คติของเรื่องนี้…ก็เหมือนมีใครสักคนหนึ่งส่งรูปบุคคลสาธารณะมาให้เราดูทางฟอร์เวิร์ดเมล ทางเฟซบุ๊ก และโดยที่เราก็ไม่รู้เหนือไม่รู้ใต้ พอเห็นรูปปั๊บเราก็ร่วมผสมโรงเลย นี่เขาเรียกว่า “แหวกพุงเพื่อน”
ปฏิบัติการแหวกพุงเพื่อนโดยที่ตัวเองไม่มีความรู้ ไม่มีความเชี่ยวชาญ ไม่ได้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์อะไรทั้งสิ้น ความรู้ไม่มีแต่ฉันมีความเห็น จากนั้นก็แหวกพุงเพื่อนด้วยการวิจารณ์รูปภาพ วิจารณ์ข้อความต่าง ๆ จนในที่สุดพอมาถึงคนสุดท้าย คือคนที่ล้าน เรื่องเล็ก ๆ ก็กลายเป็นเรื่องที่ไม่เหลือเค้าความเดิมให้เห็นอีกเลย
นี่คือปฏิบัติการแหวกพุงเพื่อน ปฏิบัติการแหวกพุงบุคคลสาธารณะ ปฏิบัติการแหวกพุงเพื่อนมนุษย์ ทั้ง ๆ ที่เราไม่อยู่ในฐานะที่จะไปแหวกพุงใครได้ เรื่องนี้ถ้าลิงจ่าฝูงโทรศัพท์ไปหาหมอ ส่งไลน์ไปก็ได้ เรียกหมอมารักษาลูกน้อง แผลนิดเดียวก็คงจะหาย จริงไหม
เรื่องบางเรื่องต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญ แต่ในกรณีนี้ไม่ยอมใช้บริการผู้เชี่ยวชาญ แต่ใช้บริการพวกอยากรู้อยากเห็น หนำซ้ำก็ไม่ได้มีความรู้ในเรื่องนั้น ๆ ไม่ใช่ผู้สันทัดกรณีแค่มีความอยากรู้อยากเห็น ก็เลยช่วยกันแหวกแผลให้กว้างขึ้นโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์
มีบุคคลสาธารณะเท่าไหร่แล้ว มีคนเล็กคนน้อยเท่าไหร่แล้วที่เจ็บช้ำน้ำใจ เพราะใครบางคนปฏิบัติการแหวกพุงคนเหล่านั้นโดยที่เขาไม่รู้เนื้อไม่รู้ตัว
อาตมภาพเองเป็นพระก็ยังถูกแหวกจีวรอยู่เสมอ เร็ว ๆ นี้มีสื่อมวลชนท่านหนึ่งโทรศัพท์มาถาม
“พระอาจารย์ครับ นี่เขาวิจารณ์พระอาจารย์ยกใหญ่เลยนะ”
“เรื่องอะไรลูก”
“ก็เขาวิจารณ์พระอาจารย์เป็นพระแต่ไปไหว้โยม”
“มันยังไงลูก ส่งรูปมาให้ดูสิ”
ปรากฏว่า เป็นรูปของลูกศิษย์คนหนึ่งเขาซื้อหนังสือแล้วก็ถวายอาตมภาพที่สนามบินสุวรรณภูมิ อาตมารับแล้วก็ให้พรเขา ยืนประนมมือให้พรธรรมดานี่เอง แต่มีคนถ่ายรูปแล้วโพสต์ในเฟซบุ๊ก เขียนว่า “ท่าน ว.ทั้ง ๆ ที่เป็นพระ แต่ก็ไหว้โยม”
อาตมาไม่รู้จะว่ายังไง ก็เลยตอบไปว่า “คุณโยม ใครเป็นคนโพสต์รูปนี้เป็นคนแรกช่วยไปซื้อกึ๋นไก่ให้เขากินหน่อย จะได้มีกึ๋นหรือไม่งั้นตอนกลางคืนก็ช่วยบอกให้เขาเดินออกไปกลางแจ้ง แล้วชวนเขามองบนฟ้า”
“มองทำไมครับพระอาจารย์”
“ชวนเขามองดาวทุกคืน ตาจะได้มีแวว”
เอาแววดาวมาแปะที่แววตา ตาจะได้มีแวว อันนี้อาตมาพูดขำ ๆ นะ ไม่ได้พูดด้วยความโกรธ เรื่องไม่เป็นเรื่องแท้ ๆ แต่พอเราไม่มีความรู้ในสิ่งที่กำลังแสดงความเห็นก็ชักชวนคนอื่นซึ่งไม่รู้เหมือนกันไปด่าอีก ด่าไปด่ามา ด่ามาด่าไป แต่ถ้ามีผู้เชี่ยวชาญมาชี้ว่า นั่นไม่ใช่เรื่องที่เป็นความผิดพลาดอะไรใด ๆ ทั้งสิ้น เป็นธรรมดาของพระ เมื่อให้พรโยมก็ต้องพนมมือเป็นธรรมเนียมพระ
ตัวเองกระโดดลงทะเลแล้ว ขาสั้นยังไม่ถึงพื้นทะเล แต่ไม่โทษว่าขาตัวเองสั้นดันไปโทษว่าทะเลมันลึก คนอย่างนี้ก็มีในโลกนะ คือไม่มีความรู้แต่ชอบแสดงความเห็น บางครั้งตั้งใจจะแสดงความเห็นเพื่อแสดงว่าตัวเองเป็นผู้รู้ แต่เพราะตัวเองไม่มีความรู้จริง ยิ่งแสดงความเห็นจึงยิ่งประจานว่าตัวเองไม่รู้อะไร
กลายเป็นการประจานตัวเองในโลกอินเทอร์เน็ต ในโลกของสื่อออนไลน์ สื่อสังคมไป
คนไทยสมัยนี้ถ้าใช้โซเชียลเน็ตเวิร์คโดยไม่มีวิจารณญาณ วิพากษ์วิจารณ์โดยขาดความรู้ ขาดความรับผิดชอบ คนเหล่านี้ไม่ต่างกับคนมือบอนที่ชอบเขียนอะไรเลอะเทอะในผนังห้องน้ำ เพียงแต่ผนังห้องน้ำแปรสภาพ คือไม่ได้อยู่ในห้องน้ำแต่มาอยู่ในโลกออนไลน์แทน
อยากจะฝากพวกเราทุกคนไว้ว่าทุกครั้งที่จะบริโภคสื่อ บริโภคข่าวสารบริโภคข้อมูลบนสื่อสังคมออนไลน์ คิดให้ดี ๆ ใช้วิจารณญาณให้เยอะ ๆ
ถือหลักของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่เรียกกันว่า “กาลามสูตร” ไว้เป็นดีที่สุด
Image by Pexels on Pixabay