อาชีพสีเทา

อาชีพสีเทา กับเงาของเวรกรรมที่ติดตาม

อาชีพสีเทา กับเงาของเวรกรรมที่ติดตาม

ผมเป็นคนหนึ่งที่เป็นชาวพุทธแค่ตามทะเบียนบ้านเท่านั้น ไม่เคยเข้าถึงธรรมะจริงๆ สักครั้ง จนวันที่เวรกรรมไล่ล่าเพราะ อาชีพสีเทา จึงได้รู้จักธรรมะอย่างแท้จริง
1
ผมมีน้องชาย 1 คน คุณพ่อคุณแม่ทําอาชีพค้าขาย ช่วงเรียนมัธยมปลายครอบครัวประสบปัญหาทางการเงิน คุณพ่อคุณแม่ไม่สามารถส่งเสียทั้งผมและน้องให้เรียนมหาวิทยาลัยพร้อมกันได้พอจบม.6 ผมจึงเสียสละไม่เรียนมหาวิทยาลัย ให้น้องเรียนแทน ส่วนผมหางานทําเพื่อนํารายได้มาจุนเจือครอบครัว และเก็บเงินเพื่อส่งตัวเองเรียนปริญญาตรีในอนาคต
2
งานแรกของผมคือการแจกใบปลิว และทํางานแจกแบบสอบถามงานวิจัยจากเด็กคนหนึ่งที่มีหน้าที่แค่เรียนหนังสืออย่างเดียว ต้องมาทํางานตากแดดตากลมตลอดวัน ในขณะที่เพื่อนรุ่นเดียวกันเข้าเรียนมหาวิทยาลัยกันถ้วนหน้า ผมรู้สึกว่าชีวิตผมลําบากกว่าคนอื่น ผมเหนื่อย และความเหนื่อยทําให้ผมต้องสู้ เพราะผมอยากมีชีวิตที่สุขสบายกว่านี้ ดังนั้นถ้ามีโอกาสได้ทํางาน ผมจะไม่ทิ้งโอกาสนั้นเด็ดขาด
3
วันหนึ่งผมไปแจกแบบสอบถามที่บ้านนายพลท่านหนึ่ง เจอลูกสาวนายพล เธอให้ผมเข้ามาในบ้าน เลี้ยงน้ํา เลี้ยงขนมอย่างดี เธอถามผมว่าทําไมต้องมาเดินตากแดดแบบนี้ อยากเปลี่ยนงานไหมเดี๋ยวจะฝากงานให้กับบริษัทแห่งหนึ่งที่เธอทําอยู่ ผมตอบตกลงทันที เพราะถือว่าเป็นโอกาสที่ดีที่อาจทําให้ชีวิตผมก้าวไปข้างหน้า
4
ผมเริ่มงานในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งที่ลูกสาวนายพลฝากให้ ช่วงแรกมีหน้าที่ยกลังกระดาษใส่รถเข็นไปยังเครื่องพิมพ์ โชคดีที่ผมเป็นคนสนใจทุกอย่างที่เป็นความรู้ โดยเฉพาะเรื่องคอมพิวเตอร์ ผมชอบอ่านหนังสือเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ อ่านจนหมดห้องสมุดของบริษัท พออ่านหมดก็อยากอ่านหนังสือใหม่ ๆ เพิ่มเติม แต่ไม่มีเงินซื้อ จึงใช้วิธีเข้าไปอ่านในร้านหนังสือตามห้างสรรพสินค้า แต่อ่านได้ไม่จบเล่ม เพราะกลัวพนักงานจะว่าจึงใช้วิธีจําว่าอ่านถึงหน้าไหนแล้ว ย้ายไปอ่านที่ร้านอื่นไปเรื่อย ๆ จนจบ หรือหากเจอใครที่ผมขอความรู้ได้ ผมก็จะถามทันที ทําให้ต่อมาผมสามารถซ่อมคอมพิวเตอร์ได้ ผมจึงรับจ้างซ่อมคอมพิวเตอร์นอกเวลางานเพื่อหารายได้อีกทางหนึ่ง
5
ทํางานที่บริษัทนี้จนได้เลื่อนตําแหน่งจากเด็กยกลังมาอยู่แผนกไอที ทําหน้าที่ดึงข้อมูลต่าง ๆ ตามที่ได้รับมอบหมายแล้ว ความไม่แน่นอนของชีวิตก็มาเยือน เมื่อวันหนึ่งบริษัทประกาศยุบแผนกของผมมีคนต้องออกจากงาน 11 คน ผมเป็นหนึ่งในนั้น บริษัทให้เงินมาก้อนหนึ่ง ผมจึงนําไปทําธุรกิจร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ สมัยนั้นคิดค่าบริการชั่วโมงละ 150 บาท ผมเปิดร้านย่านสีลม มีชาวต่างชาติมาใช้บริการค่อนข้างมากจึงเป็นโอกาสดีที่ทําให้ผมได้รู้จักชาวต่างชาติหลาย ๆ คน
6

หลังจากทําอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ไม่นาน ก็เริ่มมีคู่แข่งมาเปิดร้านให้เช่าอินเทอร์เน็ตราคาถูกกว่า แถมคอมพิวเตอร์ก็ใหม่กว่า ผมเริ่มคิดไปทําธุรกิจอย่างอื่น แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะทําอะไร คืนหนึ่งผมกลับมาคอนโด เห็นสายไฟที่เสียบไว้ในห้องหลุดออกมากองอยู่บนพื้น และพื้นที่ผมยืนอยู่มีน้ําเจิ่งนอง ผมไม่ทันคิดจึงคว้าสายไฟที่อยู่ตรงพื้นเสียบปลั๊กทันที ผมโดนไฟช็อร์ตตอนนั้นคิดว่าจะไม่รอดแล้ว โชคดีที่มีคนมาเจอและพาผมไปส่งโรงพยาบาลทัน

7

พอฟื้นขึ้นมา ผมรู้สึกว่าความตายอยู่ใกล้เราแค่ปลายจมูก ตอนนั้นผมคิดทัน
29
” คนเราทําไมตายง่ายจัง เราจะประมาทไม่ได้ ต้องทําอะไรก็ได้ให้รวยเร็วที่สุด ถ้าเรารวย เราก็จะมีความสุข ต้องรีบทําก่อนจะตายจริงๆ”
8
อยากรวยให้เร็วขึ้นจึงไม่สนใจว่า อาชีพที่ทําเป็นอาชีพที่สุจริตหรือไม่ ขอให้ได้เงินมาก็พอ ใครจะเดือดร้อนผมไม่สนใจ
9
ผมเริ่มทําธุรกิจเปิดผับ บาร์ โดยร่วมหุ้นกับชาวต่างชาติที่เคยเป็นลูกค้าร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ จากนั้นก็ทําอีกอาชีพนั่นคือ รับซื้อของโจร ซึ่งเรียกกันว่าวงการของร้อน ใครอยากได้เงินเร็วจะไปขโมยของของคนอื่นมา แล้วเอามาขายในราคาถูก เช่น ขโมยของราคาหลายหมื่นมาขายหกพัน ส่วนผมจะนําของนั้นไปขายในราคาเต็ม ซึ่งได้กําไรมหาศาล และขายดีเป็นเทน้ําเทท่า
10
ขณะที่ธุรกิจรับซื้อขายของโจรมีแต่กําไรเข้ามา ธุรกิจผับ บาร์ของผมก็ต้องปิดตัวลง เพราะพิษเศรษฐกิจ ผมทําธุรกิจสีเทานี้ไปอีกสักพักจนคิดว่ากอบโกยมาได้พอสมควรแล้ว จึงเลิกทํา และนําเงินมาเปิดบริษัทดิจิทัล เอเจนซี่ มีพนักงาน 20 คน ทําไปสักพักก็เริ่มมีปัญหาเรื่องเงิน งานที่ลูกค้าสั่งพอทําเสร็จก็โดนยกเลิกอย่างไม่มีเหตุผล มีงานเข้ามาเยอะมาก แต่ลูกค้าไม่จ่ายเงิน เงินไม่เข้าบริษัทเลย สุดท้ายพนักงานลาออก เราก็ต้องปิดบริษัท ตอนนั้นผมคิดทันทีว่าผลกรรมที่เคยรับซื้อของโจรกําลังเล่นงานผม ของที่เรารับซื้อเป็นของที่โดนขโมยเจ้าของเดือดร้อนทุกข์ใจอยู่นานเท่าไร เขาเดือดร้อนคนเดียวหรือเปล่า ลูกเมียเขาจะเดือดร้อนเพียงใด เราทําธุรกิจบนความทุกข์คนอื่น สุดท้ายแล้วสิ่งที่เราทําไว้ก็สะท้อนกลับมาหาเราในที่สุด
11
ช่วงที่ธุรกิจล้มไปไม่นาน มีเพื่อนคนหนึ่งมาพูดเรื่องธรรมะให้ผมฟัง เขาเล่าเรื่องกฎแห่งกรรมของหลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม ที่ท่านประสบอุบัติเหตุคอหัก แต่สามารถหายกลับมาใช้ชีวิตต่อได้ ตอนนั้นผมบอกเพื่อน
12
“ พระรูปนี้ต้องหลอกลวงแน่ ๆ คอหักแล้วจะมาติดใหม่ได้อย่างไร เอ็งโดนหลอกแล้ว งมงายมาก “
13
นอกจากจะคะนองปากว่าเพื่อนและพาดพิงถึงพระอย่างไม่เกรงบาปบุญคุณโทษแล้ว อีกหนึ่งการกระทําที่ไม่เกรงกลัวเวรกรรมเลยก็คือ ความเจ้าชู้ ผมทําผู้หญิงเสียใจหลายคน และทําให้พ่อแม่ของผู้หญิงพลอยทุกข์ใจไปด้วย
14
วันหนึ่งผมรักผู้หญิงคนหนึ่งเข้าจริง ๆ เธอคือภรรยาคนปัจจุบัน ผมเลิกเจ้าชู้และมีเพียงผู้หญิงคนนี้เป็นภรรยาเพียงคนเดียวเท่านั้น เราอยู่ด้วยกันตลอดไม่เคยจะห่างกัน แต่แล้วเธอก็ต้องไปทํางานต่างจังหวัดเป็นปี ผมต้องอยู่คนเดียว ผมไม่เคยนอนคนเดียวมาก่อน ผมเหงาจับใจ บางวันไม่มีใครเลย ไม่มีเพื่อนฝูง ไม่มีใครทั้งนั้น ผมไม่เคยเจอสภาวะแบบนี้มาก่อน แต่ก็ไม่รู้จะทําอย่างไรให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น ผมคิดว่านี่คงเป็นผลกรรมจากที่เคยเจ้าชู้ในอีกรูปแบบหนึ่ง ตามความเข้าใจของผม กรรมอาจไม่ให้ผล เหมือนกับในสิ่งที่เราทํา เมื่อผมเคยทํากรรมเรื่องความรัก ในที่สุดผมก็จะต้องเป็นทุกข์ เพราะความรัก แม้เป็นคนละรูปแบบกับที่ผมเคยทําก็ตาม
15
ช่วงที่ผมกําลังฟุ้งซ่านมีเพื่อนคนหนึ่งชอบวาดการ์ตูน เขาเห็นผมชอบไอทีชอบวิทยาศาสตร์ จึงชวนมาเขียนนิยายธรรมะที่ใช้วิทยาศาสตร์อธิบายโดยเพื่อนเป็นผู้วาดภาพประกอบ ผมตอบตกลงเพราะอยากหาอะไรทําเพื่อลดความฟุ้งซ่านที่ต้องอยู่คนเดียว

ผมชอบทํางานตอนกลางคืนพอทํางานเยอะ ๆ ก็จะหลับไปเอง ไม่ต้องนอนคิดฟุ้งซ่านถึงความวังเวงที่ตัวเองเผชิญอยู่คืนหนึ่งผมต้องเขียนนิยายอธิบายถึงสภาวะนิพพาน ผมไม่รู้ว่าคืออะไรเลยหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตเจอประโยคที่ทําให้ผมสงสัยอย่างหนักว่า “นิพพาน คือการตายก่อนตาย”

17
ผมพยายามนั่งคิดถึงความหมายของประโยคนั้น และไม่เข้าใจว่าตายก่อนตายคืออะไร ระหว่างนั้นผมเดินไปเข้าห้องน้ําแล้วก็เปิดไฟ แต่จู่ ๆ ไฟก็ดับลงมาเอง ช่วงเวลา ที่ไฟติดแล้วก็ดับทําให้ผมเห็นสัจธรรมเรื่องของการเกิดดับ และผมเข้าใจว่าชีวิตคนเรามีเกิดแล้วก็ต้องดับ แต่ก่อนจะดับ ให้เราตายเสียก่อนที่จะตายจริง ๆ ให้เราทําจิตให้เหมือนคนที่ตายแล้ว ไม่ยึดติดกับอะไรทั้งสิ้น ไม่ต้องไขว่คว้าอะไร เพราะคนตายแล้วไม่ต้องการอะไรทั้งนั้นลาภ ยศ สรรเสริญ เงินทอง กามราคะต่าง ๆ คนตายไม่สนใจแล้ว
18
ผมกลับไปที่คอมพิวเตอร์อีกครั้ง หาข้อมูลเกี่ยวกับธรรมะ คราวนี้อยากศึกษาอย่างจริงจัง ผมเข้าใจว่าการจะหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดได้ต้องทําวิปัสสนา ผมจึงค้นในอินเทอร์เน็ตและเห็นว่ามีสอนหลายสํานัก แต่ผมมาหยุดที่เว็บไซต์ของวัดอัมพวัน ของหลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม ผมอยากไปฝึกกับวัดแห่งนี้ โดยลืมไปว่าตัวเองเคยลบหลู่ท่านเอาไว้
19
เมื่อผมไปฝึกปฏิบัติที่วัดอัมพวัน ไม่ว่าพยายามฝึกอย่างไรก็ปฏิบัติผิดตลอด ทําอย่างไรก็ไม่เข้าใจสิ่งที่ท่านสอน ผมเชื่อว่าคงเป็นผลกรรมจากที่ผมเคยลบหลู่ท่านนั่นเอง
20
หลังจากนั้นผมเจอกับพระอาจารย์อีกท่าน และได้เรียนวิธีปฏิบัติวิปัสสนากับท่าน ยิ่งปฏิบัติมากขึ้นก็ยิ่งได้เห็นสัจธรรมชีวิตมากขึ้น จึงตั้งใจว่า ผมจะไม่มีวันกลับไปในเส้นทางสีเทาแบบที่ผ่านมาอีก
21
ผมกลับไปที่วัดอัมพวันอีกครั้งเพราะอยากไถ่บาปที่เคยลบหลู่หลวงพ่อจรัญเอาไว้ แม้รู้ว่าบาปลบล้างกันไม่ได้ แต่ก็อยากทําอะไรดี ๆ บ้าง เนื่องจากผมเคยผ่านชีวิตด้านสีเทามาเยอะ ผมเห็นชีวิตมาแล้วทั้งด้านไม่ดีและด้านดี ผมจึงอาสาช่วยตอบปัญหาชีวิตที่มีคนส่งมาปรึกษาในเว็บไซต์ของวัด
22
นอกจากปัญหาชีวิตทางโลกแล้ว ผมเห็นว่าหลายคนที่อยู่กรุงเทพฯอยากมาปฏิบัติธรรม แต่ไม่สะดวกเดินทางมาที่วัดอัมพวัน จังหวัดสิงห์บุรี จึงนําเงินที่เหลืออยู่ในชีวิต จัดตั้งสถานปฏิบัติธรรมในกรุงเทพฯเพื่อเป็นสะพานบุญพาคนเข้าสู่เส้นทางสายธรรม ผมคิดว่า ถ้ามีคนสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตจากการปฏิบัติธรรมได้ เขาจะสร้างคุณประโยชน์กับบ้านเมืองได้เยอะมาก แค่นี้สําหรับผมก็คุ้มค่ามากแล้ว
23
มาถึงวันนี้ผมได้เรียนรู้จากบทเรียนของชีวิตแล้วว่า เวรกรรมมีจริง และธรรมะคือสิ่งเดียวที่จะนําพาให้ผมหลุดพ้นจากเวรกรรมทั้งหลายทั้งปวง
24

ความคิดเห็นจากพระอาจารย์ชานนท์ ชยนนฺโท เจ้าอาวาสวัดป่าเจริญธรรม จังหวัดชลบุรี

หนทางที่จะเห็นพระนิพพานนั้น ต้องทําความเห็นให้แจ้งในพระนิพพาน จึงจะเข้ากระแสพระนิพพานได้ ต้องเห็นว่ากายกับใจที่เราอาศัยอยู่ไม่ใช่ตัว ไม่ใช่ตน และหายสงสัยในกายใจ ปล่อยวางกายใจคืนสู่ความเป็นธรรมชาติ จิตนี้จะได้รับอิสระและอยู่เหนือกายใจ รอวันที่กายใจดับสลายจากโลกสมมุติ จิตดวงนี้จะเข้าสู่วิมุตติที่เราเรียกกันว่าพระนิพพาน เพราะสิ่งที่มนุษย์และสัตว์หลงกันมากที่สุดก็คือกายใจ มีความเข้าใจว่ากายใจเป็นตัวตนของเขาเหล่านั้น
 25

เราต้องมาศึกษาและเรียนรู้ว่ากายใจนี้รวมตัวมาจากธาตุดิน น้ํา ไฟ ลม พิจารณาแยกเป็นส่วน ๆ ว่ากายมีแค่ธาตุ 4 โดยแยกเป็น 2 กลุ่มหลักที่เห็นและจับต้องได้คือ กลุ่มของธาตุดิน 20 ชนิด และกลุ่มของธาตุน้ํา 12 ชนิด รวมเป็น 32 ชนิดเรียกว่าอาการ 32 พิจารณากลุ่มของธาตุดิน เห็นรูปร่างลักษณะ สี และกลิ่น โดยยกเส้นผมขึ้นมาพิจารณา เห็นลักษณะเป็นเส้น ๆ พิจารณาสีและกลิ่น จากนั้นก็พิจารณาผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เนื้อ เอ็น กระดูก เยื่อในกระดูก ม้าม หัวใจ ตับ พังผืด ไต ปอด ไส้ใหญ่ ไส้น้อยอาหารใหม่ อาหารเก่า มันสมอง ส่วนกลุ่มของธาตุน้ําก็พิจารณาลักษณะ สี และกลิ่น เช่นกัน เริ่มจากน้ําดี น้ําเสลด น้ําเหลือง น้ําเลือด น้ําเหงื่อ ไขมันข้น น้ําตา น้ํามันเหลว น้ําลาย น้ํามูก น้ําไขข้อ น้ําปัสสาวะ เราจะได้ไม่หลงเขาเห็นเขาเป็นเพียงสภาวะธาตุที่รวมตัวมาจากพืชผักผลไม้และเนื้อสัตว์ ซึ่งล้วนกําเนิดและโตมาจากดิน ส่วนใจที่ประกอบด้วยความรู้สึกความจํา ความคิด ความรู้ ก็มีได้เพราะอาศัยกาย พอกายเสื่อม สิ่งต่าง ๆ รวมถึงผู้รู้ผู้เข้าใจก็เสื่อมและดับไปแล้วเราอยู่ตรงไหน นี่หรือคือสิ่งที่เราหลงกัน เรามาจากสิ่งไม่มีมาอาศัยสิ่งที่มีอยู่ชั่วคราวแล้วก็กลับไปสู่ความไม่มี

26
ที่มา : นิตยสาร Secret  ฉบับที่ 200
ผู้เขียน/แต่ง : อุรัชษฎา ขุนขำ
เรื่อง : ศักดิ์ชัย
ภาพ : วรวุฒิ วิชาธร
สไตลิสต์ : ณัฏฐิตา เกษตระชนม์
แบบ : แวว

บทความน่าสนใจ

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.