แค่ขาดทางกาย หากแต่ เติมเต็มจิตวิญญาณ ให้ผู้อื่นได้

แค่ขาดทางกาย หากแต่ เติมเต็มจิตวิญญาณ ให้ผู้อื่นได้

จากคนที่กลัวที่แคบและความมืด แต่กลับได้รับการ เติมเต็มจิตวิญญาณ จากคนที่ขาดแคลนทางกาย ทำไมถึงเป็นแบบนี้ บทความนี้จะนำพาคุณให้เข้าใจถึงการขาดแคลนกลับช่วยให้อีกคนเติมเต็มได้อย่างมหัศจรรย์

เป็นครั้งแรกที่เดินเข้าไปในแกลอรีงานศิลปะแบบไม่ได้คิดเอาไว้ก่อน เพียงแค่เป็นการพักผ่อนในวันหยุดและอยากหาประสบการณ์ทางด้านงานศิลปะสักครั้ง

ตอนแรกก็แค่อยากเดินเล่นดูต้นไม้ใบหญ้าสีเขียวสดใสระหว่างทางเพราะอากาศดี พอรถบัสขึ้นไปบนเขา เราก็เลือกลงป้ายที่อยู่ระหว่างชุมชนบนยอดเนินเขา จากนั้นก็เดินลัดเลาะตามถนน (ไม่สิ บันได ทางเดินแคบ ๆ ต่างหาก) จากบนเขาเข้าสู่ใจกลางเมือง

พอใกล้จะถึงสวนสาธารณะใจก็คิดขึ้นมาว่า ทางผ่านจะมี Art gallery อยู่ ยังไม่เคยแวะเข้าไปดูเลย ไปหน่อยดีกว่าไหน ๆ ก็มีบัตรนักเรียนที่ลดได้ครึ่งราคาอยู่แล้ว ในเสี้ยววินาทีนั้นก็เดินตัดเข้าไปยังอาคารแสดงงานศิลปะทันทีเพื่อไปยืนต่อแถวซื้อบัตรเข้าชม….ช่างเป็นโชคดีอะไรอย่างนี้ วันนี้เป็นวันครบรอบการเปิดแกลลอรี ทางแกลลอรีเปิดให้เข้าชมฟรี ถูกใจกระเหรี่ยงน้อยเหลือเกิน

 

 

พอเก็บเสื้อโค้ทในล็อคเกอร์เสร็จก็เดินเข้าไปในอาคารแบบงง ๆ (งงจริง ๆ เพราะไม่รู้เลยว่ามันต้องเดินอย่างไร ทิศทางไหนก่อน ปกติคนเยอรมันมีระเบียบวินัยจัด ทุกอย่างต้องมีขั้นตอน) นอกจากเดินงง ๆ มึน ๆ แล้วยังเกร็ง ทำตัวไม่ถูก เพราะมีเจ้าหน้าที่จับตาเฝ้ามองในทุกห้องที่เดินผ่านราวกับผู้คุมความประพฤติรอจับผิดนักเรียน

เราเดินผ่านห้องแสดงงานศิลปะห้องแล้วห้องเล่าแบบมือสมัครเล่นที่ดู ๆ ไปอย่างนั้นเอง ไม่มีหัวทางด้านนี้เลย แค่รู้ว่าสวยเท่านั้นเอง

แต่ละห้องถูกจัดแสดงให้เหมาะสมกับงานศิลปะของแต่ละยุคสมัย เพื่อให้ผู้ชมได้ซึมซับบรรยากาศสวยงามของยุคนั้น ๆไปด้วย แต่ที่ไม่ชอบคือหลายห้องถูกปิดทึบไม่มีหน้าต่าง คงป้องกันแสงอาทิตย์ทำลายรูปภาพ

แม้จะเดินผ่านมาหลายห้องหลายชั้นดูภาพสวย ๆ แบบอิ่มตาอิ่มใจ แต่เราก็ยังหายใจไม่เต็มปอดอยู่ดี เพราะเป็นคนกลัวห้องที่ไม่มีหน้าต่าง ห้องที่แสงสว่างน้อย ๆ ห้องแคบ ๆ กลัวไปหมด

 

 

จนกระทั่งเดินออกมาถึงโถงส่วนที่แสดง Modern Art ที่สีสันฉูดฉาด จัดจ้าน รุนแรง แฝงด้วยการปลดปล่อยอารมณ์ที่ซ่อนเร้นออกมาเต็มที่ ห้องนี้แสงต้องส่ง ห้องต้องโล่งเพื่อให้สีสันโดดเด่นเต็มที่ ค่อยบรรเทาอาการกลัวที่มืดแคบได้นิดหน่อย

เมื่อเดินมาถึงห้องเกือบสุดท้ายที่มีทางแคบ ๆ เชื่อมไปอีกอาคารหนึ่ง แต่ทางเดินค่อนข้างมืด ดูแคบ จนน่ากลัวนิด ๆ ประตูทางเชื่อมเป็นแบบอัตโนมัติที่ปิดตลอดเวลา เราก็กล้า ๆ กลัว ๆ ไม่กล้าก้าวขาข้ามไป ทั้งที่ใจตื่นเต้นอยากรู้อยากเห็นสิ่งที่อยู่อีกฟากหนึ่ง

เวลาผ่านไปสักพักมีชายคนหนึ่งมาพร้อมล้อหมุนส่วนตัว (wheelchair) มือหมุนล้อตัวเองอย่างชำนาญผ่านเข้าประตูทางเชื่อมนั้นอย่างสบายใจ ไม่ต้องคิดอะไรมากมายเลย เหมือนการเดินทางแสนปกติธรรมดา (มองดูจิตตัวเองขณะนั้น พร้อมคำถาม….แล้วฉันกลัวอะไร?)

เรามองตามและค่อย ๆ ก้าวขาอย่างอัตโนมัติตามผู้ชายมีล้อคนนั้นเข้าไปยังโถงแสดงงานศิลปะที่อยู่อีกตึกหนึ่ง ใจก็เต้นโครมครามราวกับจะสอบ Defense พอเดินดูซักพักก็เห็นว่าผู้ชายคนนั้นเคลื่อนตัวเองไปยังสุดมุมห้องด้านหลังแล้วหายเข้าไปหลังกำแพงที่มีแค่ม่านเล็ก ๆ บังไว้

 

 

ด้วยความอยากรู้ว่ามันคืออะไรเราต้องพิสูจน์ ว่าแล้วก็สาวเท้าก้าวยาว ๆ ตามเขาไป แบบที่ขาสั่นเพราะยังกล้า ๆ กลัว ๆ  จำได้ว่ายืนอยู่มุมห้องนานมากเพราะมันมืดมากและเย็นยะเยือก จนเหงื่อออกมือ แต่ก็พยายามบอกตัวเองว่าไม่มีอะไร เดินวนอยู่ตรงนั้นหลายรอบ

ถ้าพนักงานดูกล้องวงจรปิดคงเห็นผู้หญิงคนหนึ่งท่าทางมีพิรุธเดินวนไปวนมาเหมือนจะขโมยของ สุดท้ายจึงตัดสินใจก้าวขาอย่างช้า ๆ ไปยังเงามืดนั้น ขณะเดียวกันก็ยังแอบคิดว่าจะถอยกลับมาเพราะมันมืดมากจริง ๆ แต่ใจที่อยากรู้อยากเห็นทำให้กลั้นใจก้าวขาไปอีก 2 ก้าว เท่านั้นแหละ…แสงแฟลต จากจอภาพยนต์สว่างวาบเข้าตาแทบปรับไม่ทัน ภาพชายมีล้อนั่งหันหน้าเข้าหาจอภาพยนต์อย่างสงบนิ่งและจดจ่อ ปรากฏอยู่เบื้องหน้า

แท้ที่จริงแล้วหลังม่านแห่งความมืด มันก็แค่โรงหนังเล็ก ๆ  ธรรมดา ที่เรียบง่าย ไม่มีอะไรน่ากลัวเลย จิตคิดเตลิดเปิดเปิงไปเอง…นี่แหละ… “ความกลัว” จิตคอยแต่ละคิดฟุ้งซ่าน สร้างแต่ภาพในทางลบ

จากความกลัวเล็ก ๆ เราสร้างมันจนกลายเป็นกำแพงสูง หนาทึบ บังตัวเองไปหมด ทำให้เกือบจะพลาดโอกาสดี ๆ ในการชมภาพยนตร์ย้อนยุคไปเลย… แต่ชายวีลแชร์คนนั้นไม่มีแม้แต่เสี้ยววินาทีที่เขาจะชะลอล้อของตัวเอง

 

 

สำหรับเรา แม้จะเป็นเพียงความธรรมดาของชายมีล้อที่ไม่มีการชะลอรถของตัวเอง มันดูเป็นความกล้าหาญทางจิตวิญญาณที่ส่งมาถึงคนขี้ขลาดอย่างเราให้มีสติ ที่จะพาตัวเองก้าวข้ามกำแพงบางอย่างที่กั้นอยู่ในใจ

ฉันเป็นคนที่กลัวที่แคบและความมืดมาก มันทำให้หายใจติดขัดตลอดเวลาที่อยู่ในสถานการณ์นั้น ครั้งหนึ่งตอนทำแลปฉันติดอยู่ในห้องเย็นใต้ดินคนเดียวมืดๆ เกือบสิบนาที คิดว่าตัวเองคงจะตายแน่แล้ว โชคดีที่เพื่อนลงมาทำแลปช่วยเปิดประตูให้จากด้านนอก (เนื่องจากที่ล็อคประตูพัง) ลิฟท์นี่ไม่ต้องพูดถึง ถ้าไปคนเดียวไม่ขึ้นแน่นอน โรงหนังถ้าจะต้องไปนั่งนาน ๆ ใจมันจะขาดให้ได้ ไม่เคยดูหนังได้สนุกเลย

การก้าวข้าม “ความกลัว” ต้องอาศัย “ความกล้า” ซึ่งสร้างมาจาก “สติ” ตื่นรู้ บางครั้งเบื้องหน้าที่มืดมิดน่ากลัว อาจเป็นแค่ม่านหรือกำแพงที่เราสร้างมันขึ้นมาเองจนปกปิดความสว่างงดงามที่อยู่เบื้องหลังความมืดนั้น

วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่ฉันรู้สึกอยากขอบคุณชายแปลกหน้าผู้ที่พิการแขนขา ขอบคุณทั้งที่เขาคงไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าได้ดึงคนขี้กลัวอย่างฉันให้ข้ามกำแพงของตนเองได้อีกครั้ง ขอบคุณแม้ในความขาดที่เขามี มันช่วยเติมเต็มจิตวิญญาณที่ซ่อนอยู่ภายในของฉัน ให้กล้าที่จะก้าวออกมาแบบที่ไม่ต้องกลัวความมืดและที่แคบอีกต่อไป ตอนนี้ฉันดูหนังในโรงหนังคนเดียวได้แล้ว ขึ้นลิฟท์คนเดียวได้บ้างแล้ว ทุกอย่างมันต้องค่อย ๆ เป็นไปในทางบวกสิน่า ………

Staatgallery Stuttgart, Germany

 

เรื่อง : ไส้ติ่ง (เริ่มกล้าหาญ)

 

หากมีเรื่องราวที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้อ่านได้ สามารถส่งมาได้ Secret Magazine (Thailand)


บทความน่าสนใจ

“เป็นมิตรกับ ความกลัว” เรื่องเล่าขำๆ กว่าพระจะหายกลัวผี โดย ท่านปิยสีโลภิกขุ

หากกลัวความทุกข์ จงข่มจิตให้อย่ากลัวความทุกข์ คำแนะนำจากแม่ชีศันสนีย์

ภัยอันน่ากลัวของการเวียนว่ายตายเกิด เรื่องเล่า การระลึกชาติ ของหลวงปู่ชอบ ฐานสโม

3 ความ กลัว ที่ต้องทำความรู้จัก แล้วกำจัดมันซะ : Secret เคล็ดลับ

ความ(ไม่)กลัว ที่ซ่อนตัวอยู่เบื้องหลังความเบิกบาน โดย ติช นัท ฮันห์

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.