้างคนข้างบ้านเลี้ยงลูก แต่แล้วลูกชายคนแรกก็ต้องตาย เพราะคนเลี้ยงไม่ดูแลให้ดี ด้วยความโศกเศร้าฉันจึงกลับเข้าสู่วังวนของยาเสพติดอีก แต่ครั้งนี้เริ่มลองยาเสพติดชนิดอื่นๆ ทั้งยาม้าและผงขาวสุดท้ายก็กลายเป็นค้าผงไปด้วยเลย เพราะยังไงก็ใช้เองอยู่แล้ว ขายไปด้วยจะได้มีรายได้มีเงินมาซื้อผง

ชีวิตของฉันอยู่ในวังวนของยาเสพติดเป็นเวลานานมาก ช่วงเวลานั้นฉันก็รักๆ เลิกๆ กับสามีถึง 5 คน เลิกกับคนนั้นก็คบกับคนนี้ต่อไปเรื่อยๆ จนมีลูกทั้งหมด 11 คน แต่เชื่อไหมว่า…ฉันกลับเลี้ยงดูลูกไม่ได้เลยสักคน ต้องให้ญาติรับไปเลี้ยง หรือมีคนขอไปเลี้ยงบ้าง ส่วนลูกสามคนสุดท้ายมีเหตุต้องแยกย้ายกันไปอยู่ตามสถานสงเคราะห์ต่างๆ เพราะฉันโดนจับไปเข้าคุกในข้อหาค้าผงขาว เรื่องนี้ยังคงติดค้างอยู่ในใจฉันจนถึงทุกวันนี้…

 

ด้วยใจที่ฮึดสู้

แม้ล่วงเลยวัยกลางคนมาแล้ว แต่ฉันยังคงใช้ชีวิตอย่างไร้ค่า เล่นยาไปวันๆ ช่วงไหนอยากมีเงินก็ไปหางานทำ ทำได้สักพักก็เลิก เป็นวังวนแบบนี้ไม่จบสิ้น ตอนนี้ฉันกลับมาอยู่กินกับสามีคนที่ 4 อีกครั้งแต่แล้ววันหนึ่งก็มีเรื่องจากสามีคนเก่ามาเข้าหูฉัน

“ใครจะเอาก็เอาไปเถอะ นกมันเป็นเอดส์” สามีเก่าเที่ยวป่าวประกาศให้คนในชุมชนฟัง

ฉันได้ยินแบบนั้นก็ไม่สบายใจ รีบไปหาครูฝรั่งในชุมชน ให้เขาช่วยพาไปตรวจเลือด ซึ่งก็รู้ผลในวันนั้นเลยว่าฉันเป็น “เอดส์”

“มันจะเป็นอย่างนี้ได้ยังไง ถึงกูจะเลวขนาดไหน แต่กูก็ไม่เคยมั่วผู้ชาย” ฉันแค้นใจสามีคนที่เอาโรคร้ายมาติด ยิ่งมารู้ทีหลังว่าเขาติดโรคจากผู้หญิงอื่นแล้วมาแพร่เชื้อให้ฉันก็ยิ่งแค้นใจ

เวลานั้นชีวิตมันมืดมนไปหมด ฉันคิดเอาเองว่า “ยังไงก็ต้องตาย ก็เล่นยาให้ตายไปเลยดีกว่า”

วันทั้งวันฉันจึงเอาแต่เล่นยาแล้วก็นอนทิ้งชีวิตไปวันๆ จนร่างกายอ่อนแอ เจ็บไข้ออดๆ แอดๆ น้ำหนักลดไปกว่าครึ่ง สภาพร่างกายเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก ใครเห็นก็คิดว่าฉันคงมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน

ไม่น่าเชื่อว่าในวันหนึ่งฉันจะตื่นขึ้นมาจากความสิ้นหวังได้…

“ไม่อยากไปเจอลูกเหรอนก” ครูในชุมชนถามฉันในวันที่เธอมาเยี่ยมที่บ้าน

คำพูดของครูทำให้ฉันนึกถึงลูกๆ ที่พรากจากกันไป ฉันหวนคิดถึงเหตุการณ์เมื่อหลายเดือนก่อน ตอนที่ฉันโดนตำรวจจับเข้าคุกในข้อหาค้าผงขาว วันนั้นลูกสามคนที่ฉันได้เลี้ยงดู และผูกพันมากที่สุดในบรรดาลูกทั้งหมดสิบเอ็ดคน วิ่งร้องไห้ตามฉันมาเสียงลูกที่ตะโกนเรียกฉันในตอนนั้นว่า “แม่อย่าทิ้งหนูนะ” ยังก้องอยู่ในความทรงจำฉันนึกสงสารลูกจับใจ

“ก่อนจะตาย ขอให้ได้เจอลูกทั้งสามคนนี้ก่อนเถอะ” ฉันอฐิษฐานในใจ ก่อนที่จะฮึดสู้กับความเจ็บป่วย

ตอนนี้เด็กทั้งสามคนถูกส่งไปตามสถานสงเคราะห์ที่ต่างจังหวัดซึ่งห่างไกลจากที่ที่ฉันอยู่เหลือเกิน การจะไปหาลูกต้องใช้เงินจำนวนหนึ่ง เมื่อคิดว่ายังไงก็ต้องไปเจอหน้าลูกให้ได้ ฉันก็มีกำลังใจฮึดสู้หักดิบไม่แตะยาเสพติดทุกชนิด แม้ว่าสามีที่อยู่ร่วมบ้านจะเล่นยาทุกวันเหมือนเดิม แต่ฉันก็ใจแข็งพอที่จะไม่แตะกับสิ่งทำลายชีวิตพวกนี้อีก

ฉันเริ่มไปหาหมอตามสิทธิการรักษาของบัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้าอย่างมีความหวังว่า ยาที่ได้มาจะช่วยต่ออายุของฉันออกไปได้นานสักหน่อย ฉันเริ่มอยากมีชีวิตที่ดีเหมือนคนอื่นบ้าง จึงออกหางานสุจริตทำและในที่สุดฉันก็ได้งานเป็นแม่บ้านทำความสะอาดของบริษัทแห่งหนึ่ง เงินเดือนที่ได้ก็ดีไม่น้อย แต่เมื่อหักลบกับค่าเช่าบ้านและค่าใช้จ่ายในบ้านก็เหลือเงินเก็บเพียงน้อยนิด ทั้งสามียังเอาเงินไปซื้อยาอีก ทำให้เงินเก็บที่มียังไม่พอที่จะใช้เดินทางไปหาลูกได้

เมื่อหวนนึกถึงชีวิตที่ผ่านมา ลึกๆ ในใจฉันยังคงโกรธพ่อแม้ท่านจะตายจากไปหลายปีแล้ว

“ถ้าพ่อไม่ทำแบบนั้น ชีวิตฉันคงไม่เป็นแบบนี้” ฉันย้อนคิดเรื่องนี้ทีไรความแค้นระคนเสียใจก็บีบคั้นจิตใจจนน้ำตาไหลออกมาทุกครั้ง

ทุกวันนี้ฉันลุกขึ้นมาต่อสู้กับชีวิตด้วยความหวังว่า จะได้เจอหน้าลูกทั้งสามคนที่ฉันยังเป็นห่วงอยู่เท่านั้น ส่วนเรื่องราวชีวิตเปื้อนบาปของฉัน ขออุทิศให้เป็นอุทาหรณ์แก่ทุกคนที่คิดว่าชีวิตตัวเองไม่มีค่า อย่าได้ปล่อยชีวิตให้เป็นไปตามยถากรรมและจมลึกกับความเลวร้ายอย่างฉันเลย…

ความคิดเห็นจากพระอาจารย์ไพศาล วิสาโล

ชีวิตของเรานั้นบางครั้งก็ต้องเจอเหตุร้ายที่คาดไม่ถึง แต่เมื่อเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นกับเรา ไม่ว่ารุนแรงเพียงใด จำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องตั้งสติให้ได้ เพราะสตินั้นสามารถเปลี่ยนร้ายให้กลายเป็นดีได้อย่างน้อยๆ ก็ช่วยป้องกันมิให้เราตัดสินใจผิดพลาด จนกลายเป็นการซ้ำเติมตนเองคนอื่นทำร้ายเราเพียงใดก็ไม่หนักหนาสาหัสเท่ากับที่เราทำร้ายตนเอง คนอื่นทำร้ายเราเพียงชั่วขณะ แต่หากเราตัดสินใจผิดพลาดเพราะขาดสติเสียแล้ว เราก็สามารถสร้างทุกข์ให้แก่ตนเองนานนับปีหรือตลอดชีวิตเลยก็ได้

ไม่มีใครยัดเยียดตราบาปให้แก่เราได้หากเราปฏิเสธที่จะประทับตราบาปนั้นในจิตใจของตน ไม่มีใครทำลายคุณค่าของตัวเราได้นอกจากตัวเราเอง ดังนั้นเมื่อถูกกระทำด้วยใครบางคนที่เราไม่นึกฝันว่าจะทำเช่นนั้นกับเราได้ อย่าประชดตัวเองด้วยการปล่อยตัวปล่อยใจไปในทางที่ตกต่ำพึงตระหนักว่าไม่มีความทุกข์หรือเหตุร้ายใดๆ ที่เรามิอาจก้าวข้ามหรือล่วงพ้นได้ด้วยความดีหรือด้วยธรรม

อย่างไรก็ตาม เรื่องของ “นก” ยังให้บทเรียนที่เปี่ยมด้วยความหวังว่า แม้จะผิดพลาดครั้งแล้วครั้งเล่า คนเราก็สามารถกลับมาทำสิ่งที่ถูกต้องได้ ไม่มีคำว่าสายสำหรับการเริ่มต้นชีวิตใหม่ ดังนั้นนอกจากการให้โอกาสแก่ตนเองในการทำความดีแล้ว เราควรให้โอกาสเช่นนั้นแก่ผู้อื่นด้วย แม้เขาจะล้มมาหลายครั้งแล้วก็ตาม

ทั้งๆ ที่ผ่านเรื่องเลวร้ายมามากบัดนี้คุณนกกำลังมีชีวิตที่ผาสุก แต่เธอจะมีความสุขและสงบใจมากกว่านี้หากให้อภัยพ่อได้ แม้ว่าพฤติกรรมของพ่อเป็นสิ่งที่ทำใจได้ยากก็ตาม ความพยาบาทนั้นมีแต่จะเผาลนจิตใจเธอให้รุ่มร้อน เธอจะมีชีวิตใหม่อย่างแท้จริง หากปล่อยวางทุกเหตุการณ์ในอดีต รวมทั้งการกระทำที่เลวร้ายของพ่อ

 

ที่มา นิตยสารซีเคร็ต

เรื่อง นก

เรียบเรียง เชิญพร คงมา

ภาพ https://pixabay.com


บทความน่าสนใจ

บาป ! ของคน ตาเบา นิ้วเบา หูเบา บทความดีๆ จากณัฐพบธรรม

กรรมไม่เคยละเว้นใคร ไม่ว่ากรรมนั้นจะเป็น “ บุญหรือบาป ”

Dhamma Daily : ดูทีวีแล้ว ด่า สาปแช่งผู้อื่นจะเป็นบาปกรรมติดตัวไหมคะ

โกหกบาปแค่ไหน สงสัยจัง !? พระอาจารย์มีคำตอบ

True Story : บันทึกบาป ของผู้หญิงเหลวแหลก

Posted in MIND
BACK
TO TOP
cheewajitmedia
Writer

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.