เห็นแก่ตัว

ยิ่งเจริญ ก็ยิ่ง เห็นแก่ตัว ธรรมะจากท่านพุทธทาสภิกขุ

ยิ่งเจริญ ก็ยิ่ง เห็นแก่ตัว ธรรมะจากท่านพุทธทาสภิกขุ

ความไม่ เห็นแก่ตัว เป็นพื้นฐานที่ดีที่สุด คือจะเห็นแก่ความถูกต้อง และจะเห็นแก่ผู้อื่น แต่ถ้ามันเห็นแก่ตัวเสียแล้วมันจะไม่เห็นแก่ผู้อื่น ไม่เห็นแก่ความถูกต้อง มันเอาแต่ประโยชน์ของกู ความเห็นแก่ตัวกับความไม่เห็นแก่ตัวนี้มันไกลกันลิบ แต่แล้วมันก็น่าเศร้าที่ว่า ยิ่งเจริญ โลกนี้ยังมีความเห็นแก่ตัวมากขึ้นทุกที ตามความเจริญของโลก

สมัยคนป่าไม่เห็นแก่ตัวมากเท่าคนที่สมัยเจริญแล้วอย่างนี้ ยังไม่มีการคิดที่จะเอาเปรียบหลอกลวงคดโกงกัน ยังไม่มีนักการเมือง นักเศรษฐกิจที่จะล้วงกระเป๋าของคนอื่น แต่พอมาสมัยนี้มีความเจริญด้วยสิ่งที่จะมาบำรุงบำเรอสนองความต้องการ ใครควรจะหัวเราะเยาะใคร

อาตมาเห็นว่าคนสมัยก่อนมีปัญหาน้อย ความทุกข์น้อย เบียดเบียนน้อย ไม่ขัดกันเหมือนกับคนสมัยนี้ซึ่งมีวิชา ความรู้เจริญสำหรับขัดกัน แย่งชิงกัน ต่อสู้กัน โกหกหลอกลวงกัน ซึ่งคนแต่ก่อนไม่รู้จักทำ ทำไม่เป็น ที่เรียกว่าความเห็นแก่ตัวมันทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง จนเราเรียกว่าโลกนี้มันแคบมันจะไม่มีที่อยู่ เพราะมีความเห็นแก่ตัว มีคนที่เห็นแก่ตัวเพิ่มขึ้น และเพิ่มขึ้น

ถ้าสมมติว่าคนสมัยนี้ไม่เห็นแก่ตัวมีธรรมะถูกต้องแล้ว ก็จะอยู่กันอย่างสบายกว่านี้ โลกใบนี้ โลกเล็กๆ จะบรรจุคนได้มากกว่านี้อีกมากมายนัก ถ้าคนมันไม่เห็นแก่ตัว การเห็นแก่ตัว มันก็ไม่ไหว มันจะเอาเปรียบมาก จนโลกนี้ไม่พอ ฉะนั้นเมื่อมีความเห็นแก่ตัวนั้น มันก็มีปัญหาเกิดขึ้น คือมีกิเลส กระทำไปตามอำนาจของกิเลส มันก็เกิดปัญหา ยิ่งเจริญด้วยวัตถุมันก็ยิ่งเจริญด้วยเหยื่อของกิเลส ไปคิดดูเองก็แล้วกัน

เพราะความเจริญทางวัตถุนั้นมันออกมาจากความเห็นแก่ตัว เมื่อมนุษย์มีกิเลสมากขึ้น ก็จัดสรรหาเหยื่อของกิเลสมากขึ้นจนมาถึงยุคนี้ก็ใช้ อุตสาหกรรมเทคโนโลยีอะไรก็แล้วแต่จะเรียก ก็หาเหยื่อให้แก่กิเลส เพราะฉะนั้นเหยื่อของกิเลสมันจึงก้าวหน้าเหลือประมาณยิ่งก้าวหน้าทางเหยื่อของกิเลสก็ยิ่งเห็นแก่ตัว

ดังนั้น มนุษย์ยิ่งเห็นแก่ตัว พ่ายแพ้แก่กิเลส ฝ่ายความดีงามถูกต้องมันถอยกำลังลงไป เพราะว่ามนุษย์สมัครเป็นทาสของกิเลสมากขึ้น ฉะนั้นจึงมีการเบียดเบียนกันทั่วไปทุกหัวระแหง ทั่วโลก ซึ่งสมัยที่เรายังเป็นคนป่านู้นมันทำไม่ได้ เพราะไม่ต้องการอะไรมากมายอย่างนั้น

เดี๋ยวนี้มีความฉลาด มีอาวุธ มีความก้าวหน้าทางเครื่องมือเครื่องใช้มันเลยรบราฆ่าฟันกันได้ เรียกว่าไม่มีหยุดมีหย่อน เพราะว่าถ้ามันทำกันด้วยสงครามร้อน มันก็ทำกันด้วยสงครามเย็นที่เร้นลับ ที่ซ่อนอยู่ส่วนลึกของสงครามเศรษฐกิจสงครามการเมืองและก็ออกมาเป็นสงครามยิง สงครามไฟ เมื่อไรก็ได้ สังเกตดูมันมีตลอดเวลานะไอ้สงครามฆ่ากันโดยตรง

นี่ก็เพราะความเห็นแก่ตัว

ขอบคุณข้อมูลจากหอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ
ติดตามอ่านชีวิตที่มีพื้นฐานฉบับเต็ม ได้ที่นี่


บทความน่าสนใจ

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.