ของชั่วคราว

” ของชั่วคราว ” บทความที่คนมีรัก แต่ไม่อยากมีทุกข์ ทุกคนควรอ่าน

การเรียนแต่ละชั้น แต่ละปี แต่ละโรงเรียนหรือสถาบันการศึกษาก็ล้วนแต่เรียนอยู่ชั่วคราว

เมื่อเข้าสู่วัยทำงาน หลายคนอาจจะผ่านงานมาหลายหน้าที่ หลายตำแหน่ง หลายองค์กร งานแต่ละหน้าที่ แต่ละตำแหน่ง แต่ละองค์กรก็ล้วนแต่เป็นของชั่วคราว

บุคคลที่เราได้พบเห็น ได้สัมพันธ์หรือผูกพัน ไม่ว่าจะเป็นสมัยวัยเรียน วัยเริ่มงาน จนถึงปัจจุบัน ล้วนมากหน้าหลายตา ผู้คนดังกล่าวผ่านมาแล้วก็ผ่านไป หลายคนสัมพันธ์กันชั่วคราว

ทรัพย์สิ่งของที่เรามี เราใช้ โดยเฉพาะเครื่องแต่งกาย เปลี่ยนไปทิ้งไป ไม่รู้กี่ครั้งกี่หน ที่ใช้อยู่ล้วนเป็นของชั่วคราวทั้งสิ้น

ความสุข ความสำเร็จ ความทุกข์ ปัญหา อุปสรรค เสียงสรรเสริญ คำนินทา เราก็ได้ผ่านมาหลายครั้งหลายหน แต่ละเรื่องราวผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ล้วนเป็นของชั่วคราว

เมื่ออดีตที่ผ่านได้เป็นประจักษ์พยานให้เราเห็นความเป็นจริงเช่นนี้ อนาคตที่จะมาถึงก็คงจะเป็นไปในทำนองเดียวกัน นั่นคือสิ่งทั้งหลายที่จะได้ จะมี จะเป็น ไม่ว่าจะดีหรือร้ายเพียงใดก็ตาม สิ่งเหล่านั้นก็จะเป็นของชั่วคราว

หันมาดูปัจจุบันที่เรากำลังเผชิญอยู่ เราติดข้องอยู่กับสิ่งใด ลองแยกแยะตามความเป็นจริง ทั้งสิ่งที่เรายินดีมีความสุขและสิ่งที่ไม่ชอบมีความทุกข์ ดูว่าสิ่งเหล่านี้มีอะไรบ้าง

ลองค้นหาสิ่งที่ผูกพันใจเราให้ยินดีมีสุขก่อน เริ่มจากความเป็นตัวตนของเรา เช่น ความรู้ ความสามารถ ความสำเร็จในด้านต่างๆ สถานะทางสังคม การใช้ชีวิตส่วนตัว บุคลิกภาพ ตลอดจนสุขภาพพลานามัย ต่อมาพิจารณาถึงบุคคลอันเป็นที่รัก ซึ่งผูกใจเราไว้แนบแน่น จากนั้นพิจารณาถึงทรัพย์สิ่งของและเครื่องใช้ที่เรายินดีพอใจ

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ไม่ว่าเราจะยินดีมีสุขมากเพียงใดก็อย่าได้ประมาทหลงระเริงในความสุข เพราะที่สุดสิ่งนั้นก็ต้องเปลี่ยนแปลงไป คงทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ การเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นบางอย่างอาจจะนำความยินดีพอใจให้เรายิ่งขึ้น หรือบางอย่างอาจจะนำความผิดหวังมาให้ก็ได้ แต่ถึงจะนำความยินดีหรือความผิดหวังมาให้ สิ่งเหล่านั้นก็จะต้องแปรปรวนเปลี่ยนแปลงต่อไปอีก เป็นเช่นนี้สืบเนื่องไป เพราะเป็นของชั่วคราว  

ในทางตรงข้าม หากมีบางสิ่งที่เราเผชิญอยู่นำความทุกข์มาให้ แม้เราอยากจะหลุดพ้นจากสภาวะดังกล่าว แต่ก็ยังไม่สามารถผ่านพ้นไปได้ จงอย่าท้อถอย ให้อดทนสู้ต่อไป วันหนึ่งสภาวะเช่นนี้ก็ต้องเปลี่ยนไป อาจจะเปลี่ยนไปในทางที่ทำให้เราทุกข์ยิ่งขึ้นหรือหมดทุกข์เลยก็ได้ แต่ไม่ว่าจะเปลี่ยนแปลงไปในทางใด ที่สุดสิ่งนั้นก็ต้องเปลี่ยนแปลงต่อไปอีก เพราะแต่ละช่วงของชีวิตล้วนเป็นของชั่วคราวทั้งสิ้น

เมื่อความจริงเป็นเช่นนี้ ชีวิตของแต่ละคนล้วนอยู่บนความเปลี่ยนแปลงที่ไม่แน่นอน  

ปัจจัยอันมีผลต่อสุขทุกข์ของคนเรานั้นอาจจะมีอยู่ 4 อย่าง คือ ความสำเร็จในหน้าที่การงาน สถานะทางเศรษฐกิจ สุขภาพพลานามัยและ บุคคลภายในครอบครัว

ในปัจจัยทั้งสี่อย่างนี้ บางคนอาจจะได้รับความสำเร็จทั้งสี่อย่าง บางคนอาจจะได้บางอย่างเสียบางอย่าง บางคนอาจจะล้มเหลวทั้งสี่อย่าง แต่ชีวิตของแต่ละคนก็ต้องโลดแล่นต่อไปบนความเปลี่ยนแปลงซึ่งมีทั้งดีและร้าย

ทุกคนต่างปรารถนาที่จะให้ชีวิตของตนเป็นไปในทางที่ดี จะสมปรารถนาได้ก็ด้วยการสร้างความดีให้มาก นั่นคือทำสิ่งที่เป็นคุณประโยชน์ต่อตนเอง ต่อผู้อื่น และต่อสังคม  

ขณะเดียวกันก็ต้องไม่ทำการใดๆ ที่เป็นโทษต่อตนเอง ต่อผู้อื่น และต่อสังคม

หากระยะแรกผลดีจะยังไม่ตอบสนอง เพราะวิบากกรรมเก่าที่เคยทำไม่ดีไว้ข่มทับอยู่ ก็อย่าได้ท้อถอย ขอให้ทำความดีไปเรื่อยๆ เมื่อความดีมีกำลังมากขึ้น ขณะที่อกุศลกรรมอ่อนกำลังลงหรือหมดไป เราก็จะพบกับความสุขอย่างแน่นอน และถึงแม้ความสุขที่ได้จะไม่เที่ยง ถึงคราวอาจจะตกลง แต่จะตกไม่นาน พลังความดีจะช่วยหนุนให้ดีขึ้น

แม้ว่าชีวิตของเราจะยืนยาวอยู่ได้ชั่วคราว แต่ความดีที่ทำไว้จะตราตรึงอยู่ยาวนาน

นอกจากนี้ยังเป็นเสบียงบุญ ส่งผลให้เราได้รับในชาติต่อไปอีกด้วย

 

ที่มา  นิตยสาร Secret
Photo by Jake Melara on Unsplash

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.