ปนัดดา วงศ์ผู้ดี

It’s Real Me ผู้หญิงนอกกรอบ ปนัดดา วงศ์ผู้ดี

It’s Real Me  ผู้หญิงนอกกรอบ ปนัดดา วงศ์ผู้ดี

ชีวิตไม่จำเป็นต้องมีแบบแผนตายตัว  หลายคนชอบคิดว่า ผู้หญิงสวยมักไม่ฉลาด แต่สำหรับเธอคนนี้แล้ว เธอเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยมว่า ผู้หญิงสวยก็ฉลาดได้ ทำงานวิชาการได้ เปรี้ยวได้ เซ็กซี่ได้ ที่สำคัญคือ ต้อง “รู้จักบทบาทหน้าที่และรู้กาลเทศะ”

ปนัดดา วงศ์ผู้ดี หรือ บุ๋ม เจ้าของตำแหน่ง“นางสาวไทย ปี 2543” ผู้ได้ทำหน้าที่ทูตวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวคนแรกของไทย ก่อนจะผันตนเองเข้าสู่วงการบันเทิง และโดดเด่นในบทบาทของนางร้าย

บุ๋มสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี จากคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (เอแบค) ปริญญาโท ด้านจัดการคุณภาพ จากมหาวิทยาลัยวุลลองกอง ประเทศออสเตรเลีย และกำลังศึกษาในระดับปริญญาเอก ด้านบริหารธุรกิจ ที่มหาวิทยาลัยรังสิต

ด้วยความเพียบพร้อมทั้งรูปสมบัติ คุณสมบัติ บุ๋มจึงมีโอกาสได้ทำงานหลากหลาย ทั้งสายบันเทิง เช่นงานแสดง สายสื่อสารมวลชน เช่น ผู้ประกาศ พิธีกร คอลัมนิสต์ นอกจากนี้ก็ยังมีงานสอนหนังสือที่เธอรักยิ่ง ปัจจุบันเธอรับหน้าที่เป็นอาจารย์ประจำคณะบริหารธุรกิจ(MBA) มหาวิทยาลัยรังสิต และก้าวเข้าสู่โลกธุรกิจ ด้วยการดูแลผลิตภัณฑ์ของเธอเองภายใต้แบรนด์ บีเอสซี ปนัดดา

บินเดี่ยวในโลกกว้าง                                        

ถึงบุ๋มจะเป็นลูกสาวคนเดียว แต่คุณพ่อกับคุณแม่ (คุณประหยัด – คุณประนอม วงศ์ผู้ดี) ก็ไม่เคยตามใจอะไรมากมาย ท่านจะสอนให้บุ๋มดูแลตัวเองตั้งแต่เล็กๆ เที่ยวคนเดียวได้ เดินทางคนเดียวเป็น

บุ๋มไปอเมริกาครั้งแรกตอนอายุสิบเจ็ด ไปคนเดียวทั้งๆ ที่พูดได้แค่ “แฮมเบอร์เกอร์” แต่บุ๋มก็สู้ทุกวิถีทาง แม้อายุจะน้อยเกินไปที่จะเข้ามหาวิทยาลัย  แต่เมื่อไปถึงที่นั่นแล้วก็ต้องได้อะไรกลับมาบ้าง บุ๋มจึงเรียนภาษาอยู่หนึ่งปี

หลังจากจบปริญญาตรีที่เอแบค บุ๋มตัดสินใจไปเรียนต่อปริญญาโทที่ออสเตรเลีย ซึ่งชีวิตสองปีที่นั่นสอนให้บุ๋มรู้จักคุณค่าของเงินและวิธีหาเงิน เพราะบุ๋มทำงานพิเศษทุกอย่างไม่เกี่ยง ไม่ว่าจะงานหนัก งานเบา จนบุ๋มมีเงินใช้เองโดยไม่ต้องขอจากทางบ้าน แถมยังมีเงินเก็บอีกด้วย บุ๋มพยายามเดินตามรอยที่คุณพ่อสอนอยู่เสมอว่า “คนเราต้องมีสามอย่างนี้แล้วจะรวย คือ ต้องรู้จักหาเงินเป็น ต้องใช้เงินเป็น และต้องเก็บเงินเป็น” ที่สำคัญ โลกต่างแดนยังปลูกฝังนิสัยความรับผิดชอบ การตรงต่อเวลาให้บุ๋มมาจนทุกวันนี้

คลิกเลข 2 ด้านล่าง เพื่ออ่านหน้าถัดไป

เวทีเกียรติยศ                                                               

บุ๋มเป็นเด็กแก่นๆ ซนๆ มาแต่ไหนแต่ไร เป็นนักกีฬา นักกิจกรรม แต่ไม่เคยมีแววทางด้านความสวยความงามเลย มากที่สุดก็แค่ถูกเพื่อนแกล้งให้ประกวดนางนพมาศตอน ม.4

ส่วนคุณแม่เป็นคนชอบนางงามและรบเร้าให้บุ๋มเข้าประกวดอยู่บ่อยๆ ซึ่งบุ๋มก็ปฏิเสธเรื่อยมา ปีแล้วปีเล่าคุณแม่ก็ยังไม่ละความพยายาม จนบุ๋มต้องยอมตามใจท่าน

ในค่ำคืนที่ได้ตำแหน่ง นอกจากบุ๋มจะได้สัมผัสถึงน้ำหนักของมงกุฎที่คาดว่าไม่ต่ำกว่า 1 กิโลกรัมแล้ว สิ่งที่หนักยิ่งกว่ากลับเป็นภาระหน้าที่และเกียรติยศที่จะอยู่คู่กับตัวบุ๋มไปตลอด เพราะคนทั่วประเทศรู้จักบุ๋มแล้ว การบ้านชิ้นโตของบุ๋มคือ จะทำอย่างไรให้เป็นที่ยอมรับและยืนหยัดได้อย่างสง่างาม

ตำแหน่งนางสาวไทยยังเปิดโอกาสการทำงานของบุ๋มให้กว้างขึ้นมากๆ เปิดประสบการณ์ให้บุ๋มได้ทำอะไรที่ไม่เคยทำ รวมทั้งได้ช่วยเหลือผู้คนในสังคมอีกมาก บุ๋มจึงไม่เคยลืมเวทีเกียรติยศที่เปลี่ยนเด็กกะโปโลคนหนึ่งจาก“ไอ้บุ๋ม” เป็น “คุณบุ๋ม” ในวันนี้เลย

“อันดามัน” ยาของหัวใจ                      

บุ๋มไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมีลูกได้ เพราะเป็นคนไม่รักเด็กหรือเอ็นดูเด็กมากมายนัก แต่พอรู้ตัวว่า เรากำลังจะเป็นแม่คน ณ วินาทีนั้นมันมหัศจรรย์มากๆ เพราะจากนี้ไปชีวิตจะไม่ใช่ของเราคนเดียว อีกแล้ว แต่ยังมีอีกหนึ่งชีวิตที่เราต้องดูแล ต้องลด – ละ – เลิก ปรับเปลี่ยนชีวิตทุกๆ อย่างเพื่อให้เขาแข็งแรง สมบูรณ์ที่สุด…และแล้วอันดามันก็ลืมตาดูโลกเมื่อ 19 สิงหาคม 2549

หลายครั้งหลายหนที่อันดามันอาจจะงอแง รบเร้าบุ๋มมากเกินไปหรือติดบุ๋มแจ ชนิดที่ว่าเราไปไหนเขาไปด้วย แต่ทุกครั้งที่บุ๋มได้กอดได้อุ้ม หรือได้ยินเขาเรียก “แม่จ๋า” บุ๋มจะอบอุ่นหัวใจมากๆ และรู้สึกว่า เรามีค่าจังเลยนะ ยิ่งคราวที่เกิดปัญหาครอบครัว อันดามันถือเป็น “ยาขนานเอก” ที่ช่วยเยียวยาหัวใจให้บุ๋ม  “ฉันต้องตั้งสติ จะล้มไม่ได้ จะเสียใจกับมันมากไม่ได้ เพราะฉันต้องดูแลชีวิตน้อยๆ นี้”

นี่แหละดวงใจของแม่จ๋า “อันดามัน…สุดสายฝัน สุดขอบเขตแห่งใจ” (ความหมายของชื่ออันดามัน)

เคานต์ดาวน์ เคานต์ธรรม กับท่าน ว.วชิรเมธี

ราวปลายปี 2550 เป็นช่วงที่บุ๋มสับสนมากถึงมากที่สุด ปัญหาทุกอย่างประดังประเดเข้ามา เรียกได้ว่า “ณ วันนั้น ถ้ามีอะไรทำให้บุ๋มตาย บุ๋มอาจจะเฉยๆ กับมันเลยก็ได้ เพราะบุ๋มรับไม่ไหวจริงๆ”

ช่วงที่บุ๋มยังมืดมนกับปัญหาที่ถาโถมเข้ามา ท่าน ว.วชิรเมธี ได้ให้คำแนะนำว่า “ลองไปเคานต์ดาวน์เคานต์ธรรมที่อาศรมอิสรชน เชียงรายไหม” บุ๋มจึงไม่รั้งรอ ลากกระเป๋าเดินทางมุ่งหน้าเข้าป่า

4 วัน 3 คืนกลางป่า บุ๋มได้อยู่กับตัวเอง สูดไอดินกลิ่นหญ้ามองเพดานดาว ได้ปฏิบัติธรรม และได้นิ่งคิดว่า บางทีเราอาจจะยึดติดมากไปหน่อย ทั้งที่เมื่อก่อนเราก็ไม่มีอะไรพวกนี้ แต่ ณ วันนี้เรามีพร้อมทุกอย่าง แล้วจะเอาอะไรอีก ยิ่งคิดย้อนกลับไป…หากในวันนั้นบุ๋มขาดสติ คิดสั้นเพื่อแก้ปัญหา แล้วอันดามันล่ะ

คำสอนของท่าน ว.วชิรเมธีช่วยชี้ทางสว่างให้บุ๋มตระหนักว่า การมีสติอยู่กับตัวจะทำให้เราผ่านพ้นปัญหาทุกอย่างไปด้วยดี ค่อยๆคิด ค่อยๆ แก้กันไป ไม่ช้าก็ต้องเจอทางออก

สู่โลกแห่งธุรกิจความงาม

บุ๋มฝันอยากมีผลิตภัณฑ์เป็นของตนเอง มีแค่ชื่อห้อยท้ายเฉยๆ ก็ได้ ยิ่งบุ๋มเรียนทางด้านบริหารธุรกิจการจัดการมาโดยตรงชื่อเสียงก็พร้อม หากเราจะก้าวเข้าสู่โลกธุรกิจ ทุกๆ อย่างที่เรามีก็น่าจะสนับสนุนกันและกันได้ บุ๋มจึงเริ่มวางแผนเตรียมงานไปเสนอ แม้จะใช้เวลาถึงสามครั้ง แต่บุ๋มก็ไม่เคยท้อ ปรับเป็นปรับ เพิ่มเป็นเพิ่ม ทำทุกอย่าง ทุ่มเทอย่างถึงที่สุด เพราะเราใช้ชื่อเราเองรับประกัน “ดังก็ดังเลย ถ้าจบก็จบเลยเหมือนกัน”

เวลาผ่านไปปีเศษๆ ความฝันของบุ๋มเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง บุ๋มได้รับโอกาสให้มีแบรนด์เป็นของตัวเอง มีผลิตภัณฑ์ความงามหลายชนิด และที่สำคัญ เมื่อวางตลาดก็ได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดีเรียกว่า “หายเหนื่อย”

โลกธุรกิจไม่เคยหยุดนิ่ง ต้องขยันตลอดเวลา เพราะแค่เราหยุดพักก็อาจตามไม่ทันคู่แข่ง

ทุกวันนี้บุ๋มภูมิใจกับความเป็น “ปนัดดา วงศ์ผู้ดี” มากที่สุด ดีใจที่ได้ใช้ชีวิตทุกๆ วันอย่างคุ้มค่า ได้ทำงานอย่างที่ใจรัก เป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ และจะเป็นแม่ที่ดีของลูก แค่นี้ก็คุ้มแล้วที่เกิดมาในชาตินี้


เรื่อง วรลักษณ์ ผ่องสุขสวัสดิ์ ภาพ วรวุฒิ วิชาธร
เอื้อเฟื้อสถานที่ : ร้านสตาร์บัคส์ คอฟฟี่ วิลล่า ซอยอารีย์

Posted in MIND
BACK
TO TOP
cheewajitmedia
Writer

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.