เพชรยุพา บูรณ์สิริจรุงรัฐ…เส้นทางชีวิตสายนี้สีขาวดำ (1)

หลายครั้งในการสนทนา คำพูดหนึ่งที่เคยได้ยินคือ “คนนี้เขาเป็นคนดีนะ” ฟังแล้วให้นึกสงสัยทุกครั้งว่า คนดีของคนเรานี่เป็นอย่างไรกันนะ

 

ถ้าคนดีคือคนที่รักษาศีล 5 เป็นนิตย์ พูดจาไพเราะ โกหกไม่เป็น ตบยุงไม่ได้ ในชีวิตนี้ไม่เคยทำตัวชั่วช้าเลวทรามให้คนประณามหยามเหยียดแล้วละก็ เห็นทีจะห่างไกลกับชีวิตของ ฉัน (เพชรยุพาบูรณ์สิริจรุงรัฐ) เป็นแน่แท้

ฉันชอบคุยกับคนที่ชั่วก็ยอมรับว่าตัวเองชั่ว ไม่ใช่คนที่พยายามกลบเกลื่อนความชั่วด้วยความดี ฉันเชื่อว่าคนเราเคยผิด เคยพลาดเคยล้มเหลวกันทั้งนั้น ไม่มีใครเลิศเลอเพอร์เฟ็คท์หรอก แต่คนที่สามารถมองเห็นความบกพร่องของตัวเองได้นั้น ฉันคิดว่ามีค่าเท่ากับการมีดวงตาเห็นธรรม

ฉันเองเป็นเจ้าของสำนักพิมพ์ที่ใครๆ ก็มองว่ามีบุคลิกอันแสนจะร่าเริงสดใส มีเสียงหัวเราะดังกัมปนาท ทำให้ผู้คนรอบข้างสนุกสนานได้ตลอดเวลา ใจบุญสุนทาน รักหมาแมวเป็นชีวิตจิตใจ เป็นผู้มีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะสร้างสถานีแห่งธรรมในชื่อ “สถานีมีสุข”แถมยังมีคนตั้งสมญานามให้คนที่ชังได้หมั่นไส้เล่นว่า “บก.ร้อยล้าน”

ฉันเชื่อว่า ใครเคยอ่านนิตยสาร โคโคโระ (KOKORO) หรือเคยอ่านหนังสือของสำนักพิมพ์ ณ เพชรสำนักพิมพ์  คงพอจะคุ้นเคยกับฉันอยู่บ้าง หรือใครเคยดูรายการ เจาะใจ รายการ ครอบครัวเดียวกันคาดว่าคงพอเห็นหน้าค่าตาฉันผ่านทีวี หรือถ้าจะให้เป็นแฟนตัวจริงต้องเคยไปดูฉันทอล์คโชว์อย่างเมามันด้วยภาษาคำเมืองมาแล้ว

คนส่วนใหญ่รู้จักฉันในมุม “สีขาว”  เป็นเพชรยุพาผู้แสนดี แต่บังเอิญฉันเป็นคนไม่เสแสร้ง หากใครบอกว่าฉันเป็นคนดี ฉันก็อยากบอกว่า ชีวิตคนเราไม่ขาวสะอาดบริสุทธิ์ผุดผ่องขนาดนั้น ครั้งหนึ่งในชีวิตฉันก็เคย “ชั่ว” มีมุม “สีดำ” ที่เล่าให้ใครฟังเขาก็คงตกใจกันทั้งนั้น

แต่โชคดีที่วันนี้ฉันตระหนักรู้ว่าสิ่งที่ทำมาในอดีตเป็นสิ่งไม่ดี และไม่อายที่จะเล่าให้คนอื่นฟัง คุณฟังแล้วจะนำไปเป็นอุทาหรณ์หรืออุด – ทาไม่ “หอน” ก็แล้วแต่หัวจิตหัวใจของคุณ ไม่มีแรงใจถ้าไม่มีแม่ ไม่ได้ดีแน่ถ้าไม่มีตา

ถ้าไม่เล่าเลยว่าเพชรยุพาเติบโตมาด้วยการเลี้ยงดูอบรมสั่งสอนแบบไหน เปรียบไปก็เหมือนแกงฮังเลลืมใส่กะทิ มันไม่มัน ไม่กลมกล่อม เหมือนขาดอะไรไปแน่ๆ

ฉันเป็นเด็กบ้านน้อก…บ้านนอก ใช้ชีวิตวัยเด็กที่เชียงใหม่กับพ่อผู้มีเชื้อสายจีน ซึ่งฉันเรียกว่า “อาแป”ส่วนแม่เป็นลูกครึ่งไทย – พม่าผู้มีอารมณ์สุนทรีย์

สมัยหนุ่มๆ พ่ออยากเป็นทหาร แต่เมื่อสิ่งที่ฝันไม่ได้เป็นดังหวัง พ่อก็ทิ้งชีวิตคนกรุงเทพฯมาใช้ชีวิตคนต่างจังหวัดด้วยการเปิดร้านขายของชำและแต่งงานกับแม่ โดยมีลูกสาวด้วยกันสองคน

ครอบครัวของเราเกือบสมบูรณ์แบบอยู่แล้วเชียว ถ้าไม่มาสะดุดตรงที่ “พ่อเกลียดฉัน” ถ้าจะใช้แค่คำว่า “ไม่ชอบ”มันก็จะดูน้อยไป พ่อเชื่อว่าฉันเป็นคนเลว เพราะตั้งแต่เด็กๆ แล้วฉันซนมาก ชอบทำอะไรแผลงๆ ขี้เกียจทำงาน ชอบขโมยของในร้านไปให้เพื่อน เมื่อพ่อไม่ชอบฉัน ฉันก็เลยรู้สึกว่าผู้ชายในโลกนี้น่าเกลียดไปหมด และนี่ก็อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ฉันกลายเป็นทอมก็เป็นได้ ส่วนพี่สาวนั้นมีนิสัยตรงข้ามกับฉันทุกอย่าง เธอจึงเป็นที่รักของพ่อ แต่กลับไม่เป็นที่รักของแม่เหมือนฉัน

แม่เล่าว่า พ่ออยากมีลูกคนที่สองเป็นผู้ชาย แต่ฉันดันเกิดมาเป็นผู้หญิง เรียกได้ว่าฉันไม่เป็นที่พอใจของพ่อมาตั้งแต่ลืมตาดูโลกก็ว่าได้ ส่วนแม่นั้นตรงกันข้ามกับพ่อ แม่เชื่อว่าฉันเป็นคนดี เกิดมาจากเทวดาแม่รักฉันสุดหัวใจ ผลักดันให้เดินตามความฝันทุกอย่าง

ส่วนฮีโร่ในใจฉันคือคุณตาซึ่งปลูกบ้านอยู่ใกล้ๆ กัน เมื่อพ่อไม่ชอบหน้าฉันเท่าไร ชีวิตในวัยเด็กส่วนใหญ่ของฉันจึงผูกพันอยู่กับคุณตา ท่านเป็นผู้นำหมู่บ้านที่มีเสน่ห์ มีภรรยาหลายคน รู้จักวิชาคาถาอาคมแบบล้านนาสารพัดรวมทั้งศิลปวัฒนธรรมทางเหนือ

เวลาไม่สบายใจเรื่องอะไร ถ้าไปหาท่าน ท่านจะบอกว่า “ตาน่ะผ่านมาหมดแล้วเรื่องกระจอกแบบนี้” ฟังแล้วก็ทำให้ฉันสบายใจขึ้นเยอะ แล้วในความรักที่แสนพิเศษนี้ ตาก็จะสอนสั่งวิชาแปลกๆ ที่ดูเกินหญิงให้ฉันมากมาย ทั้งยิงนก ตกปลา ล่าสัตว์ฯลฯ

อย่างไรก็ตาม คุณตาเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน เป็นนักรบนักปกครองที่เก่งคนหนึ่ง รู้จักวิธีการเจรจาเป็นที่หนึ่ง ดังนั้น นิสัยส่วนหนึ่งของฉันก็ได้มาจากคุณตานี่แหละ

DSC02745

คำพ่อสอน

สำหรับพ่อแล้ว ฉันเพิ่งมาสำนึกได้ตอนโตว่า อาการไม่รักของพ่อที่แสดงออกด้วยการตั้งหน้าตั้งตาทำงาน ไม่พูดคุยสุงสิง แถมยังพูดจาดูถูกด้วยถ้อยคำต่างๆ อย่างเช่น “คนอย่างลื้อไม่มีทางไปทำงานเป็นคนเขียนอ่านได้” นั้น แท้ที่จริงแล้วคือแรงผลักดันอย่างดีที่ทำให้ฉันไม่เคยท้อแท้ที่จะพิสูจน์ตัวเองว่าฉันเป็นคนที่มี “คุณค่า” และ “ความดี”อยู่ในตัวเอง

พ่อเป็นคนดี ซื่อตรง ซื่อสัตย์ รักธรรมชาติ ยึดถือพระธรรมเป็นสิ่งสูงสุด และอยู่กับความเป็นจริงของชีวิต พ่อสอนฉันไม่ให้คดโกงเอาเปรียบคนอื่น พ่อทำแต่ความดี ด้วยความที่พ่อรู้ภาษาจีน ท่านก็จะสอนภาษาจีนให้เด็กๆ ในหมู่บ้าน ท่านชอบปลูกต้นไม้จนได้เป็นเกษตรกรดีเด่น ท่านเคยชี้ให้ดูว่าการปลูกต้นแคนั้นดีอย่างไร ใบของมันที่ร่วงลงดินกลายเป็นปุ๋ย ดอกของมันให้เราอาศัยเก็บกิน พ่อปลูกต้นไม้โดยไม่ใช้ยาฆ่าแมลง

วันนั้นถ้าไม่มีคำปรามาสของพ่อ ความรักของแม่ และความเมตตาเอ็นดูของคุณตา ฉันก็ไม่อาจรู้ได้ว่าชีวิตจะดิ่งลงไปสู่ที่ต่ำขนาดไหน

ยิ่งไปกว่านั้น พ่อนี่แหละที่ทำให้ฉันพบพระธรรมอย่างแท้จริงในวันที่ชีวิตของฉันรุ่งเรือง เป็นบรรณาธิการสำนักพิมพ์ในบริษัทใหญ่โตแต่วันนั้นพ่อกลับป่วยเป็นโรคไต แม่โทรศัพท์มาบอกว่า อาการของพ่อทรุดหนัก ท่านบ่นอยากจับชายผ้าเหลืองก่อนตาย วันนั้นฉันถามแม่ไปว่า “ถ้าจับชายผ้าขาวได้หรือเปล่า” ซึ่งหมายถึงฉันจะบวชชีให้พ่อหลังจากนั้นแม่โทรศัพท์มาเล่าว่า อาการของพ่อดีขึ้น ถึงขนาดลุกขึ้นมาปั่นจักรยานได้แล้ว ทั้งๆ ที่ฉันยังไม่ได้บวชให้ท่านเลย

ฉันปล่อยเวลาไว้เนิ่นนาน จนกระทั่งวันหนึ่งอาการของพ่อทรุดหนักอีกครั้ง คราวนี้ฉันตัดสินใจบวชชี ปลงผมกับ แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต ที่เสถียรธรรมสถาน วันนั้นมีผู้คนมากราบเท้าฉันมากมาย ใจหนึ่งฉันนึกสงสัยว่า  “คนชั่วๆ อย่างฉันจะมีบุญอะไรให้ใครได้” แต่แม่ชีศันสนีย์กลับบอกว่า การที่เราทำความดีเพื่อคนที่เราเกลียดที่สุด นั่นคือบุญที่สุด ตอนนั้นฉันยังไม่เข้าใจพ่อ ยังไม่ชอบท่านแต่ก็ยอมบวชให้เพื่อความสุขของแม่

วันที่ปลงผมบวชชี น้ำตาของฉันไหลด้วยความตื้นตันใจ สำนึกได้ว่า ที่ผ่านมาตัวเองมีเรื่องผิดบาปมากมาย ทั้งฆ่าสัตว์ตัดชีวิตด้วยความคึกคะนอง ทั้งตั้งใจฆ่าพี่สาวตัวเองตอนเรียนประถมเพราะอิจฉาที่พ่อรักพี่สาวมากกว่า

 

เหตุการณ์วันนั้น ฉันยังจำได้ติดตา

 

Posted in MIND
BACK
TO TOP
A Cuisine
Writer

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.