อาจินต์ ปัญจพรรค์

ลาลับแล้ว ศิลปินแห่งชาติ อาจินต์ ปัญจพรรค์ เจ้าของผลงานเรื่องสั้นชุดขุดเหมืองแร่

ลาลับแล้วศิลปินแห่งชาติ  อาจินต์ ปัญจพรรค์ เจ้าของผลงานเรื่องสั้นชุดขุดเหมืองแร่

วงการวรรณกรรมไทย สูญเสียศิลปินแห่งชาติอีกท่าน อาจินต์ ปัญจพรรค์ เจ้าของผลงานอมตะอย่าง เรื่องสั้นชุดขุดเหมืองแร่ หรือที่ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์เรื่อง “มหา’ลัยเหมืองแร่”

วงการวรรณกรรมไทย สูญเสียศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ปรมาจารย์ด้านการเขียนเรื่องสั้น อย่าง อาจินต์ ปัญจพรรค์ เจ้าของเรื่องสั้นที่เป็นนำมาประสบการณ์จริงในชีวิตของท่านเองคือ เรื่องสั้นชุดเหมืองแร่ ได้จากพวกเราไปอย่างสงบ เมื่อเวลา 17.44 น. วันที่ 17 พ.ย. สิริอายุ 92 ปี ด้วยท่านผู้สร้างสรรค์ผลงานจรรโลงสังคมไทยไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นงานเขียนเรื่องสั้น นวนิยาย บรรณาธิการนิตยสาร และเขียนเพลง จึงยกประวัติของตนมาเพื่อให้ทราบถึงเส้นทางชีวิต กว่าจะมาเป็นนักเขียนที่มีผลงานเป็นที่ยอมรับแล้ว และมีชื่อเสียงได้รับการยกย่องจนถึงทุกวันนี้ได้อย่างไร

 

เด็กหนุ่มนักเขียนแห่งนครปฐม

อาจินต์ ปัญจพรรค เกิดเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2470 ที่อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม เป็นบุตรชายของขุนปัญจพรรค์พิบูล (พิบูล ปัญจพรรค์) อดีตนายอำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี และข้าหลวงจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และจังหวัดนครปฐม กับนางกระแส ปัญจพรรค์ (โกมารทัต) มีพี่น้องร่วมบิดามารดา คือ ชอุ่ม ปัญจพรรค์ พล.ต.ท.ลัดดา ปัญจพรรค์ และวัฒนา ปัญจพรรค์ มีน้องสาวต่างมารดาคือ เยาวรัตน์ ปัญจพรรค์

ศึกษาชั้นประถมที่โรงเรียนพระปฐมวิทยาลัย จังหวัดนครปฐม เรึยนชั้นมัธยมที่โรงเรียนอำนวยศิลป์ ปากคลองตลาด กรุงเทพมหานคร และโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาตามลำดับ

ผลงานชิ้นแรกคือ เรียงความ “โรงโขนหลวง” ที่พระราชวังสนามจันทร์ จังหวัดนครปฐม ส่งไปลงหนังสือ “สุวัณณภูมิ” เขียนตอนเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6

 

ถูกส่งไปทำงานที่เหมืองแร่เพื่อดัดนิสัย จุดเริ่มต้นของ เรื่องสั้นชุด “ขุดเหมืองแร่”

หลังจากเรียนจบมัธยมศึกษาจากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ก็เข้าศึกษาต่อที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อกำลังเรียนอยู่ชั้นปีที่ 2 เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้มหาวิทยาลัยงดการเรียนการสอน นิสิตต่างพากันกลับบ้านเกิดหนีการทิ้งระเบิดเพื่อทำลายจุดยุทธศาสตร์สำคัญในกรุงเทพมหานคร เมื่อภาวะสงครามสงบอาจินต์กลับมาเรียนอีกครั้ง แต่การใช้ชีวิตในช่วงหนีภัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้อาจินต์กลับมาเรียนต่อได้ไม่ดีนักสุดท้ายถูกมหาวิทยาลัยรีไทร์

หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เริ่มเขียนเรื่องงานง่าย ๆ ลงในหนังสือ “ฉุยฉาย” รายสัปดาห์ และ “ชวนชื่น” รายสัปดาห์

พ.ศ. 2489 ได้รับรางวัลชนะเลิศการประกวดคำขวัญสันติภาพจากองค์การสหประชาชาติด้วยข้อความว่า “สงครามคือบาป สันติภาพคือบุญ” ได้ค่าเขียนมา 500 บาท

พ.ศ. 2490 ทำงานที่กระทรวงมหาดไทย ในหน่วยเฉพาะกิจสำรวจสำมะโนประชากร ทำได้ไม่นานก็ลาออกไปเรียนต่อด้านกฎหมาย แต่ไม่ได้จริงจัง ต่อมาไปทำงานที่เหมืองแร่ จังหวัดพังงา เขียนเรื่องสั้น “ในทะเลมีเศรษฐศาสตร์” และเขียนสารคดี “จดหมายจากเมืองใต้” ในนามปากกา “จินตเทพ” ลงในหนังสือ “โฆษณาสาร” รายเดือน

เริ่มทำงานที่เหมืองแร่เรือขุดแร่ดีบุก “กัมมุนติง” (Kammunting Tin Dredging) ในตำแหน่งฝึกงานช่างตีเหล็ก ได้ค่าจ้างวันละ 6 บาท ในขณะนั้นเขียนเรื่องสั้น “สีชมพูยังไม่จาง” ส่งให้น้องสาว วัฒนา ปัญจพรรค์ (ซึ่งกำลังเรียนที่เภสัชกรรม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย) นำลงหนังสือ “มหาวิทยาลัย” ฉบับ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2492 ทำงานช่างตีเหล็กได้ไม่ถึงเดือน มีอาการไอเป็นเลือด เกิดจากการทำงานหนัก ทำให้เส้นเลือดฝอยแตก

พ.ศ. 2492 ทำงานที่เหมืองกระโสม (Krasom Tin Dredging) ช่างเขียนแบบ เงินเดือน 500 ต่อเดือน และช่างทำแผนที่ เงินเดือน 800 บาท

พ.ศ. 2494 ระหว่างทำงานที่เหมืองกระโสม ชอุ่ม ปัญจพรรค์ พี่สาวเจอนิยายของน้องชายที่ห้อง จึงได้นำไปให้ศักดิ์เกษม หุตาคม เจ้าของนามปากกา “อิงอร” ช่วยพิจารณา และได้เปลี่ยนชื่อใหม่ “เศรษฐศาสตร์กลางทะเลลึก” ส่งไปให้ ประหยัด ศ.นาคะนาท ลงใน “พิมพ์ไทย” วันจันทร์ มีผู้สนใจมาก จึงได้ส่งอีกเรื่อง “ผู้กล้าหาญ” ได้รับการตอบรับไม่ดีเท่า “เศรษฐศาสตร์กลางทะเลลึก”

พ.ศ. 2496 เหมืองแร่เลิกกิจการ จึงเดินทางกลับมากรุงเทพมหานคร และเขียนนวนิยายอย่างจริงจัง เรื่อง “บ้านแร” หลายตอนจบลงใน “โฆษณาสาร” กับแปลเรื่อง “เฮนรี่ เจ.ไกเซอร์” และ “ค่ายโคบาล” ไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร ลงพิมพ์ใน “สตรีสาร” เป็นกลอน ไม่ค่อยได้ค่าเรื่อง รวมทั้งเรื่อง “ในเหมืองแร่มีนิยาย” 4 ตอนจบในนิตยสาร “จ.ส.ช.”

พ.ศ. 2497 เรื่องสั้น “สัญญาต่อหน้าเหล้า” ในนามปากกา “จินตเทพ” ลงพิมพ์ “สยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์” ฉบับปฐมฤกษ์ ประหยัด ศ.นาคะนาท เป็นบรรณาธิการ ทำให้มีโอกาสเขียนเรื่องสั้นชุด “เหมืองแร่” ลงพิมพ์ในนิตยสาร “ชาวกรุง”

 

ก้าวสู่การเป็นนักเขียนผังรายการโทรทัศน์ บรรณาธิการ และตั้งสำนักพิมพ์ของตนเอง

พ.ศ. 2498 ทำงานที่สถานีโทรทัศน์ไทยทีวี [ช่อง 4] บางขุนพรหม ซึ่งจอมพล ป.พิบูลสงคราม เปิดสถานีโทรทัศน์ในวันชาติ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2498 โดยทำหน้าที่เขียน “ผังรายการโทรทัศน์” ได้เงินเดือนเริ่มต้น 800 บาท

พ.ศ. 2499 เป็นบรรณาธิการ นิตยสาร “ไทยโทรทัศน์” รายเดือน ของสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีช่อง 4

พ.ศ. 2502 ได้รับเลือกให้ไปดูงานด้านโทรทัศน์กับชาวอเมริกัน ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นเวลา 4 เดือน

พ.ศ. 2508 ตั้งสำนักพิมพ์เพื่อพิมพ์เรื่องสั้นของตนเอง โดยเริ่มระบบเขียนเอง – พิมพ์เอง – ขายเอง ในราคาเล่มละ 5 บาท เป็นที่รู้จักกันในชื่อว่า โอเลี้ยง 5 แก้ว ขณะที่รวมเรื่องสั้นชุดแรก “ตะลุยเหมืองแร่” ได้รับเลือกให้ไปประชุมนักเขียนเรื่องสั้น “แอฟโฟร อาเซียน” F4 Asian ที่ประเทศสหภาพโซเวียต 1 เดือน เมื่อกลับมากรุงเทพมหานคร ปรากฏว่ารวมเรื่องสั้นชุดแรกได้จำหน่ายหมดแล้ว จึงได้พิมพ์ “ธุรกิจบนขาอ่อน” และเรื่องเกี่ยวกับเหมืองแร่ก็ยังคงทยอยออกมาเป็นระยะคือ “เหมืองน้ำหมึก” “เสียงเรียกจากเหมืองแร่” และ “สวัสดีเหมืองแร่” ประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังตั้งคณะละครโทรทัศน์ของตนเอง

พ.ศ. 2511 ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าแผนกผังรายการ และหัวหน้าแผนกบริการธุรกิจ เงินเดือน 2,800 บาท และตำแหน่งบรรณาธิการนิตยสาร “ไทยโทรทัศน์” อีกเดือนละ 800 บาท

พ.ศ. 2512 ร่วมหุ้นตั้งโรงพิมพ์อักษรไทย และทำนิตยสาร “ฟ้าเมืองไทย” รายสัปดาห์ ออกฉบับปฐมฤกษ์ เมื่อวันจักรี 6 เมษายน พ.ศ. 2512 ในราคาเล่มละ 3 บาท เป็นที่นิยมมาก จึงได้คิดหนังสือเล่มใหม่ โดย สุพล เตชะธาดา แห่งสำนักพิมพ์ประพันธ์สาส์น เป็นผู้ลงทุน ชื่อว่า “ฟ้าเมืองทอง” รายเดือน ฉบับปฐมฤกษ์ เมษายน พ.ศ. 2519 ประสบผลสำเร็จ จึงออก “ฟ้านารี” รายเดือนให้สำนักพิมพ์ประพันธ์สาส์นอีกหนึ่งฉบับ มีศรีเฉลิม สุขประยูร เป็นบรรณาธิการ พิมพ์ได้ไม่นานก็เลิก ภายหลังทำ “ฟ้าอาชีพ” รายเดือนอีกระยะหนึ่ง ก็หยุดทำ “ฟ้าเมืองทอง” ส่วน “ฟ้าเมืองไทย” มาสิ้นสุดตอน ตุลาคม พ.ศ. 2531 ผู้อ่านแสดงความรู้สึงเสียดาย จึงตัดสินใจทำนิตยสาร “ฟ้า” รายเดือน ฉบับปฐมฤกษ์ มกราคม พ.ศ. 2532 ผลิตและจำหน่าย 3 ปีก็ยุติลง ตุลาคม พ.ศ. 2543 ตลอดเวลาได้สร้างนักเขียนรุ่นใหม่ให้โด่งดังเป็นจำนวนมาก

 

เพลงอมตะเหล่านี้คือผลงานของท่านที่น้อยคนจะรู้

นอกจากนี้ยังสนใจในเรื่องการแต่งเพลงเป็นงานอดิเรก เพลงที่ได้รับความนิยม เช่น เพลงประกอบละคร “สวัสดีบางกอก” และ “อย่าเกลียดบางกอก” เนื้อเพลง “มาร์ชลูกหนี้” และ “อาณาจักรผี ๆ” เพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง “เงิน เงิน เงิน” และ “แม่นาคพระนคร” “จดหมายรักจากเมียเช่า” เนื้อเพลงในชุด “ปริญญาชาวนา” ขับร้องโดย ธานินทร์ อินทรเทพ

 

การนำเรื่องใกล้ตัวมาบอกเล่าด้วยภาษาเขียน ก็เป็นจุดเริ่มต้นของการเป็นนักเขียน เพราะใคร ๆ ก็อยากรู้และอ่านเรื่องจากประสบการณ์จริง หนังสือหรือแผ่นกระดาษคือสื่อกลางให้เพื่อนคนหนึ่ง (นักเขียน) บอกเล่าให้เพื่อน ๆ (ผู้อ่าน) อีกหลายคนฟังเรื่องราวของเขา

 

ที่มา :

th.wikipedia.org/wiki

www.khaosod.co.th

www.thairath.co.th


บทความน่าสนใจ

 กิมย้ง  จากนักข่าวสู่การเป็นนักเขียนนิยายจีนกำลังภายในชื่อดังก้องโลก

โรอัลด์ ดาห์ล นักเขียนที่รัก

บททดสอบ จากเทวดา ชีวิตของ แพรว นักเขียนนิยายด้วยปลายนิ้ว

นักเขียนผู้ใช้ “ใจ” มองโลก พลอย สโรชา กิตติสิริพันธุ์
ไว้อาลัย ดิน – กษิดินทร์ แสงวงศ์ เจ้าของบทละครบัลลังก์เมฆ บาปรัก เมืองมายา

 

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.