ผู้ที่สนใจเรื่องการระลึกชาติไม่ได้มีแต่ผู้คนในแถบเอเชียเท่านั้น ปัจจุบันคนตะวันตกทั้งในอเมริกาและยุโรปต่างหันมาสนใจเรื่องนี้มากขึ้น
ดร.เอียน สตีเวนสัน เป็นนักวิจัยที่มีชื่อเสียงที่สุดผู้หนึ่ง ซึ่งอุทิศตนเองให้การศึกษาวิจัย และเขียนหนังสือเกี่ยวกับการระลึกชาติและการกลับชาติมาเกิดตั้งแต่ปี ค.ศ. 1966
ต่อไปนี้คือบางตัวอย่างจากการเดินทางไปทั่วโลกเพื่อเสาะหาผู้ที่อ้างว่าระลึกชาติได้ของเขา
• เด็กชายคนหนึ่งในเบรุต อ้างว่า ชาติที่แล้วตนเองเป็นช่างซ่อมรถที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถชน และสามารถบอกชื่อคนขับรวมทั้งสถานที่เกิดเหตุได้อย่างถูกต้องแม่นยำ นอกจากนั้นยังบอกชื่อพ่อแม่พี่น้องของช่างซ่อมรถคนนี้ได้ด้วย ทั้งๆ ที่คนทั้งหมดเสียชีวิตไปก่อนที่เด็กคนนี้จะเกิด
• เด็กหญิงชาวพม่าคนหนึ่ง อ้างว่า ชาติที่แล้วเธอคือป้าของตัวเองที่เสียชีวิตระหว่างการผ่าตัดหัวใจ เด็กคนนี้มีปานเป็นรอยเส้นตั้งแต่ใต้ราวนมลงมาจนถึงท้องด้านบน ซึ่งเป็นบริเวณเดียวกับที่แพทย์เย็บแผลผ่าตัดหัวใจให้ป้าของเธอ
• อิมัด เด็กชายชาวเลบานอน สามารถเล่าเรื่องราวของตนเองในชาติที่แล้วได้เป็นฉากๆ และเมื่อเดินทางไปยังบ้านของครอบครัวเก่าของเขาซึ่งอยู่ต่างเมือง และไม่เคยรู้จักกันมาก่อนในชาตินี้ ทุกอย่างก็เป็นจริงตรงตามที่อิมัดเล่ามาทุกประการ
• เด็กชายชาวศรีลังกาคนหนึ่ง ซึ่งเกิดมาพิการแขนลีบและมือขวาพิการแทบใช้การไม่ได้เล่าว่า ชาติก่อนเคยเป็นอาของตนเองซึ่งถูกศาลตัดสินประหารชีวิตกรณีฆ่าคนตาย ก่อนตายเขาอธิษฐานว่าจะกลับมาเกิดเป็นลูกของพี่ชาย นอกจากนี้เด็กชายคนนี้ยังสามารถเล่ารายละเอียดขณะจะถูกแขวนคอได้ถูกต้องทุกรายละเอียดอีกด้วย
ปีเตอร์ รัมส์เตอร์ เป็นนักจิตวิทยาอีกคนที่สนใจเรื่องการระลึกชาติและการกลับชาติมาเกิด เขาใช้การสะกดจิตเป็นวิธีพิสูจน์เรื่องการระลึกชาติ กรณีศึกษาตัวอย่างของเขา เช่น
• ระหว่างการสะกดจิตหญิงสาวชาวออสเตรเลียชื่อ ซินเธีย แฮนเดอร์สัน ซึ่งไม่เคยเรียนภาษาฝรั่งเศสมาก่อน สามารถเล่าด้วยภาษาฝรั่งเศสที่ดีราวกับเป็นเจ้าของภาษาว่า ชาติที่แล้วเธอเกิดในช่วงสงครามปฏิวัติฝรั่งเศส และยังบอกชื่อถนนเก่าซึ่งจะหาพบได้แต่ในแผนที่เก่าเท่านั้นได้อย่างถูกต้องอีกด้วย
• เกวน แมคโดนัลด์ เล่าขณะที่ถูกสะกดจิตว่า ในชาติที่แล้วเธอเกิดเป็นชาวเมืองซอเมอร์เซต ประเทศอังกฤษ ระหว่างปี ค.ศ. 1765 – 1782 สาวออสเตรเลียผู้นี้ไม่เคยเดินทางออกนอกประเทศเลย แต่สามารถบอกรายละเอียดเกี่ยวกับเมืองที่แม้แต่ชาวเมืองปัจจุบันบางคนก็ยังไม่ทราบได้อย่างถูกต้องตามที่หอประวัติศาสตร์บันทึกไว้ ทั้งๆ ที่เอกสารเหล่านี้ไม่สามารถหาอ่านได้ในออสเตรเลีย
กดเลข 3 เพื่ออ่านหน้าถัดไป>>>
