โทรศัพท์

โทรศัพท์… สื่อรักจากวิญญาณ

โทรศัพท์… สื่อรักจากวิญญาณ – เรื่องลึกลับจากผู้อ่าน

ชีวิตของคนชนบทนั้นทุกข์ยากลำบากเหลือแสน ปีใดปลูกพืชได้ผลดีกลับขายไม่ได้ราคา แต่ปีใดแล้ง พืชสวนไร่นาเสียหายหนักกลับขายได้ราคาดี เพราะเหตุนี้จึงทำให้ผู้ใช้แรงงานจากชนบทหลั่งไหลมาทำงานในเขตอุตสาหกรรมอย่างล้นหลาม โดยเฉพาะยามหมดหน้านา เช่นเดียวกันกับชีวิตของ “กล้า” ชายหนุ่มวัย 19 ปีแห่งบ้านสันติสุขของเมืองน่าน ซึ่งหนีความจนมาหางานทำในกรุงเทพฯ

กล้าทำงานเป็นคนงานในโรงงานอาหารสำเร็จรูปแห่งหนึ่ง เขาได้เงินเดือนเกือบหมื่นบาท หากเดือนใดมีโอทีมาก เดือนนั้นก็จะได้มากกว่าหนึ่งหมื่น ทุกเดือนเขาจะส่งเงินส่วนหนึ่งให้พ่อแม่ใช้บ้าง หรือเพื่อชำระหนี้บ้าง ส่วนที่เหลือเขาสะสมไว้เพื่อซื้อโทรศัพท์มือถือให้กับตัวเอง กล้าสะสมเงินได้เพียงร้อยสองร้อยบาทต่อเดือน ทำให้เขาต้องใช้เวลานานโขกว่าจะสะสมเงินได้พอกับค่าโทรศัพท์ที่ราคาไม่เกินสองพันห้าร้อยบาท

ระหว่างทำงานในโรงงาน กล้าได้มีโอกาสพบกับ “เจน” สาวเพชรบูรณ์ซึ่งทำงานที่เดียวกัน กล้ามีโอกาสพูดคุยกับเจนอยู่หลายครั้งจนรู้สึกถูกคอ แม้จะอยากโทร.หา แต่กล้าก็ไม่กล้าแม้แต่จะขอเบอร์ เพราะเขาไม่มีโทรศัพท์นั่นเอง เขาได้แต่เล่นเน็ตคุยเฟซบุ๊กกับเจนบ้างเป็นครั้งคราว จากนั้นเขาก็ได้เสิร์ชหาจนเจอเบอร์ของเจน และกะว่าวันใดหากเก็บเงินพอซื้อมือถือได้ก็จะลองโทร.ไปให้เจนแปลกใจเล่นสักครั้ง

วันที่ 12 เมษายน 2556 เวลาสองทุ่มเศษ เจนได้รับโทรศัพท์สายแปลกที่ไม่มีชื่อ ตอนแรกเธอคิดว่าคงมีใครโทร.ผิดเข้ามา แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อคนในสายนั้นคือกล้านั่นเอง ทั้งสองคุยกันเวลาเดิมทุกคืนมาประมาณเดือนกว่า คืนหนึ่งกล้าบอกเจนว่า หากไม่เห็นกล้าโทร.มา เป็นเพราะกล้าต้องออกไปนอนที่ไร่กับพ่อบนเขา กล้าไม่ได้กลับไปทำงานที่โรงงานอีกแล้ว และหากวันใดที่กล้าไม่โทร.หาก็ให้เจนโทร.หาแม่ของกล้า แม่จะบอกเจนได้ว่ากล้าอยู่ที่ไหน

หลังจากนั้นเจนได้เฝ้ารอโทรศัพท์ของกล้า เวลาผ่านไปหนึ่งคืนก็แล้ว สองคืนก็แล้ว สามคืนก็แล้ว แต่ก็ไม่มีสายของกล้าเข้ามา เจนรอจนหมดความอดทน จึงตัดสินใจโทร.หาแม่ของกล้าตามที่เขาได้บอกไว้ ซึ่งคำตอบที่ได้ก็คือ แม่บอกว่า “กล้าตายนานแล้ว” เจนหัวเราะ เพราะคิดว่าแม่ของกล้าคงล้อเล่น เจนจึงเล่าให้แม่ของกล้าฟังว่าเจนคุยโทรศัพท์กับกล้าทุกคืน เพิ่งจะมีสามคืนหลังนี้เองที่กล้าไม่ได้โทร.มา แม่ของกล้าไม่ตอบและได้แต่สะอื้นไห้จนเจนตกใจ

จากนั้นแม่ของกล้าก็เล่าให้เจนฟังว่า กล้าทำงานมาเกือบปีแล้วและหมั่นส่งเงินมาให้ทางบ้านเสมอ ๆ เมื่อถึงสิ้นเดือนมีนาคม 2556 กล้าได้ซื้อโทรศัพท์ให้แม่เครื่องหนึ่งราคา 800 บาท และตอนต้นเดือนเมษายนก่อนที่กล้าจะกลับบ้าน ด้วยความที่อยากมีโทรศัพท์เหมือนกับใคร ๆ เขา กล้าได้เก็บเงินและซื้อโทรศัพท์ใหม่ ก่อนเดินทางกลับบ้าน โดยกล้าโทร.มาบอกแม่ว่าจะเดินทางกลับวันที่ 11 เมษายน 2556 ซึ่งกว่าจะถึงบ้านก็คงเป็นเช้าวันที่ 12 หรืออาจสาย ๆ ของวันนั้น

หลังจากคุยกันแล้ว ทางบ้านก็เฝ้ารอกล้าตั้งแต่เช้าตรู่ จนกระทั่งช่วงสายก็มีโทรศัพท์ของกล้าโทร.เข้ามาหาแม่ แต่คนที่พูดอยู่ปลายสายคือตำรวจ ซึ่งโทร.มาแจ้งว่าเจ้าของเบอร์เสียชีวิตแล้ว ขณะนี้ศพอยู่ที่โรงพยาบาล…แม่กล้าเป็นลมล้มลง พี่สาวกับพ่อของกล้าจึงมาพูดสายแทนจนได้ความว่า เมื่อคืนรถคันที่กล้านั่งประสบอุบัติเหตุ มีผู้เสียชีวิตหลายราย และกล้าก็เป็นหนึ่งในจำนวนนั้น

ทางครอบครัวไปรับศพกล้ากลับมาบ้าน พร้อมกระเป๋าเสื้อผ้าและโทรศัพท์ เมื่อเสร็จพิธีสวดศพ 3 วัน ก็นำร่างของกล้าพร้อมโทรศัพท์ที่กล้ารักฝังลงในหลุมศพด้วย เพราะแต่เดิมกล้าบอกแม่ว่าขายข้าวแล้วจะซื้อโทรศัพท์ให้แม่สักเครื่อง แต่ด้วยความที่เงินค่าข้าวยังไม่พอใช้หนี้ค่าปุ๋ยค่ายาให้เถ้าแก่ กล้าจึงตัดสินใจไปขายแรงงานในเมืองหลวง กล้าต้องแลกโทรศัพท์เครื่องนี้มาด้วยหยาดเหงื่อแรงงาน ดังนั้นเมื่อกล้าจากไป โทรศัพท์ที่กล้ารักจึงควรไปอยู่เคียงข้างกับกล้าด้วย แต่ไม่น่าเชื่อว่าวิญญาณของกล้าจะยังสามารถโทร.หาเจนได้แม้ตัวตายไปแล้ว

คืนนั้นเจนนอนไม่หลับ จนรุ่งเช้าเจนได้เล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนของเจนในหมู่บ้านฟัง เพื่อนเจนบอกว่า เมื่อเดือนก่อนพี่หล้าซึ่งเป็นคนที่เขารู้จักก็เจอดี เรื่องมีอยู่ว่า มีโทรศัพท์ลึกลับ หมายเลขขึ้นต้นด้วย 09 และนอกนั้นเป็นเลข 9 ทั้งหมดโทร.มาหาพี่หล้าในช่วงพลบค่ำ และก็หมั่นโทร.มาทุกวัน แต่ทุกครั้งที่พี่หล้าโทร.กลับไปจะโทร.ไม่เคยติดเลย จนกระทั่งวันหนึ่งพี่หล้าได้นัดพบสาวลึกลับคนนั้นที่ป่าสนท้ายหมู่บ้านซึ่งอีกฝั่งเป็นป่าช้า พี่หล้าไปรออยู่เกือบครึ่งชั่วโมงก็ไม่มีวี่แววว่าจะมีใครมาแถวนั้นเลยสักคน

ขณะที่ฟ้ากำลังจะมืด พี่หล้าได้โทร.หาสาวลึกลับคนนั้น ตอนนั้นมีลมกรรโชกมาวูบหนึ่งอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย แล้วสาวคนนั้นก็รับโทรศัพท์เป็นครั้งแรก และบอกว่าเธออยู่ข้าง ๆ พี่หล้า ทันใดนั้นเองพี่หล้าก็มองเห็นเงาของใครคนหนึ่งซึ่งมีผมยาวถึงเอวนั่งก้มหน้าหันหลังอยู่ข้างต้นสนใกล้ ๆ กับที่พี่หล้ายืนอยู่ ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้พี่หล้าได้เดินดูรอบ ๆ แถบนี้จนหมดก็ไม่พบใครแม้แต่คนเดียว พี่หล้ารู้สึกขนลุกซู่ชูชันและคิดได้คำเดียวว่า “ผี” แล้วสองเท้าก็พาพี่หล้าวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตกลับมาบ้าน พี่หล้านอนเป็นไข้อยู่หลายวัน

ทั้งสองเรื่องนี้ ผู้เขียนขอยืนยันว่าเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในยุคสังคมไอที เราไม่มีทางรู้หรอกว่าโลกหลังความตายนั้นเป็นอย่างไร แต่มันมีเรื่องราวที่แปลกประหลาดพิสดารเกิดขึ้นให้เราได้เรียนรู้อยู่เสมอ ๆ ฉะนั้นตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ เราจึงควรสะสมความดีไว้จะดีที่สุด

 

ที่มา  นิตยสาร Secret

เรื่อง  โดมดอย

Secret Magazine (Thailand)

IG @Secretmagazine


บทความน่าสนใจ

Mystery of Life : คนไข้ ห้อง 4/8 – เรื่องหลอนของคุณยายแบริ่ง

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.