เพราะเห็นธรรม

True story : เพราะเห็นธรรม จึงกลับใจ

True story : เพราะเห็นธรรม จึงกลับใจ เรื่องเล่าของชายหนุ่มผู้เคยหลงทางไปในวังวนของยาเสพติด

ชีวิตของผมไม่เคยรู้จักผิดชอบชั่วดี ดวงตาของผมไม่เคยมองเห็นสิ่งดีงาม เหล้า บุหรี่  ยาเสพติด การพนัน คือเพื่อนที่คุ้นเคย แต่วันหนึ่งผมได้พบธรรมะซึ่งทำให้ผมตาสว่าง ทำให้ใจสงบ และคิดได้ว่าชีวิตที่ผ่านมาต้องสูญเสียอะไรไปบ้างเพราะคำว่าอบายมุข

ผมเกิดและเติบโตที่จังหวัดสระแก้วมีตากับยายคอยเลี้ยงดู ท่านทั้งสองมีอาชีพตัดฟืนซึ่งรายได้ไม่ดีนัก ทำให้ความเป็นอยู่ของเราค่อนข้างยากลำบาก พ่อกับแม่ทำงานในโรงงานที่จังหวัดระยอง นานๆ จะกลับมาเยี่ยมสักครั้ง แม้จะเคยน้อยใจว่าพ่อกับแม่ไม่รัก แต่ก็ไม่เคยคิดจะเป็นเด็กมีปัญหาเนื่องจากตากับยายให้ความอบอุ่นอย่างเต็มที่ ผมจึงเป็นเด็กดี ไม่เคยเกเร และเรียนเก่ง

เมื่อจบชั้นมัธยมต้น แม่ส่งผมไปเรียนต่อสายอาชีพในจังหวัดจันทบุรี เพื่อจะได้เรียนจบเร็วๆ และช่วยหาเงินมาจุนเจือครอบครัวนั่นเป็นครั้งแรกที่ผมรู้จักกับคำว่าอิสระ

ผมเช่าหออยู่ใกล้ๆ โรงเรียน เมื่อไม่มีคนคอยดูแลและควบคุม เด็กที่เคยตั้งใจเรียนก็เริ่มคบเพื่อนเกเร ไม่ยอมเข้าเรียน สูบบุหรี่ ดื่มเหล้าจนมีเรื่องทะเลาะวิวาท สูบกัญชาและลองเสพยาเสพติด หลังจากก้าวลงสู่วังวนอบายมุข ผมก็เห็นช่องทางหาเงิน

บ้านของผมอยู่ติดชายแดน ซึ่งเป็นแหล่งซื้อ – ขายยาเสพติด เมื่อกลับบ้านไปเยี่ยมตากับยาย ผมจะแวะซื้อ “ของ” มาปล่อยให้เพื่อนๆ ผมลักลอบเป็นพ่อค้ายาเสพติดรายย่อยอยู่ประมาณ 2 ปี กระทั่งวันหนึ่ง แม่มาเยี่ยมที่ห้องโดยไม่บอกล่วงหน้า เมื่อแม่เปิดประตูก็เห็นควันบุหรี่คลุ้งไปทั่วห้องโดยมีผมกับเพื่อนๆ นั่งดื่มเหล้า วันนั้นแม่สั่งให้ผมย้ายไปอยู่ระยองด้วยกัน ยกเลิกสัญญาเช่าหอพักและให้นั่งรถไป - กลับระยองจันทบุรีเพื่อเรียนต่อปีสุดท้ายให้จบ ช่วงนั้นผมตัดขาดจากอบายมุขทุกชนิด และตั้งใจว่าต้องเรียนให้จบ และผมก็ทำสำเร็จ

ผมเข้าทำงานที่โรงงานเดียวกับแม่ในตำแหน่งช่างซ่อมบำรุง เมื่อทำงาน ชีวิตผมก็ดีขึ้น มีเงินใช้และช่วยแม่ปลดหนี้ แต่ทำงานได้สักพัก เด็กหนุ่มวัย 18 ปีก็เริ่มมีสังคมของตัวเอง และกลับเข้าสู่วังวนอบายมุขอีกครั้งทุกวันหลังเลิกงานผมต้องไปสังสรรค์กับเพื่อนทั้งดื่มเหล้า สูบบุหรี่ เสพยา เล่นไพ่ เล่นพนันฟุตบอล สิ่งไหนที่เขาบอกว่าไม่ดี ผมทำหมด บางครั้งก็อยู่กับเพื่อนจนถึงเช้า แล้วค่อยเปลี่ยนชุดไปทำงานทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ล้มตัวลงนอน

นานวันเข้าเงินทองที่เคยเหลือเก็บก็ไม่พอใช้ ผมจึงหาอาชีพเสริมด้วยการรับจ้างไปซื้อยาเสพติดให้คนในโรงงาน เมื่อรู้แหล่งซื้อในระยอง ผมจึงหันมาเป็นพ่อค้าเสียเองแม้จะมีเงินมากขึ้น แต่ร่างกายก็ทรุดโทรมลงเรื่อยๆ ระหว่างนั้นผมมีแฟน เธอเป็นคนดีไม่ยุ่งเกี่ยวกับสิ่งเสพติดทุกชนิด หลังคบกันไม่นานเธอก็ท้อง และขอให้ผมย้ายไปอยู่บ้านของเธอที่จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยหวังว่าเมื่อห่างจากสิ่งยั่วยุ ผมจะกลับมาเป็นคนดีและเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดีได้

ผมย้ายไปอยู่บ้านแฟนพร้อมกับตัดขาดจากสิ่งเสพติดอีกครั้ง จากคนที่มีเงินเดือนหลักหมื่น กลับต้องมาทำอาชีพรับจ้างตัดไม้ที่ค่าตอบแทนเพียงน้อยนิด บางวันมีเงินติดตัวเพียง 20 บาท ผมทั้งเหนื่อย ท้อแท้และเสียดายความรู้ความสามารถของตัวเองผมอดทนอยู่ที่นั่นได้เพียง 7 เดือนก็หนีกลับมาอยู่ระยองเช่นเดิม

เมื่อได้งานทำผมก็รับแฟนมาอยู่ด้วยและกลับมาเข้าสังคมเดิมๆ อีกครั้ง ในที่สุดการกระทำของผมก็ไม่อาจรอดสายตาของตำรวจไปได้ ผมถูกตำรวจจับขณะนำยาไปส่งให้ลูกค้า ศาลพิพากษาจำคุก 2 ปี แม่พาแฟนกับลูกมาเยี่ยม ตากับยายร้องไห้ผมรู้สึกผิดและเสียใจมากที่ทำให้ครอบครัวผิดหวัง จึงสัญญาว่าถ้าออกไปได้ผมจะกลับตัวกลับใจไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอีกต่อไป

ระหว่างอยู่ในคุกผมก็รู้ข่าวว่าแฟนของผมมีแฟนใหม่ แม้เสียใจแต่ก็ยอมรับและไม่โกรธเพราะรู้ว่าผมผิด ผมทำตัวไม่ดีเอง

หลังพ้นโทษ ผมสมัครเป็นเด็กเสิร์ฟในร้านอาหารแห่งหนึ่ง และได้พบกับแฟนคนใหม่ เธอเป็นเอเย่นต์ค้ายาเสพติดรายใหญ่ในจังหวัดระยอง เราคบกันประมาณ 3 - 4 เดือน ผมก็ย้ายไปอยู่กับเธอและช่วยส่ง “ของ” เป็นประจำ ไม่นานผมก็ถูกจับอีกครั้ง แม้แฟนพยายามประกันตัว แต่ผมเคยต้องโทษศาลจึงไม่อนุญาต และสั่งจำคุก 9 เดือนแต่ครั้งนี้ คุกขังผมได้แต่ตัว

ยาเสพติด โทรศัพท์มือถือเริ่มระบาดเข้ามาในรั้วเรือนจำ เมื่อมีช่องทาง คนบาปอย่างผมก็ไม่รอช้า รีบฉกฉวยโอกาสนั้นทันทีผมลักลอบซื้อ - ขายยาทั้งๆ ที่ตัวเองถูกจำกัดอิสรภาพ แม้ว่ายายจะพยายามเตือนว่า

“ครั้งนี้ขอให้เป็นครั้งสุดท้ายนะลูก หนูโตแล้ว ควรจะคิดได้แล้ว” ผมได้แต่รับคำแต่ไม่คิดจะทำตาม

เมื่อพ้นโทษ ผมกลับไปอยู่กับแฟนอีกครั้ง แต่มีอิสระเพียง 20 วัน ยังไม่ทันเห็นตากับยาย ยังไม่ทันเห็นหน้าลูก ผมก็ถูกจับในคดียาเสพติดเช่นเดิม ครั้งนี้ศาลตัดสินจำคุก 5 ปี พอประกาศโทษ ผมเข่าอ่อน หมดอาลัยตายอยาก คิดถึงขั้นจะผูกคอตาย แต่ไม่กล้า กลัวว่าถ้าผูกแล้วไม่ตายจะอายคนอื่นเขา

หลังจากอยู่ในเรือนจำ 2 ปี ผมก็มี “พ่อ” อีกคน เขาเป็นเจ้าพ่อรายใหญ่ ทำธุรกิจผิดกฎหมายทุกชนิด ทั้งค้าแรงงานต่างด้าว ยาเสพติด อาวุธสงคราม และไม้เถื่อน ผมช่วยงานเขาเป็นประจำจนชีวิตเริ่มสบายขึ้น เมื่อเขาพ้นโทษก็ติดต่อให้แฟนผมช่วยงานโดยที่ผมไม่รู้ เขานำไม้พะยูงหนัก 2 ตันไปฝากไว้ที่บ้านแฟนเพื่อรอคนมารับแต่ตำรวจตรวจพบเสียก่อน ครอบครัวของแฟนเกือบทั้งหมดถูกศาลสั่งจำคุกทันที ผมเสียใจมาก คิดว่าตัวเองเป็นต้นเหตุที่ทำให้ครอบครัวเขาเดือดร้อน

ขณะเดียวกันผมต้องเผชิญกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน แม่บอกข่าวร้ายกับผมว่าพ่อป่วยเป็นมะเร็งที่ลิ้น และมีเวลาอยู่กับเราได้อีกไม่นาน ผมตกใจและไม่คิดว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดกับตัวเอง ก่อนวันที่พ่อจะต้องตัดลิ้น ผมโทรศัพท์คุยกับพ่อ เขาพูดกับผมว่า “ต่อไปนี้พ่อช่วยหนูไม่ได้แล้วนะลูก หนูต้องทำตัวดีๆ นะ” และนั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมได้ยินเสียงพ่อ

ไม่นานพ่อก็เสียชีวิต ผมได้แต่นั่งเสียใจอยู่ในคุก และตั้งใจว่าต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ได้ ผมจึงสมัครฝึกอาชีพกับ คุณไพบูลย์ พิมพ์ลา ประธานกลุ่มผู้ค้าอัญมณีรายย่อยในจังหวัดจันทบุรี เขานำช่างอัญมณีเข้ามาสอนผู้ต้องขังถึงในเรือนจำ สอนทั้งเทคนิคการตกแต่ง เจียระไน แกะสลักอัญมณีจนเริ่มมีรายได้เล็กๆ น้อยๆ นอกจากนี้เขายังเชิญพระอาจารย์ชื่อดังเข้ามาเทศน์ให้ผู้ต้องขังฟังด้วย

ก่อนหน้านี้คนบาปอย่างผมไม่เคยสนใจธรรมะ ไม่ศรัทธา เห็นพระก็ไม่เคยคิดจะยกมือไหว้ แต่เมื่อได้ฟังเทศน์และลองปฏิบัติธรรม ผมก็รู้เลยว่าธรรมะคือแสงสว่างสำหรับผมจริงๆ

นักโทษส่วนใหญ่มักเป็นโรคนอนไม่หลับเอาแต่คิดวนเวียนถึงแต่อดีต คิดถึงพ่อแม่ลูกเมีย คิดถึงบ้าน คิดถึงสิ่งที่ทำผิดลงไปแต่เมื่อผมลองปฏิบัติธรรม ดูลมหายใจ ท่องพุท โธ ตามที่พระอาจารย์แนะนำ จิตก็สงบอาการเหล่านั้นก็ดีขึ้น ผมจึงเริ่มสนใจและศรัทธาในพระพุทธศาสนา ผมไม่ได้คาดหวังว่า ศาสนาจะทำให้ผมเป็นคนดีร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่หวังว่าจะช่วยให้ผมหยุดทำชั่ว และอยู่ในสภาพผู้ต้องขังได้โดยไม่เป็นทุกข์

ผมเริ่มศึกษาธรรมะมากขึ้น ทั้งจากการฟังเทศน์ อ่านหนังสือธรรมะที่มีคนบริจาคไว้ หนึ่งในนั้นมีนิตยสาร ซีเคร็ต ด้วย ผมปฏิบัติธรรมไปพร้อมๆ กัน รวมทั้งตั้งใจแน่วแน่ว่า หากผมมีบุญวาสนา พ้นโทษเมื่อไรผมจะขอบวชทดแทนคุณพ่อแม่และตายายอย่างน้อย 1 พรรษา

กว่า 2 ปีที่เหลือในเรือนจำ ผมใช้ชีวิตโดยมีธรรมะเป็นแสงนำทางโดยตลอด ทำให้ผมระลึกได้ว่าอบายมุขพรากอะไรไปจากชีวิตเราบ้าง ทั้งทรัพย์สินเงินทอง อาชีพ คนรัก และสำคัญที่สุดคือ เวลาที่จะอยู่กับครอบครัวผมไม่มีโอกาสดูแลพ่อ ไม่ได้อยู่กับท่านในวาระสุดท้ายของชีวิต ขนาดงานศพผมยังไปวางดอกไม้จันทน์ไม่ได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมเสียใจที่สุด

เมื่อพ้นโทษผมเดินทางกลับบ้านเกิดเพื่อมุ่งหน้าทำตามฝันที่ตั้งไว้ คือหันหน้าเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ ตอนนี้ผมบวชได้ครบ 1พรรษาตามที่ตั้งใจ แต่ยังไม่คิดเดินออกจากเส้นทางนี้ เพราะเมื่อได้ปฏิบัติธรรมอย่างจริงจังผมก็พบกับความร่มเย็น จิตสงบลงมาก จึงตั้งใจว่าจะศึกษาธรรมะให้แตกฉาน และอยากช่วยเผยแผ่ศาสนา รวมทั้งทำงานเพื่อสังคม

ตอนนี้ผมกำลังทำโครงการส่งเสริมการอ่านเพื่อพัฒนาชุมชน เนื่องจากเห็นว่าในวัดมีหนังสือจำนวนมาก แต่ญาติโยมไม่ค่อยหยิบไปอ่าน จึงให้พระและเณรนำหนังสือธรรมะในวัดไปแจกญาติโยมขณะบิณฑบาต พวกเขาจะได้เข้าถึงธรรมะได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังรณรงค์ให้ญาติโยมร่วมบริจาคหนังสือ เพื่อที่ผมจะนำไปมอบให้ตามเรือนจำ เพราะหนังสือในนั้นค่อนข้างเก่าและไม่หลากหลายโดยวางแผนว่าจะนำไปมอบให้ทุกเรือนจำในภาคตะวันออก

ช่วงเวลาที่ผมต้องโทษทั้ง 3 ครั้ง รวมระยะเวลาเกือบ 8 ปี ทำให้ผมรู้ว่าคุกเปลี่ยนคนเลวให้กลายเป็นคนเลวกว่าเดิมได้หากไม่มีคนช่วยนำทาง ขณะเดียวกันก็เปลี่ยนให้คนเลวหยุดทำเลวได้เช่นกัน และธรรมะคือหนึ่งในเครื่องนำทางที่ดีที่สุดที่ทำให้คนเลวอย่างผมตัดสินใจหันหลังให้อบายมุข เพื่อเดินหน้าเข้าหาความสงบสุขทางใจที่แท้จริง

 

ข้อคิดจากพระมหานภันต์ สนฺติภทฺโท ป.ธ.๙

ขออนุโมทนากับพระใหม่อดีตผู้ค้ายาเสพติด ผู้ตั้งใจเปลี่ยนชีวิตด้วยธรรม เพราะมีโอกาสศึกษาเรือนใจตน ในช่วงที่ชีวิตมืดมนในเรือนจำ อาศัยแสงสว่างแห่งธรรมที่กัลยาณมิตรช่วยส่องทาง วันนี้จึงเริ่มเป็นผู้แบ่งปันแสงสว่าง ส่องทางให้ผู้คน มีพุทธพจน์บทหนึ่งในธรรมบท ใจความว่า

ผู้ใดเคยประมาทและพลาดผิด แต่กลับจิตคิดได้ในภายหลัง ย่อมทำให้โลกรุ่งเรืองเมลืองมลังเหมือนเมฆบังพ้นจันทร์กระจ่างตา

สิ่งสำคัญที่ทุกท่านควรได้คิดจากชีวิตพระใหม่คือ อย่าประมาทอย่าคิดว่าเมฆหมอกแห่งความมืดมนจะผ่านพ้นไปตลอดกาลอย่ามัวแต่ดีใจว่าได้เห็นธรรมจึงกลับใจ เพราะหากไม่มีวินัย ไม่มีความตั้งใจอบรมตน ได้คิดเป็นครั้งๆ แต่ก็ประมาทเป็นคราวๆ ชีวิตก็จะมีแต่เรื่องราวขึ้นๆ ลงๆ กี่ครั้งที่เหมือนจะได้คิด กี่ครั้งที่เหมือนจะเปลี่ยนชีวิตได้ สุดท้ายก็พาตนกลับเข้าสู่วังวนของความเสื่อมทราม เรื่องอบายมุขในอดีตของท่าน เรื่องลดน้ำหนักของเราเรื่องหน้าที่การงานของใคร ถ้าคิดได้ก็ไม่มีอะไรต่างกัน กุญแจสำคัญคือสาตัจจกิริยา การทำอย่างต่อเนื่องทำๆ หยุดๆ ไม่นานก็หยุดธรรม

ผู้ที่กลับใจได้ คนพร้อมจะเข้าใจมีไม่มาก คนพร้อมจะบั่นทอนมีไม่น้อย ความหนักแน่นของเรามีหรือไม่ขอให้ทุกท่านที่เคยเจอหรือกำลังเจอเรื่องราวร้ายๆ ได้มี “กำลังใจ” และ “กำลังปัญญา” ที่จะฟันฝ่าอุปสรรคปัญหาต่อไป กำลังใจที่ไร้ปัญญาทำให้มีแรงก้าวขา แต่มิอาจประกันว่าถูกทางกำลังปัญญาที่มิอาจหากำลังใจ บางทีเห็นจุดหมายอยู่ไกลๆ ก็อาจไม่มีแรงใจจะก้าวเดิน

“ศรัทธา” “ปัญญา” ขาดอันใดปลูกอันนั้น และไม่มีต้นไม้ใดงอกงามได้ในวันเดียว

 

ที่มาจากนิตยสาร Secret 

เรื่อง บุญบัวหอม 

เรียบเรียง Pitchaya


บทความที่น่าสนใจ

อันธพาลกลับใจ เรื่องจริงของแก๊งค์ที่เคยยืดติดคำว่าเอาคืน!

ก้าวที่พลาด บทเรียนครั้งใหญ่ของเด็กชายในสถานพินิจ

 

Posted in MIND
BACK
TO TOP
cheewajitmedia
Writer

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.