ชีวิตที่ต้อง “ติดหนาม” ของผู้จัดละครร้อยล้าน แอน ทองประสม

เรื่อง ธันยาภัทร์  รัตนกุล  ภาพ วรวุฒิ  วิชาธร  สไตลิสต์ ธนฤทธิ์  แสงสิน,  สุธีร์  รติวัฒน์บุญญาแต่งหน้า กานต์นิพัทธ์  สนั่นวงศ์  ทำผม ทูนธรรม  ชาญชลสมุทร  เสื้อผ้า Marihorn (www.marihorn.com)

 

ใครจะเชื่อว่า  แอน  ทองประสม  ผู้จัดละครระดับร้อยล้านและนางเอกซูเปอร์สตาร์ของเมืองไทยจะ “ติดหนาม” ไว้รอบตัว  ตัวจริงของเธอที่ Secret ได้สัมผัสในวันนี้  ไม่ใช่นางเอกผู้อ่อนแอเหมือนอย่างในละครหลังข่าวที่เราเคยดูกัน  แต่เธอเปรียบได้ดั่งกุหลาบดอกงามที่โดดเด่นสวยสง่าและกำลังเบ่งบานเต็มที่รับแสงตะวัน  ที่สำคัญเธอมีหนามอันแหลมคมที่พร้อมจะทิ่มแทงคนที่ไม่ปรารถนาดี  ไร้ความจริงใจ  และไม่ซื่อสัตย์ต่อเธอได้ทันที

 

ชีวิตของแอนตั้งแต่เด็กต้อง “ปากกัดตีนถีบ” มาโดยตลอดชีวิตของเธอลำบากถึงขนาดเคยมีรองเท้าแตะเพียงแค่คู่เดียวโดยต้องแบ่งกันใส่กับยาย  แถมยังต้องรับจ้างล้างจานเพื่อแลกกับอาหารกลางวัน  ความรันทดในชีวิตเช่นนี้เองที่หล่อหลอมให้เธอเป็นหญิงแกร่งอย่างทุกวันนี้  ดังนั้นคำว่า “ชีวิต” และ “ความสำเร็จ” สำหรับแอนจึงไม่ใช่ “เรื่องง่าย” อย่างที่หลายคนเข้าใจ

ถึงแม้เธอจะเปรียบดั่งกุหลาบงาม  ทว่าชีวิตของเธอก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบที่สวยงามเลยแม้แต่น้อย  ความสำเร็จในวันนี้ของแอน  ทองประสม สามารถพูดได้เต็มปากว่ามาจาก “ฝีมือ” ล้วน ๆและ…ทุกงานที่ทำ  ทุกคำที่พูด  ซึ่งคุณจะได้สัมผัสต่อไปนี้  ล้วนออกมาจากหัวใจของเธอ

 

คุณแอนมีหลักการทำงานและเคล็ดลับความสำเร็จอย่างไรคะ

ก็ไม่มีอะไรมากค่ะ  แค่ต้องรับผิดชอบหน้าที่ของตัวเองพยายามคิดงานสนุก ๆ ออกมาเพื่อให้คนดูชอบ  ก็เหมือนเป็นแม่ค้ามาขายของในตลาดนั่นแหละค่ะ  แอนย่อมอยากให้มีคนมาซื้อเป็นผู้จัดฯก็เหมือนกัน  มีหน้าที่ผลิตละคร  ก็ต้องอยากให้มีคนดูเยอะ ๆ  คนดูละครแอนส่วนใหญ่เป็นแม่ค้า  เป็นคนในตลาดที่มีรสนิยมการบริโภคแบบชาวบ้านทั่วไป  ละครของแอนจึงเป็นอะไรที่ดูง่าย ๆ  ไม่ซับซ้อนหรือมีความเท่อะไรมากมาย  แต่เป็นเรื่องที่สื่อถึงความรู้สึกมากกว่า  อย่างละคร สามีตีตรา ถามว่าทำออกมาดูแรงไปไหม  แอนบอกได้เลยค่ะว่ารุ่นที่แอนเล่นเข้มข้นและเชือดเฉือนกันกว่านี้เยอะ  คือจริง ๆ เรื่องนี้มันเป็นความรักของเพื่อนรักที่หักหลังกัน  ซึ่งเรื่องรักผู้ชายคนเดียวกันอย่างในละครมีอยู่จริง  แอนพยายามทำสัดส่วนเรื่องความรัก  ตบตี  เชือดเฉือนให้มันสมดุลกัน  และพยายามเตือนผู้ชมผ่านตัวละครว่าทำแบบนี้ไม่ดีนะ  ถ้าดูแล้วไม่เชื่อ  คุณก็ต้องไปเรียนรู้เอง

ได้จับงานทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังอย่างนี้  ไม่ทราบว่าวงการนี้สอนอะไรให้บ้างคะ

สอนหลายอย่างค่ะ  อาชีพในวงการบันเทิงเป็นอาชีพที่อยู่ในความฝัน  เราได้เล่น  ได้สวมบทบาทเป็นตัวละครที่หลากหลายทำให้วงการนี้มีเสน่ห์  ความสนุกของมันอยู่ตรงนี้  คือได้เปลี่ยนวิถีการเล่นไปเรื่อย ๆ  และเราจะมีความสุขมากเมื่อคนดูอินกับตัวละครหรือบทบาทนั้น ๆ

ถ้าพูดในเรื่องชีวิตความเป็นจริง  วงการนี้ทำให้แอนได้เจอคนที่หลากหลาย  ทั้งดี  ไม่ดี  สีขาว  สีดำ  สีเทา  เต็มไปหมด  เลยทำให้เราต้องสร้างภูมิคุ้มกันให้เป็นคนแข็งแรง  ไม่อย่างนั้นเราก็อยู่ไม่ได้  คือจริง ๆ แอนว่าจะสีดำหรือสีขาวมีอยู่ในทุกวงการนะคะ  แต่อย่างอาชีพของแอน  ถ้าไม่เข้มแข็งพอจะอยู่ลำบาก  วงการนี้สอนให้แอนเป็นคนอดทนค่อนข้างเยอะ

อีกอย่างคืออาชีพนี้เป็นอะไรที่หวือหวา  ใคร ๆ ก็อยากมายืนอยู่จุดนี้  แต่มันมีพื้นที่จำกัด  ถ้าเราไม่รักษาพื้นที่ไว้ก็จะโดนเขี่ยกระเด็นไปได้ง่าย ๆ  ซึ่งมันทำให้แอนเข้าใจโลกมากขึ้น ไม่วางใจอะไรง่าย ๆ  เพราะคนเราเดี๋ยวนี้เอาเปรียบกันมากขึ้น  ขี้เกียจมากขึ้น  เหลื่อมล้ำกันมากขึ้น  สนใจแต่เรื่องของคนอื่นมากขึ้น  จนไม่สนใจที่จะพัฒนาตัวเอง  มันเลยทำให้โลกทุกวันนี้อยู่ยาก  เพราะถูกเบียดเบียน  ตัวอย่างเช่น เดี๋ยวนี้จะเข้าห้องน้ำยังถูกถ่ายรูปแบล็กเมล์  มันทำให้แอนรู้สึกว่าชีวิตทุกวันนี้คืออะไรกันแน่  มันโรคจิตกันไปหมดแล้ว  แอนรู้สึกว่าไม่มีพื้นที่ส่วนตัวที่ไหนปลอดภัยเลยนอกจากบ้านของเราเอง  แอนรู้สึกว่าโลกและสังคมทุกวันนี้มันไม่ค่อยจะน่าอยู่สักเท่าไหร่

คลิกที่นี่!หรือกดเลข 2 ด้านล่างเพื่ออ่านหน้าถัดไป

ในเมื่อโลกมันไม่น่าอยู่อย่างนี้ แล้วคุณแอนมีวิธีดำเนินชีวิตอย่างไรคะ

ก็ต้องพยายามมองในแง่ดี  เพราะบางทีเราไนซ์  จริงใจกับทุกคน  แต่อีกคนกลับไม่จริงใจกับเรา  ก็กลายเป็นว่าเราเปิดไพ่แบไต๋ให้เขารู้เรื่องรู้จุดอ่อนเราหมด  เขาก็จะเอาเปรียบเราได้ง่าย ๆแอนว่าการใช้ชีวิตในยุคนี้ไม่ต้องถึงกับหวาดระแวง แต่ก็ต้องระวังตัวให้มาก  แอนถือคติว่าเราจริงจากใจได้ แต่อย่าจริงตลอดเวลาเดี๋ยวนี้แอนใช้ทฤษฎีนี้ตลอด  เราควรจะให้ใจและจริงกับคนที่เขาพร้อมจะแชร์กับเราเท่านั้น  คนที่เข้ามาหาเราด้วยความไม่จริงใจเขาก็จะได้รับความไม่จริงใจกลับไปเหมือนกัน  สังคมมันสอนให้แอนเรียนรู้ว่าแอนต้องเลวตอบกลับไปบ้าง  ให้เขาได้เรียนรู้บ้างว่าอย่าล้ำเส้นฉัน  บางคนพูดด้วยดี ๆ ก็ไม่ยอมฟัง  ไม่เกรงใจเรา  เราก็ต้องมีโหมดโหดบ้าง  สังคมบังคับให้แอนต้องแกร่งมากขึ้น  แอนยอมรับว่าเราต้อง “ติดหนาม” ให้ตัวเองบ้างเพื่อความอยู่รอด  ไม่อย่างนั้นเราก็จะโดนเขาโขกสับ  เอาเปรียบเราอย่างเดียว

ถ้าอย่างนั้นที่เขาว่าวงการมายามีแต่คนสวมหน้ากากเข้าหากันก็เป็นเรื่องจริง  

แอนว่าไม่เฉพาะวงการบันเทิงเท่านั้นนะคะ  วงการอื่นก็มีมายาฉาบอยู่เต็มไปหมด  แอนว่าบางทีเราก็แสดงความเป็นตัวเองร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่ได้  จะทำตัวตามสบายไม่ได้  เราจำเป็นที่จะต้องจัดวางตัวเองอยู่ในกรอบที่เหมาะสม  เช่น อยู่ตรงนี้เราจะพูดจามึงมาพาโวยไม่ได้  เพราะมันไม่ใช่ที่ที่เราจะปล่อยเนื้อปล่อยตัวยังไงก็ได้แต่ไม่ได้หมายความว่าเราไม่จริงใจ  แค่เราต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์  เพราะบางคนเขาไม่ได้อนุญาตให้เรามีพื้นที่ส่วนตัวหรือเปิดโอกาสให้เราเป็นตัวของตัวเอง  เราต้องเรียนรู้เอง  แอนว่าทุกวันนี้คนเราก็มายาใส่กัน  แสดงละครใส่กันทั้งนั้นแหละค่ะ

อีกอย่างพฤติกรรมคนเดี๋ยวนี้ก็เปลี่ยนไป  เช้ามาเดี๋ยวนี้เปิดดูไอจีก่อนเลย  ไม่อ่านหนังสือพิมพ์เหมือนเมื่อก่อนแล้ว  แต่กลับไปดูเรื่องราวชีวิตคนอื่นว่าเขาทำอะไรที่ไหน เป็นอย่างไร  แน่นอนว่าคนส่วนใหญ่มักจะลงแต่เรื่องราวดี ๆ ในไอจีของตัวเอง  ซึ่งบางทีคนเราก็อดเอามาเปรียบเทียบกับชีวิตตัวเองไม่ได้ว่าทำไมเขาดี  แต่เราดูแย่เลยยิ่งทำให้รู้สึกว่าชีวิตมีความสุขไม่เท่าเขา  มีข้าวของไม่เท่าเขาบางคนเลยต้องพยายามหาวิธีเติมเต็มให้ตัวเองเหมือนคนอื่น  เพื่อที่จะได้โชว์ได้อวดบ้าง  หรือบางทีก็ใช้ไอจีเป็นเครื่องมือในการประชดประชันกัน  ใช้เสียดสีด่าทอกัน  ซึ่งแอนว่ามันน่ากลัว  เพราะเทคโนโลยีถูกนำมาใช้ผิดวัตถุประสงค์  แม้แต่แอนเองก็ต้องการแชร์ความรู้สึกดี ๆ หรือความรู้ความคิดดี ๆ  แต่ก็ยังถูกหาว่าเราเจตนาโพสต์ข้อความลงไอจีเพื่อเสียดสีใครหรือเปล่า  คือบางครั้งคนเราก็ใจแคบในการตีความ  แอนเลยรู้สึกว่าสังคมนี้มันอยู่ยาก  ก็เลยต้องมายาใส่กันบ้าง  มันเป็นโหมดของการป้องกันตัวเองค่ะ

Cover Ann4558

ในเมื่อความสุขหาได้ยาก  แล้วความสุขของคุณแอนคืออะไรคะ

ความสุขของแอนคือความเรียบง่าย  แอนว่าอะไรที่เรียบง่ายที่สุดมันคือสุขที่สุดแล้ว  สมัยก่อนถ้าจะหาความสุข  เราต้องจัดงานปาร์ตี้เชิญเพื่อนมาเปิดไวน์  มีดนตรีเพื่อสร้างบรรยากาศให้ครึกครื้น  สนุกสนาน  คือต้องมีกิจกรรมมากมายเพื่อให้เรารู้สึกสนุกไปกับมัน  แต่พอแอนเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น  วัยมันเปลี่ยนไปเลยกลายเป็นว่าเดี๋ยวนี้ขออะไรที่เรียบ ๆ ง่าย ๆ  ขออยู่นิ่ง ๆ ไม่สุงสิงกับใครมาก  แค่มีเฉพาะเพื่อนที่เรารักและไว้ใจมาอยู่พูดคุยด้วยหรือไม่ก็เข้าสปาไปนวดหน้านวดตัว  นอนฟังเพลงเบา ๆ  ไปทะเลฟังเสียงคลื่นเสียงลม…เท่านี้ก็มีความสุขที่สุดแล้ว  แต่ถ้าถามแอนตอนอายุ 25 ปี  แอนคงไม่ตอบแบบนี้  เพราะชีวิตเราต้องสั่งสมประสบการณ์  จะให้แอนมาเข้าใจโลกเหมือนตอนอายุ 40 ปีแบบนี้คงเป็นไปไม่ได้  ชีวิตทุกคนต้องมีสเต็ป

คุณแอนได้เคยพักผ่อนด้วยการปฏิบัติธรรมหรือทำสมาธิบ้างไหมคะ

ยังไม่เคยค่ะ  แต่อยากลอง  แอนยอมรับว่าแต่ก่อนแอนตี้และไม่เชื่อว่าการนั่งสมาธิจะทำให้เราพบความสุข  แอนรู้สึกว่ามันไม่จริงเพราะแอนรู้สึกว่าคนเราสามารถปฏิบัติธรรมในชีวิตประจำวันได้  แต่ก็ต้องยอมรับว่าร่างกายเราเปรียบเสมือนรถยนต์ที่ต้องมีการเข้าอู่ซ่อมบำรุงบ้าง  เช็กตามระยะบ้าง  จิตใจก็เช่นกันต้องการชาร์จพลังเพื่อรีเฟรชตัวเองใหม่  ให้พร้อมที่จะรับสถานการณ์ในแต่ละวันที่วุ่นวาย แอนเลยอยากจะไปปฏิบัติธรรมสักสามวันเจ็ดวัน  เพราะเชื่อว่าจะช่วยให้เรามีพลังเพิ่มขึ้น  แอนคิดว่าคงต้องหาจังหวะที่พร้อมจริง ๆ ลองไปปฏิบัติดู  คิดว่าจะต้องดีแน่ ๆ

คลิกที่นี่!หรือกดเลข 3 ด้านล่างเพื่ออ่านหน้าถัดไป

คุณแอนได้ศึกษาธรรมะของท่านใดเป็นพิเศษไหมคะ

แอนไม่ได้ลงลึกขนาดนั้นค่ะ  เพราะแอนเชื่อว่าพระพุทธศาสนาซึมซับอยู่ในตัวเราอยู่แล้ว  ถึงแม้แอนจะไม่ใช่คนที่เข้าวัดเข้าวาถี่  แต่แอนได้นำหลักธรรมของพระพุทธเจ้ามาใช้ในชีวิตประจำวันเยอะมาก  และแอนเชื่อว่าไม่มีใครสอนตัวเราได้ดีไปกว่าตัวเราเอง  เวลาเราร้อน  ตัวเราเองนี่ละที่จะบอกให้ใจเราเย็น  เวลาเราเครียดหรือคิดมาก  ก็ตัวเราเองอีกนั่นแหละที่ปลอบใจตัวเราเองให้คิดได้  แอนเชื่อว่าในตัวคนเรามีสติอีกด้านหนึ่งที่มีธรรมะช่วยขัดเกลาให้เราทำในสิ่งที่ถูกต้อง  แอนรู้จักหลักธรรมนี้เป็นครั้งแรกจากยายค่ะ  ยายจะสอนแอนทุกอย่าง  สอนให้เป็นคนดี  มองโลกในแง่ดี  ไม่เอาเปรียบใคร  โดยพื้นฐานแอนก็เป็นคนอย่างนั้น

แล้วคุณแอนได้ใช้หลักพระพุทธศาสนาในการดำเนินชีวิตอย่างไรบ้างคะ

ที่แอนใช้มากที่สุดคือเรื่องของการปล่อยวาง  ซึ่งเราจำเป็นที่จะต้องใช้ให้ถูกหลัก  เพราะถ้าเรายังมีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบอยู่แล้วเราปล่อยวาง  อย่างนี้เรียกว่าเราใช้หลักศาสนาผิดทาง  การปล่อยวางนั้นหมายความว่าต้องปล่อยวางทางจิตใจ แต่ในความรับผิดชอบคุณยังต้องทำต่อ  เช่น ในธุรกิจของแอน  แอนมีความรับผิดชอบที่ต้องดูแลลูกน้อง  ทำให้เราต้องหางานเข้าบริษัทหาเงินมาเลี้ยงดูลูกน้อง  ซึ่งทำให้เราปล่อยวางไม่ได้  บางครั้งแอนเคยคิดนะคะว่าแอนอยากจะทิ้งบริษัทไปสักครึ่งปีเพื่อไปเที่ยวเล่นแต่ถ้าทำอย่างนั้นทีมงานก็จะไม่มีอะไรกิน  แอนต้องยอมรับว่าวัยนี้เป็นวัยที่ต้องสร้างฐานะให้ชีวิตมั่นคง  ช่วงนี้แอนเลยยอมเหนื่อยไปสักอีกสองสามปี  หลังจากนี้ค่อยว่ากัน  ถ้ายังต้องเหนื่อยต้องโหมแบบนี้ไปตลอด  แอนก็ไม่เอาแล้ว  คงจะถอยเหมือนกันค่ะ

ถ้าคุณแอนถอย  แล้วเป้าหมายของชีวิตล่ะคะคืออะไร

แอนเป็นคนไม่ตั้งเป้าอะไรให้ชีวิตเลย  สมัยก่อนเคยอยากมีบ้าน  อยากมีโน่นมีนี่เยอะไปหมด  แต่พอมาวันหนึ่งแอนซื้อคอนโดเล็ก ๆ อยู่แถวทองหล่อด้วยความที่พื้นที่มีจำกัด  มันเลยสอนให้เรารู้จักความพอเพียงอย่างตู้เสื้อผ้า  พื้นที่วางได้แค่ห้าตู้  ก็ทำให้แอนต้องซื้อเสื้อผ้าน้อยลงเพราะตู้มีน้อย  และทำให้แอนคิดได้ว่าแม้พื้นที่จะเล็ก แต่ถ้าใจเรามีความสุข  มันก็โอเค  แอนชอบชีวิตที่เบ็ดเสร็จ  คือเดินไปนิดหนึ่งก็ถึงเตียง  เดินไปหน่อยก็ถึงโต๊ะทำงาน  แอนชอบแบบนี้เพราะฉะนั้นในหัวจึงไม่มีเรื่องของการมีบ้านหลายฟังก์ชัน เช่นต้องมีห้องโฮมเธียเตอร์  หรือห้องยิมแบบนั้น  แอนพอใจกับชีวิตที่เรียบ ๆ ง่าย ๆ  แอนไม่อยากได้อะไรใหญ่โต  รถก็เหมือนกัน  ทุกวันนี้แอนมีแค่รถตู้คันเดียว  ไม่มีรถสปอร์ตหรือรถคันเล็ก ๆ ไว้ใช้ชีวิตแอนไม่ต้องการอะไรแล้ว  และไม่รู้เหมือนกันว่าชีวิตตัวเองตอนนี้ต้องการอะไร  ทุกวันนี้ที่ยังอยากได้อยากมีอยู่ก็คงเป็นเรื่องอยากสวย  อยากมีสุขภาพดี  อยากมีแก้มสีชมพู  อยากผิวดี ๆ  ยังไม่อยากมีผมหงอก  อยากกินอาหารอร่อย ๆ  อยากนอนให้เขานวดสปาให้  แอนอยากแค่นี้จริง ๆ

แล้วเรื่องความรักล่ะคะ  มีความสำคัญกับชีวิตคุณแอนมากแค่ไหน

ความรักเป็นสิ่งจำเป็น  ชีวิตเราคงอยู่ไม่ได้ถ้าปราศจากความรักแล้วยิ่งอาชีพของแอนคือนักแสดง  แอนจึงอยู่ด้วยความรู้สึกล้วน ๆดังนั้นเวลาทำอะไรแอนจะใช้หัวใจมากกว่าสมอง  จึงทำให้เราเหนื่อยมากและมีโอกาสรู้สึกผิดหวังเยอะกว่าคนอื่น  ซึ่งแอนจำเป็นต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน

อย่างเรื่องชีวิตคู่  แรก ๆ ก็มีความสุขหวือหวาดี  แต่พออยู่ไปนาน ๆ ก็มีทะเลาะเบาะแว้งกัน  ไม่เข้าใจกัน  ได้รู้จักกันว่าชอบหรือไม่ชอบอะไร  ท้ายที่สุดเราก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน  ก็คงยังคบกันต่อไปจนกว่าจะเบื่อกันไปข้างหนึ่ง  ซึ่งแอนไม่ได้ซีเรียสว่าจะต้องจัดงานแต่งงาน  แต่ถ้าพ่อแม่เราเห็นว่าเป็นสิ่งที่สมควรทำก็จะทำให้

คลิกที่นี่!หรือกดเลข 4 ด้านล่างเพื่ออ่านหน้าถัดไป

คุณแอนวางแผนอนาคตไว้อย่างไรคะ

แอนเป็นคนเรื่อย ๆ  ถ้าดูเผิน ๆ เหมือนแอนเป็นคนชอบวางแผนนะ  แต่ความจริงแอนปล่อยให้มันเป็นไปเลย  อย่างเรื่องชีวิตคู่นี่เห็นชัดมาก  แอนไม่คาดหวังอะไร เพราะเท่าที่ผ่านมาบางครั้งเราพร้อม เขาไม่พร้อมหรือเขาพร้อม เราไม่พร้อม  ไม่ลงตัวกันสักที  แอนเลยปล่อยมันไปอย่างนี้  เอาความสบายใจเป็นหลัก  ถ้าคิดว่าอยู่แบบนี้แล้วมีความสุขดีก็อยู่ไป  ไม่มีรูปแบบตายตัวอะไร

ในการคบเพื่อนก็เหมือนกัน  บางคนบอกว่าทำไมแอนยังคบกับคนนั้นคนนี้ที่เขานิสัยไม่ดีหรือเป็นเมียน้อยคนอื่น  แอนว่าในการคบคน  เราต้องแยกชิ้นส่วนให้เป็น  สมมุตินะคะว่าเขาอาจไม่ใช่แฟนที่ดี แต่เขาเป็นเพื่อนที่ดีได้  แอนก็ยังจะคบกับเขาอยู่  เราต้องพิจารณาเป็นส่วน ๆ ไป  ไม่อย่างนั้นเราก็ต้องเอาทุกคนออกจากชีวิตไปหมด  เพราะไม่มีใครหรอกค่ะที่ดีพร้อม  ทุกคนมีด้านมืดของตัวเอง  แต่แอนจะเลือกคบในส่วนดีของเขา  แอนเป็นคนอย่างนั้นค่ะ

ทราบมาว่าคุณแอนชอบช่วยงานจิตอาสาด้วย  งานที่ทำอยู่ตอนนี้มีอะไรบ้างคะ

แอนเป็นทูตมะเร็งเต้านมของโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ค่ะ  ที่ได้เข้าไปร่วมโครงการกับเขาก็เพราะแอนไปตรวจมะเร็งเต้านมที่ศูนย์สิริกิติ์กับ คุณหมอกฤษณ์  จาฏามระ  ท่านเลยชวนให้แอนเป็นแอมบาสเดอร์ของโครงการฯ ช่วยรณรงค์ให้คนใส่ใจไปตรวจมะเร็งเต้านมค่ะ  นอกจากนี้แอนก็ยังเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับสภากาชาดไทยด้วย  เพราะแอนเคยไปบริจาคอวัยวะ  เขาเลยให้แอนช่วยรณรงค์ให้คนมาบริจาคอวัยวะค่ะ

คลิกที่นี่!หรือกดเลข 5 ด้านล่างเพื่ออ่านหน้าถัดไป

ในฐานะที่คุณแอนเป็นทูตมะเร็งเต้านม  คุณแอนจะพูดให้กำลังใจคนที่กำลังเผชิญโรคนี้อย่างไรคะ

แอนว่าถ้าเรามีโรค  การมีเงินทองมากมายมันก็ช่วยอะไรเราไม่ได้  แอนอยากให้คนที่กำลังเผชิญกับโรคอยู่หายเร็ว ๆ เหนือสิ่งอื่นใด  เรื่องของกำลังใจเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่จะทำให้เราหายได้และแอนเชื่อว่าการศึกษาธรรมะจะช่วยให้ไม่เครียด ช่วยให้ผ่อนคลายและปล่อยวางได้  แอนว่ามะเร็งจะลุกลามตามความเครียดถ้าเราไม่เครียดเสียอย่าง  เราก็จะชนะทุกอย่าง  การศึกษาธรรมะช่วยได้ค่ะ  แอนมั่นใจ

เวลามีความทุกข์เข้ามาในชีวิต  คุณแอนทำอย่างไรให้คลายทุกข์คะ

แอนจะสะกดจิตตัวเอง  ถ้าทุกข์มาก ๆ แอนจะตั้งสติถามตัวเองและพิจารณาดู  ว่าเราเคี่ยวเข็ญตัวเองมากไปหรือเปล่า  แอนพยายามคิดให้ได้ว่าชีวิตมันสั้นนะ  ไม่รู้จะตายวันตายพรุ่ง  พยายามปล่อยวาง  คิดว่าช่างมันเหอะ  และพยายามดึงตัวเองออกจากความทุกข์  บอกกับตัวเองว่าให้ใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบัน  อย่าไปอยู่กับอดีตที่ผ่านไปแล้วหรืออนาคตที่เราคาดหวัง  แอนว่าบางครั้งคนเราชอบคิดถึงแต่อดีตและอนาคตจนลืมปัจจุบันซึ่งเป็นจุดที่เรายืนอยู่

จุดที่คุณแอนยืนอยู่ทุกวันนี้  เป็นจุดที่ถือได้ว่าประสบความสำเร็จมากเลยนะคะ

ค่ะ  ก็ถือว่าดีกว่าหลาย ๆ คน  ดีกว่าที่แอนคิดไว้มาก  นั่นเป็นเพราะแอนใช้หัวใจทำงาน  แอนไม่เอาเปรียบใครและพยายามจริงใจกับทุกคน  แต่บางครั้งเมื่ออยู่ในโลกธุรกิจ  มันก็ต้องมีชั้นเชิงบ้างต่อรองบ้าง  เขี้ยวบ้าง  เพื่อให้ได้ในสิ่งที่เราต้องการ  และทำไปเพื่อความอยู่รอด  แต่ทุกอย่างก็ต้องอยู่บนพื้นฐานของความแฟร์  เพื่อให้ชีวิตดำเนินต่อไปได้  ซึ่งแอนก็โอเคกับชีวิตขณะนี้มาก ๆ และสามารถพูดได้ว่า

“ชีวิตตอนนี้ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว” 

 


Secret  BOX

จริงใจได้แต่อย่าจริงตลอดเวลา

เพราะชีวิตต้องระวัง

แอน  ทองประสม

Posted in MIND
BACK
TO TOP
A Cuisine
Writer

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.