ประธานพร พรประภา

ประธานพร พรประภา เมื่อพลังแห่งความท้าทาย กลายเป็นความสำเร็จ

ประธานพร พรประภา เมื่อพลังแห่งความท้าทาย กลายเป็นความสำเร็จ

เมื่อพลังแห่งความท้าทายกลายเป็นความสำเร็จ ประธานพร  พรประภา กรรมการผู้จัดการ สยาม แอ็ท สยาม  ดีไซน์  โฮเต็ล  แอนด์  รีสอร์ท

เมื่อเจออุปสรรคหรือสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อนอาจก่อความกลัวในใจให้ใครหลายคน แต่คุณเอ็ม - ประธานพร  พรประภา  กลับมองว่ามันคือความท้าทายที่ทำให้ชีวิตแข็งแกร่งขึ้น

“ตอนเด็ก ๆ เอ็มชอบงานศิลปะ  ชอบวาดรูป  เคยคิดอยากเรียนด้านการออกแบบ  แต่เนื่องจากต้องมาสานต่อธุรกิจ
ของที่บ้าน  ทำให้ต้องเรียนการโรงแรม  ซึ่งได้เจอความท้าทายแรกในชีวิต นั่นคือช่วงฝึกงาน

“ไปฝึกงานครั้งแรกที่เมืองทางใต้ของประเทศฝรั่งเศสเป็นเมืองที่มีคนแค่สองพันคน  แถมพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้  สิ่งที่ท้าทายมากคือการสื่อสาร  เราต้องเรียนรู้ทักษะว่าจะสื่อสารอย่างไรให้เข้าใจกันได้  แม้เรากับเขาพูดกันคนละภาษา  แต่เอ็มไม่ได้มองว่าเป็นปัญหาใหญ่  เพราะขนาดคนพูดภาษาเดียวกัน  บางครั้งยังไม่เข้าใจกันได้  สิ่งที่ได้เรียนรู้คือการสื่อสารด้วยสายตาและภาษากาย  และที่สำคัญ ต้องมีความจริงใจในการส่งสาร”

คุณเอ็มชอบศิลปะ แต่ต้องรับผิดชอบงานด้านบริหารซึ่งเธอนำมาผสมผสานกันได้เป็นอย่างดี    “งานศิลป์คือไอเดีย  ซึ่งมาจากไอเดียของคน  เอ็มจึงให้ความสำคัญเรื่องความคิดของคน  ความคิดที่นอกกรอบ

ถ้าถามว่าเกี่ยวกับการบริหารอย่างไร  คือแทนที่การทำงานจะเกิดจากการสั่งงานของเอ็มคนเดียว  เราจะเปิดพื้นที่ให้ทุกคนได้โชว์ไอเดียออกมา  แล้วหลอมรวมไอเดียของพวกเขาเข้าด้วยกัน อาจต้องปรับปรุงบางอย่างเพื่อให้สามารถนำมาใช้งานได้จริง”

โรงแรมสยาม แอ็ท สยามเน้นความเป็นดีไซน์โฮเต็ลซึ่งเธออธิบายว่า

“เอ็มอยากหาคนที่เข้ามาสัมผัสได้ว่าเราทุ่มเทและใช้เวลาในการดีไซน์ค่อนข้างมาก  คำว่าดีไซน์ไม่ได้หมายถึงแค่การออกแบบรูปโฉมอาคาร  และไม่ใช่แค่การจัดวางสิ่งของ  ดีไซน์ ต้องอยู่ในทุก ๆ อย่าง  ในขณะเดียวกันต้องได้ยินเสียง ในสิ่งที่เป็นดีไซน์  และต้องได้รับโปรดักต์ที่เป็นดีไซน์  คือรวมกันแล้วช่วยสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้แขกที่มาพัก”

โครงการแรกที่คุณเอ็มทำเต็มตัวคือ สยาม แอ็ทสยาม พัทยา ในคอนเซ็ปต์อินดัสเทรียลป็อป  ซึ่งได้
สอดแทรกกลิ่นอายธุรกิจดั้งเดิมของครอบครัว

“เรามาจากสยามมอเตอร์ซึ่งเป็นธุรกิจรถยนต์อันเป็นจุดเริ่มต้นของครอบครัวพรประภา  เพราะฉะนั้นทุกสยาม แอ็ท
สยามที่เกิดขึ้นต้องมีคำว่าอินดัสเทรียลมาเกี่ยวข้อง  เพราะเป็นรากเหง้าของเรา  อย่างสยาม แอ็ท สยามที่กรุงเทพฯ
เรามองว่ากรุงเทพฯเป็นศูนย์รวมธุรกิจของประเทศ  มีเรื่องราวประวัติศาสตร์เยอะ  เพราะฉะนั้นคาแร็คเตอร์ของโรงแรม
ที่กรุงเทพฯก็จะเป็นอินดัสเทรียลผสมกับสีที่แสดงถึงความเป็นไทย  ส่วนพัทยาเรามองว่าเป็นเมืองที่มีความสนุกสนานในแบบของเขา  ฉะนั้นก็เอาความเป็นอินดัสเทรียลผสมผสานกับสีสันสดใสของโลกใต้ท้องทะเล  สร้างสรรค์ที่เป็นดีไซน์แบบสนุกสนานในสไตล์ของสยาม แอ็ท สยาม”

คลิกเลข 2 ด้านล่าง เพื่ออ่านหน้าถัดไป

ประธานพร พรประภา

 

ทว่าเมื่อเข้ามาทำงานเต็มตัว  ทุกอย่างไม่ได้ราบรื่นเสมอไป

“ตอนสร้างสยาม แอ็ท สยาม พัทยา  พบปัญหาคือเราอยากยกโมเดลของกรุงเทพฯไปตั้งที่พัทยา  แต่ทำเลและโครงสร้างของกรุงเทพฯและพัทยาใช้โมเดลเดียวกันไม่ได้ เพราะว่าหลาย ๆ อย่างไม่เหมือนกัน  หลัก ๆ เลยคือสภาพทางภูมิศาสตร์และเอกลักษณ์ของเมือง  ต้องปรับใหม่  นอกจากนั้นที่สยามแอ็ทสยาม พัทยา  เน้นให้บริการห้องพักเพื่อรับรองนักท่องเที่ยวจำนวนมาก  เพราะลูกค้าต้องการมาผ่อนคลายความเครียดจริง ๆ  ร้านอาหารเป็นส่วนเสริมเท่านั้น  ส่วนสยาม แอ็ท สยาม กรุงเทพฯมีร้านอาหารมากกว่ากันครึ่งต่อครึ่ง เพราะตอบสนองไลฟ์สไตล์ของเมืองธุรกิจได้มากกว่า”

แม้การปรับรูปแบบภายในโรงแรมจะเป็นปัญหา  แต่ก็ยังนับเป็นปัญหาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น  เมื่อเทียบกับวิกฤตน้ำท่วมกรุงเทพฯปี พ.ศ. 2554

“เหตุการณ์น้ำท่วมปี พ.ศ. 2554 ส่งผลกระทบกับธุรกิจของเรามากพอสมควร  ถามว่าเครียดไหม  มันก็เครียด  แต่ถ้ามองอีกมุมหนึ่งก็เป็นความท้าทาย  ถ้าผ่านเหตุการณ์นี้ไปได้เท่ากับเราโตขึ้นไปอีกก้าว

“ตอนนั้นสิ่งที่กระทบกับธุรกิจสิ่งแรกเลยก็คือ  คนไม่สามารถมากรุงเทพฯได้  ซึ่งทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว  แต่เรารู้ว่าธุรกิจจะพลิกกลับขึ้นมาดีได้ในช่วงไหน  เราจึงให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือพนักงานมากกว่าว่าพนักงานของเราเป็นอย่างไรบ้าง  บ้านของพนักงานโอเคไหม  ทุกคนไปกลับอย่างไรใครเดินทางไม่สะดวก  มาทำงานไม่ได้ก็ให้พักผ่อนไป  บางคนที่กลับบ้านไม่ได้เพราะที่บ้านน้ำท่วมถึงคอก็จัดที่ให้เขาอยู่เราทุ่มเทไปเยอะกับการดูแลพนักงาน”

เธอมองว่าพนักงานคือหัวใจขององค์กร  องค์กรจะขับเคลื่อนไปในทิศทางที่ดีได้  ความร่วมมือร่วมใจของพนักงานเป็นสิ่งสำคัญที่สุด  ดังนั้นการคัดสรรคนที่มาทำงานจึงต้องพิถีพิถันเป็นพิเศษ

“เอ็มคัดเลือกพนักงานจากการมีใจรักในงานบริการเป็นหลัก  และต้องพร้อมจะแชร์ไอเดียไปกับเรา  วัฒนธรรมองค์กรของสยามแอ็ทสยามเน้นการทำงานที่สนุกและมีความสุข พอพนักงานทำงานอย่างมีความสุขแล้วก็จะเกิดไอเดียต่าง ๆมากมาย  ดังนั้นจึงเน้นสร้างบรรยากาศในการทำงานที่ดีให้กับพนักงาน  มีการสอนงานอย่างเป็นระบบ  และประเมินผลด้วยว่าเขาจะสามารถเข้ากับองค์กรเราได้หรือไม่”

การได้เห็นพนักงานเติบโตขึ้น  เป็นความสุขอย่างหนึ่งในชีวิตการทำงาน

“ความสุขในการทำงานของเอ็มมาจากหลาย ๆ ด้านหลัก ๆ เป็นเรื่องที่เราเฝ้าดูการเติบโตของพนักงาน  เอ็มเป็นคนที่สนุกกับการทำงาน  ทั้งงานด้านดีไซน์ของโรงแรม  ด้านครีเอทีฟ  เอ็มสนุกกับมันมาก  ตรงนี้ถือว่าเป็นกำไรที่ได้จากการทำงาน  ความสุขหาได้ทุกที่ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นแค่สิ่งเล็ก ๆน้อย ๆ ก็ตาม  แต่สามารถสร้างพลังให้เราได้  ที่สำคัญคือต้องเลือกมองโลกในมุมบวก  เวลาเจอปัญหาก็ให้มองว่ากำลังเจอกับความท้าทาย  ถ้าคิดแบบนี้ไม่ว่าเจอปัญหาอะไร  จะพบว่ามันไม่ได้ยากเกินไป  เพียงแค่นี้ชีวิตการทำงานก็มีความสุขแล้ว”

งานบริหารเป็นงานที่หนักและต้องรับผิดชอบสูง  คุณเอ็มเผยวิธีผ่อนคลายตัวเองจากความเครียดไว้ว่า

“ความนิ่งของจิตเป็นสิ่งสำคัญมาก  พอถึงจุดที่แย่มาก ๆ  เอ็มจะต้องมีเวลาเป็นของตัวเองบ้าง เมื่อไหร่ที่ต้องการเคลียร์หัว  เอ็มจะไปโยคะ  เพราะโยคะช่วยให้จิตเรานิ่ง  เวลาหนึ่งชั่วโมงครึ่งมีโอกาสได้โฟกัสกับตัวเองจริง ๆเป็นเวลาที่เราสลัดทุกอย่างออกจากหัว  พอทำแล้วหัวก็จะเคลียร์ขึ้น ทำให้คิดออกมากขึ้น”

การทำงานให้ประสบความสำเร็จ  ธรรมะเป็นส่วนหนึ่งที่ขาดไม่ได้

“เรื่องของธรรมะอยู่ในชีวิตประจำวันของเราอยู่แล้ว  เราต้องมีทั้งความเมตตา  ความกรุณา  ถ้าหากทำงานแล้วพบความผิดพลาด  เอ็มถือว่าเป็นความรับผิดชอบร่วมกัน  ไม่ได้ผิดที่ใครคนเดียว  เอ็มผิดด้วย  เพราะทุก ๆ อย่างที่ออกไปจะออกไปในนามขององค์กร  เอ็มไม่ค่อยโฟกัสในเรื่องที่เกิดขึ้นไปแล้ว  อย่างเช่น  ถ้ามีอะไรที่พลาดขึ้นมาจริง ๆ จะมองว่าต้องแก้ไขอย่างไร  ต้องมองไปข้างหน้า  คิดเสียว่าความผิดพลาดที่เกิดขึ้นทำให้เราแข็งแกร่ง  เพราะฉะนั้นจะไม่ไปไล่ว่าทำไมถึงเป็นอย่างนี้  แต่จะมาแยกทีละจุดว่าเราพลาดกันตรงไหน  ถ้าพลาดอย่างนี้จะแก้ไขอย่างไร  อนาคตจะทำอย่างไรต่อ  ต้องทำความเข้าใจกับปัญหา  เอ็มไม่ใช่สไตล์ที่จะเข้าไปทำให้คนรู้สึกแย่  เมื่อเป็นแบบนี้ทุกคนก็จะมีจิตสำนึกของความรับผิดชอบร่วมกัน  แล้วจะเอาใจใส่กับสิ่งที่ตัวเองทำมากขึ้นด้วย”

เธอมองว่าความสำเร็จไม่ได้ขึ้นอยู่กับอายุ  แต่ขึ้นอยู่กับความมุ่งมั่นและการลงมือทำ

“เอ็มคิดว่าอายุเป็นแค่ตัวเลข  แต่ถ้าอายุน้อยยิ่งต้องศึกษามากกว่าคนอื่นให้มาก ๆ  ถ้ามุ่งมั่นที่จะทำอะไรสักอย่าง ผลลัพธ์ที่ดีก็จะตามมา  แล้วต้องคิดเยอะ ๆ ว่าความท้าทายที่จะต้องเจอระหว่างทำงานมีอะไรบ้าง  จะช่วยให้เรารับมือกับปัญหาที่เข้ามาได้ง่ายขึ้น  ถ้างานที่ทำมันเยอะเกินไป  ควรปลีกตัวออกจากงาน  ให้เวลากับตัวเองบ้าง  ไม่ว่าจะออกมานั่งสมาธิหรือทำกิจกรรมอื่น ๆ  การได้เคลียร์หัวบ้างจะช่วยให้เกิดความคิดใหม่ ๆ ได้มากขึ้น  และที่สำคัญที่สุด ต้องไม่ลืมที่จะให้ความสำคัญกับพนักงาน  เพราะพวกเขาเป็นหัวใจสำคัญขององค์กรอย่างแท้จริง”

มองปัญหาเป็นความท้าทาย  แล้วคุณจะพบว่าความสำเร็จในชีวิตพิชิตง่ายนิดเดียว


เรื่อง อุรัชษฎา  ขุนขำ  

ภาพ วรวุฒิ  วิชาธร  


บทความที่น่าสนใจ

ออกแบบความคิดพิชิตฝันแรงบันดาลใจผ่านตัวอักษรของ เอกพนิฏฐ์ นาคนคร

ชายผู้ไม่เคยหมดแรงบันดาลใจ โอม ชาตรี คงสุวรรณ

รัชเขต วีสเพ็ญ-จากนักเลงหัวไม้สู่ นักพูดสร้างแรงบันดาลใจ

เพราะมีลูกเป็นแรงบันดาลใจผมจึงไม่ท้อ โก้ นฤเบศร์

Posted in MIND
BACK
TO TOP
cheewajitmedia
Writer

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.